น่าเสียดายที่การเจรจาระหว่างรัฐบาลและนปช.จบเห่ในรอบ 2 แม้จะยังเหลือช่องเล็ก ๆ ว่า อาจมีการเจรจารอบ 3 อีก แต่โอกาสเลือนรางเต็มทน เมื่อต่างมีธง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีธงว่า ต้อง 9 เดือนถึงจะยุบสภา แต่แกนนำ นปช.มีธงว่า ต้องยุบสภาใน 15 วัน
ฝ่ายรัฐบาลที่นำโดย นายกฯ อภิสิทธิ์ ยกเหตุผลว่า เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในการ หาเสียง และต้องแก้ไขรธน.ซึ่ง เป็นกติกาในการเลือกตั้งให้เสร็จก่อน ส่วน ปัญหาเศรษฐกิจไม่ใช่เงื่อนไข เพราะรัฐบาล แก้ได้แล้ว
ข้อเสนอ 9 เดือนนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ได้พูดในที่ประชุมใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ครั้งล่าสุดว่า ยุบสภาสิ้นปีนี้ มั่นใจว่า พรรคจะได้รับเลือกถึง 280 ที่นั่ง มากกว่านายอภิสิทธิ์ที่กะว่าจะได้ 240 ที่นั่ง
นั่นเท่ากับสิ้นปีนี้ รัฐบาลโดยนาย อภิสิทธิ์ก็ตั้งใจที่จะยุบสภาอยู่แล้ว ข้อเสนอ 9 เดือน จึงเป็นความตั้งใจเดิม ไม่ว่าจะมีการเรียกร้องจากกลุ่ม นปช.หรือไม่ก็ตาม
ทำไม 9 เดือน เกมนี้อ่านง่าย เพราะรัฐบาลจะได้ทำงบประมาณแผ่นดินเพื่อหาเสียงในโครงการต่าง ๆ และโยกย้ายเอาคนของตัวไปอยู่ตำแหน่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้งใหญ่อีกรอบ ในเดือนตุลาคมนี้
เป็นเรื่อง ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ การเจรจาจึงล่มกลางคัน ป่วยการที่จะชี้หน้าโยนความผิดให้กันและกัน หากทั้ง สองฝ่ายจริงใจที่จะหาทางลงให้วิกฤติชาติ ทำไมไม่เอาข้อเสนอ 155 นักวิชาการทั่วประเทศรวมเครือข่ายต่าง ๆ กว่า 250 คน ที่ลงชื่อเป็นจดหมายเปิดผนึกเสนอ 3 แนวทางต่อนายอภิสิทธิ์ และแกนนำนปช. ไปทำ นั่นคือ
1.ให้นายกรัฐมนตรีประกาศว่า จะยุบสภาใน 3 เดือน โดยรัฐบาลต้องไม่มองว่า การยุบสภาคือความพ่ายแพ้ แต่ควรเห็นว่า นี่คือหนทางดีที่สุดสำหรับปลดเงื่อนไขความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น ประการสำคัญ การยุบสภา คือการคืนอำนาจให้ประชาชนในภาวะบ้านเมืองที่ไม่สามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้ ส่วนฝ่ายนปช.ไม่ควรยืนยันให้รัฐบาลยุบสภาในทันที แต่ควรให้เวลา 3 เดือนรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาและผลักดันนโยบายที่เร่งด่วนก่อน
2.รัฐบาลและผู้นำนปช.จะต้องดำเนินการเจรจาเพื่อปลดเงื่อนตายทางการเมืองโดยเร็วที่สุด โปรดอย่าพูดว่า “จะเจรจา” เพียงเพื่อสร้างภาพความชอบธรรมให้ฝ่ายตนเท่านั้น แต่ต้องมุ่งเจรจาเพื่อสร้างกรอบกติกาการเลือกตั้ง ที่เปิดโอกาสให้การหาเสียงเลือกตั้งของทุกฝ่ายดำเนินไปอย่างเสรี ปราศจาก การคุกคาม
3.ให้กลุ่มและพรรคการเมืองทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้ง และเปิดโอกาสให้รัฐบาลใหม่ได้บริหารประเทศอย่างเต็มที่ ไม่มีการล้มกระดานด้วยวิธีการนอกระบบรัฐสภาต่อไป
ทั้งหมด เป็นทางออก และข้อเสนอที่สมเหตุสมผล เป็นการพบกันครึ่งทาง ทั้งฝ่ายรัฐบาล และ นปช.ทั้งสองฝ่าย ควรยอมรับข้อเสนอดังกล่าว เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า แทนที่จะไร้ทางออกอย่างทุกวันนี้
ส่วนเรื่องแก้รธน. ยาก ที่จะรอมชอมแล้ว ต้องยอมรับว่าหากนปช.ไม่กดดัน เรื่องแก้ไขรธน.ได้ตกไปนานแล้ว ตกไปตั้งแต่พรรคปชป.ลงมติ 80 กว่าต่อ 40 เสียงกว่าไม่เอากับพรรคร่วมที่เสนอแก้แค่ 2 มาตรา และหลังจากนั้นเรื่องนี้ก็ หายเข้ากลีบเมฆ คนของ ปชป.หรือพรรคร่วม ไม่มีใครพูดถึงเรื่องแก้ไขรธน. อีกเลย นับแต่นั้น
การหยิบเรื่องนี้มาอ้าง จึงเป็นการซื้อเวลามากกว่าการยุบสภา โยนให้ประชาชนตัดสินใจจึงถูกต้อง เข้าคูหา มีบัตร 2 ใบเลย ใบหนึ่งเลือก ส.ส. อีกใบให้เลือก จะเอารธน.ปี 40 หรือ รธน.หน้าแหลม ฟันดำ ปี 50
นี่คือทางออกดีที่สุด ทั้งสองฝ่าย คิดผิด คิดใหม่ได้ ยังมีเวลาพอ.
