บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2552

พท.สรุปยอดผู้ร้องทุกข์ 45 ราย

ที่มา ไทยรัฐ

ความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้าน วันที่ 18 เม.ย. เมื่อเวลา 13.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงสรุปยอดผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม ที่มีประชาชนร้องเรียนมา ยังศูนย์ร้องทุกข์และเยียวยาของพรรคเพื่อไทยว่า วันที่ 16-18 เม.ย. ได้มีผู้มาร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบทั้งหมด 45 ราย ประกอบด้วย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย สูญหาย 6 ราย ทรัพย์สินเสียหาย 4 ราย แจ้งเบาะแสพร้อมรูปถ่าย 8 ราย ผู้ที่ญาติอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวและต้องการให้ ฝ่ายกฎหมายของพรรคช่วยเหลือ 8 ราย และผู้เสียชีวิต 1 ราย ส่วนสาเหตุที่ประชาชนต้องมาร้องเรียนผ่านทางศูนย์รับเรื่องราวของพรรคนั้น เกิดจากเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ทั้งตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่กล้ารับแจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากติดขัดที่รัฐบาลยังไม่ยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานไม่เต็มที่ ดังนั้นขอเรียกร้องไปถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯและพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้ง ผบ.ทบ.ที่ก่อนหน้านี้ออกมายืนยันโดยเอาหัวเป็นประกันว่าไม่มีผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุม และท้าให้พรรคเพื่อไทยออกมาเปิดเผยข้อมูลหากมีหลักฐานนั้น ให้รีบยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเร็วที่สุด เพื่อให้สื่อมวลชน และประชาชน มีอิสระในการตรวจสอบข้อเท็จจริง และกระบวนการยุติธรรมได้ทำงานอย่างโปร่งใส

จี้รัฐบาลเร่งยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ทันทีที่ยกเลิก พ.ร.ก. พรรคเพื่อไทยจะรวบรวมหลักฐานที่มีทั้งหมดออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชน พร้อมกับส่งให้คณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองตรวจสอบต่อไป โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ ในการดำเนินการ เมื่อถามว่ารัฐบาลระบุว่าที่ยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะมีการเคลื่อนไหวใต้ดินอยู่ นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเพียงคำอ้างของรัฐบาล แต่ในความเป็นจริง ถ้ารัฐบาลเคารพสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชน ไม่จำเป็นต้องอ้าง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะยังมีกฎหมายอื่นที่สามารถควบคุมความสงบเรียบร้อยได้ โดยไม่ลิดรอนเสรีภาพของประชาชน

เก็บข้อมูลเด็ดไว้แฉกลางวงประชุม

ทางด้านนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมข้อมูลของพรรคเพื่อไทยสำหรับอภิปรายในที่ประชุมรัฐสภาระหว่างวันที่ 22-23 เม.ย.ว่า พรรคเพื่อไทยกำลังรวบรวมข้อมูลต่างๆให้ครบถ้วน ตั้งแต่เรื่อง เหตุผลการสั่งการ การปฏิบัติหน้าที่ของทหารในการสลายการชุมนุม จนทำให้มีผู้บาดเจ็บสูญหาย ทั้งหมดรัฐบาลทำถูกต้องหรือไม่ โดยกระบวนการที่ฝ่าย ส.ส.และ ส.ว.เห็นตรงกันคือหลังการอภิปรายอาจจะได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วม เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการสลายการชุมนุมว่ามีความเสียหายอะไรเกิดขึ้นบ้าง และรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบอย่างไร

ย้ำ ก.ม.ปรองดองนำชาติพ้นวิกฤติ

นายวิทยากล่าวว่า ส่วนแนวทางที่จะนำไปสู่ความสมานฉันท์ในสังคมได้นั้น แนวทางหนึ่ง คือ ออก พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ที่ตอนนี้ได้บรรจุเป็นวาระการประชุมไปแล้ว โดยในการประชุมร่วมทั้ง ส.ส.และ ส.ว. เป็นโอกาสดีที่จะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือว่า เนื้อหาใน พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติมีความเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากน้อยในส่วนใดบ้าง จะเป็นผลดีทั้ง ส.ว. ส.ส. ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ได้ร่วมกันแก้ไขปรับปรุงให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย จากนั้น จะได้มีการเร่งดำเนินการต่อไป

จตุพรโวย จนท.ใช้ 2 มาตรฐาน

ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำ นปช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า หากนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯเป็นอะไรไป จะเป็นประโยชน์กับคนเสื้อแดงว่า ในทางกลับกันการดำรงอยู่ของนายสนธิ จะเป็นประโยชน์กับคนเสื้อแดงมากกว่า เพราะจะได้เป็นข้อพิสูจน์เรื่องการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรและคนเสื้อแดง ที่ถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จะเป็นสองมาตรฐานหรือไม่ รวมทั้งประชาชนจะได้เปรียบเทียบว่าต่างกันอย่างไรระหว่างการสั่งการเกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินสมัยนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ที่มอบอำนาจตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ดำเนินการ แต่ ผบ.ทบ.ไม่เคยสั่งให้ควบคุมตัว นายสนธิและพวก เหมือนที่คนเสื้อแดงถูกกระทำในปัจจุบัน