ดาวประกายพรึก
ฝ่ายรัฐบาลที่นำโดย นายกฯ อภิสิทธิ์ ยกเหตุผลว่า เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในการ หาเสียง และต้องแก้ไขรธน.ซึ่ง เป็นกติกาในการเลือกตั้งให้เสร็จก่อน ส่วน ปัญหาเศรษฐกิจไม่ใช่เงื่อนไข เพราะรัฐบาล แก้ได้แล้ว
ข้อเสนอ 9 เดือนนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ได้พูดในที่ประชุมใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ครั้งล่าสุดว่า ยุบสภาสิ้นปีนี้ มั่นใจว่า พรรคจะได้รับเลือกถึง 280 ที่นั่ง มากกว่านายอภิสิทธิ์ที่กะว่าจะได้ 240 ที่นั่ง
นั่นเท่ากับสิ้นปีนี้ รัฐบาลโดยนาย อภิสิทธิ์ก็ตั้งใจที่จะยุบสภาอยู่แล้ว ข้อเสนอ 9 เดือน จึงเป็นความตั้งใจเดิม ไม่ว่าจะมีการเรียกร้องจากกลุ่ม นปช.หรือไม่ก็ตาม
ทำไม 9 เดือน เกมนี้อ่านง่าย เพราะรัฐบาลจะได้ทำงบประมาณแผ่นดินเพื่อหาเสียงในโครงการต่าง ๆ และโยกย้ายเอาคนของตัวไปอยู่ตำแหน่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้งใหญ่อีกรอบ ในเดือนตุลาคมนี้
เป็นเรื่อง ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ การเจรจาจึงล่มกลางคัน ป่วยการที่จะชี้หน้าโยนความผิดให้กันและกัน หากทั้ง สองฝ่ายจริงใจที่จะหาทางลงให้วิกฤติชาติ ทำไมไม่เอาข้อเสนอ 155 นักวิชาการทั่วประเทศรวมเครือข่ายต่าง ๆ กว่า 250 คน ที่ลงชื่อเป็นจดหมายเปิดผนึกเสนอ 3 แนวทางต่อนายอภิสิทธิ์ และแกนนำนปช. ไปทำ นั่นคือ
1.ให้นายกรัฐมนตรีประกาศว่า จะยุบสภาใน 3 เดือน โดยรัฐบาลต้องไม่มองว่า การยุบสภาคือความพ่ายแพ้ แต่ควรเห็นว่า นี่คือหนทางดีที่สุดสำหรับปลดเงื่อนไขความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น ประการสำคัญ การยุบสภา คือการคืนอำนาจให้ประชาชนในภาวะบ้านเมืองที่ไม่สามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้ ส่วนฝ่ายนปช.ไม่ควรยืนยันให้รัฐบาลยุบสภาในทันที แต่ควรให้เวลา 3 เดือนรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาและผลักดันนโยบายที่เร่งด่วนก่อน
2.รัฐบาลและผู้นำนปช.จะต้องดำเนินการเจรจาเพื่อปลดเงื่อนตายทางการเมืองโดยเร็วที่สุด โปรดอย่าพูดว่า “จะเจรจา” เพียงเพื่อสร้างภาพความชอบธรรมให้ฝ่ายตนเท่านั้น แต่ต้องมุ่งเจรจาเพื่อสร้างกรอบกติกาการเลือกตั้ง ที่เปิดโอกาสให้การหาเสียงเลือกตั้งของทุกฝ่ายดำเนินไปอย่างเสรี ปราศจาก การคุกคาม
3.ให้กลุ่มและพรรคการเมืองทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้ง และเปิดโอกาสให้รัฐบาลใหม่ได้บริหารประเทศอย่างเต็มที่ ไม่มีการล้มกระดานด้วยวิธีการนอกระบบรัฐสภาต่อไป
ทั้งหมด เป็นทางออก และข้อเสนอที่สมเหตุสมผล เป็นการพบกันครึ่งทาง ทั้งฝ่ายรัฐบาล และ นปช.ทั้งสองฝ่าย ควรยอมรับข้อเสนอดังกล่าว เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า แทนที่จะไร้ทางออกอย่างทุกวันนี้
ส่วนเรื่องแก้รธน. ยาก ที่จะรอมชอมแล้ว ต้องยอมรับว่าหากนปช.ไม่กดดัน เรื่องแก้ไขรธน.ได้ตกไปนานแล้ว ตกไปตั้งแต่พรรคปชป.ลงมติ 80 กว่าต่อ 40 เสียงกว่าไม่เอากับพรรคร่วมที่เสนอแก้แค่ 2 มาตรา และหลังจากนั้นเรื่องนี้ก็ หายเข้ากลีบเมฆ คนของ ปชป.หรือพรรคร่วม ไม่มีใครพูดถึงเรื่องแก้ไขรธน. อีกเลย นับแต่นั้น
การหยิบเรื่องนี้มาอ้าง จึงเป็นการซื้อเวลามากกว่าการยุบสภา โยนให้ประชาชนตัดสินใจจึงถูกต้อง เข้าคูหา มีบัตร 2 ใบเลย ใบหนึ่งเลือก ส.ส. อีกใบให้เลือก จะเอารธน.ปี 40 หรือ รธน.หน้าแหลม ฟันดำ ปี 50
นี่คือทางออกดีที่สุด ทั้งสองฝ่าย คิดผิด คิดใหม่ได้ ยังมีเวลาพอ.
ดาวประกายพรึก