ขู่เตรียมรับมือสงครามกลางเมือง

นายจตุพรกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐบุกตรวจค้น ยึดเครื่องส่งสัญญาณและสั่งปิดการออกอากาศวิทยุชุมชนหลายแห่งรวมทั้งสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมดี สเตชั่นนั้น เหมือนกับเมื่อครั้งหลังเหตุการณ์ 6 ต.ค. 19 ที่มีการดำเนินการกับประชาชนจนต้องหนีเข้าป่า และจับอาวุธขึ้นสู้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ควรกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์และจำเอาไว้ว่าที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้ ที่ใดที่มีแรงกด ที่นั่นย่อมมีแรงต้าน ส่วนผู้ที่คิดว่าตัวเองชนะและดำเนินการกับฝ่ายที่ถูกมองว่าพ่ายแพ้นั้น อยากถามว่าคิดหรือว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะกลัวรัฐบาล การไปคุกคามแล้วจีบปากจีบคอหาความสมานฉันท์นั้น ถ้าปากอย่างใจอย่างก็อย่าพูด ถ้านายอภิสิทธิ์ มั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์สามารถคุ้มหัวได้ก็เชิญทำต่อไป และอยากถามไปถึงรัฐบาลว่าทำไมไม่ปิดเอเอสทีวีบ้าง เพราะสถานะของดีสเตชั่นกับเอเอสทีวี ถือว่าเป็นโทรทัศน์ ผ่านดาวเทียมเหมือนกัน หากรัฐบาลยังบริหารงานเป็นสองมาตรฐานไม่รู้ว่าจะทำงานไปได้อีกกี่วัน นายอภิสิทธิ์เชื่อหรือว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะคุ้มกะลาหัวรัฐบาลได้ เพราะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมา 5 ปี เสียงปืนยังไม่เคยดับ สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น แล้วการเอาอาวุธมากดขี่ข่มเหงฝ่ายที่ตัวเองคิดว่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้จะนำไปสู้สงครามกลางเมือง ถ้าเกิดขึ้นมาเมื่อไรแล้วรัฐบาลคิดหรือว่าตัวเองจะเอาอยู่ เพราะวันนี้อีก 73 จังหวัดจะมาเกิดปัญหาเหมือน 3 จังหวัดภาคใต้

บันทึกรายละเอียดลงซีดีแฉกองทัพ

นายจตุพรกล่าวต่อว่า ขอฝากไปถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่บอกว่าพร้อมเอาชีวิตเป็นเดิมพัน โดยยืนยันว่าตามที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ทบ. ได้ออกโทรทัศน์ ชี้แจงผลการสลายการชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดงว่าไม่มีใครเสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมตนขอยืนยันว่ามีคนตายจำนวนมาก เพราะมีหลักฐานเสื้อผ้าของคนตาย ที่บางคนอยู่บนรถจีเอ็มซี และบางคนที่สลบพอฟื้นก็พบว่ารถคันดังกล่าวมุ่งหน้าไปลพบุรี ระบุว่าพบคนที่อยู่ในรถคันดังกล่าวเต็มไปด้วยคราบเลือดนับ 10 คน จึงได้กระโดดในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี ขณะที่ บางส่วนถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวโดยไม่ขอระบุสถานที่ ดังนั้น พล.อ.อนุพงษ์ต้องไปดูว่าทหารพาประชาชนไปไหน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้แม้ตนจะเป็นอะไรไป เขาได้บันทึกรายละเอียดเป็นวีดิโอไว้ครบถ้วนแล้ว ไม่ได้อยู่ที่ตน แต่บอกว่าต่อให้คุณไปข่มขู่ในการให้ปากคำ แต่ทำไม 2 ศพ ที่ลอย ในแม่น้ำเจ้าพระยาเปลี่ยนการให้ปากคำว่าไปร่วมการชุมนุมแต่วันรุ่งขึ้นเปลี่ยนคำให้การ ถามว่าคุณไปข่มขู่ต่อรองผลประโยชน์อะไรกับเขา

โยนเผือกร้อนใส่มือ เนวิน

นายจตุพรกล่าวว่า รัฐบาลยืนยันได้หรือไม่ว่า ทหารไม่ได้ยิงพี่น้องประชาชน ถ้า พล.อ.อนุพงษ์ และพ.อ.สรรเสริญ ยังยืนยันว่าไม่มีการใช้อาวุธสงครามตนจะนำพี่น้องประชาชนที่ถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 มาแสดง ให้ พล.อ.อนุพงษ์รับผิดชอบ ทั้งนี้ ต้องใช้เวลาให้พี่น้องประชาชนมาแจ้งว่ามีพี่น้อง หรือญาติสูญหาย หรือเสียชีวิตกี่คน เพราะมีหลายคนมีคลิปวีดิโอถึงภาพเหตุการณ์ชัดเจน จึงมองว่า พล.อ.อนุพงษ์พูดกับกล้องทีวีได้ แต่ขอให้ไปพูดต่อหน้าพระแก้วมรกต พระสยามเทวาธิราช และหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ดีกว่า อีกทั้งขอตั้งคำถามว่า วันที่ 14 เม.ย. ที่มีการกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงยิงมัสยิด ย่านกิ่งเพชร กทม. แต่ปรากฏว่ามีคนพบว่านายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน พรรคภูมิใจไทย ไปอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวด้วย จึงตั้งข้อสังเกตว่ากรณีนี้อาจจะเป็นการจัดฉากใส่ร้ายคนเสื้อแดง เหมือนกรณีรถเมล์ที่มีคนขับมาคนเดียวฝ่าด่านทหารเข้ามาอย่างง่ายดายแล้วเอามาเผา เพราะไม่เคยมีหลักฐานแจ้งความเอาผิดกับการบุกยึดรถเมล์ในวันเกิดเหตุเลย นอกจากนี้ ฆาตกรที่ฆ่าชาวบ้านย่านนางเลิ้ง 2 ศพ ก็ได้ไปปรากฏตัวนั่งร่วมในงานศพราวกับเป็นญาติสนิท แต่เรื่องนี้ตนยังดีใจที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ได้ออกมาบอกว่าฆาตกรเป็นลูกน้องของใคร

ไม่สน ปชป.ยกมืองดใช้เอกสิทธิ์

นายจตุพรกล่าวว่า ส่วนกรณีที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ บางคนเข้าใจว่าตนขอใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.ไม่ให้ถูกจับกุมในสมัยประชุมสภาฯนั้น ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 137 ระบุว่าหากจะดำเนินคดีต่อ ส.ส.ในสมัยประชุม ต้องทำหนังสือ แจ้งไปยังประธานสภาฯ ตนได้ระบุว่าที่ประชุมสภาฯไม่ต้องอนุมัติตามประเพณีปฏิบัติ เหมือนกรณีนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่าตนไปขอเอกสิทธิ์นั้นไม่ใช่ แต่ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แม้แต่กรณีที่จะสามารถจับตนได้กรณีเดียว คือ ขณะที่เกิดเหตุ และต้องปล่อยตัวโดยพลัน วันนี้มันเลยจุดเกิดเหตุมาแล้ว ไม่มีสิทธิมาจับกุม ส่วนที่นายอรรถพร พลบุตร สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าจะไม่ยกมือให้ในการใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองนั้น ขอย้ำว่าไม่ได้มีความประสงค์จะใช้เอกสิทธิ์ ส.ส. แต่กฎหมายคุ้มครอง ส.ส.เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลมากลั่นแกล้ง ตนยังมีสถานะ ไม่ได้สนใจร้องขอประชาธิปัตย์

กร้าวรัฐบาลอย่าเหิมบีบคนจนตรอก

นายจตุพรกล่าวว่า ขณะนี้กำลังเตรียมที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ที่ถือเป็นฆาตกร ขอร้องให้นายอภิสิทธิ์ดูแลลูกน้องอย่าได้มาพูดดูถูก ถ้ายังไม่หยุดจะใช้สิทธิ์ตอบโต้ จะทำอะไรกับตนก็ได้ หรือจะทำเหมือนที่ทำกับนายสนธิก็ได้ แต่ขอเตือนว่าประชาชนไม่กลัวปืน เพราะเมื่อคนเราถึงจุดที่จนตรอก เมื่อความอดทนถึงที่สุดก็สุดทน แล้ววันนั้นจะรู้อะไรเป็นจริง และถ้ายังกดขี่กันอย่างนี้ เชื่อว่าสงครามครั้งสุดท้ายจะเกิด ไม่ว่าพวกตนจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม ถ้ารัฐบาลไม่เลิกกดขี่ผู้คน ทำตัวเสมือนผู้ชนะดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สงครามครั้งสุดท้ายจะเกิด ขอเตือนไว้ว่าปืนทุกกระบอกฆ่าคนได้ไม่หมด

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะนำวีดิโอ หรือคลิปที่ได้จากการร้องทุกข์ไปให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายหรือไม่ นายจตุพรตอบว่า มีการบันทึกรายงานด้านการแพทย์ รวมทั้งการบรรยายเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นวีซีดี อธิบายวันเกิดเหตุ ทั้งเสื้อผ้าคนตาย รวมทั้งการรายงานมายังพรรคและสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย โดยทางโฆษกพรรคจะแถลงเพิ่มเติม และนำไปให้เจ้าหน้าที่ สอบสวนแน่นอน หลังจากนี้ 1-2 วัน จะปรากฏให้ทราบ

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker