ภาพสุดท้าย - ส่วนหนึ่งของภาพวิดีโอความยาว 7 นาทีที่นายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพชาวญี่ปุ่นของสำนักข่าวรอยเตอร์บันทึกไว้ระหว่างทำข่าวการปะทะกันของกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงกับทหาร
เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ก่อนที่นายมูราโมโตะจะถูกยิงที่หน้าอกจนเสียชีวิต (รอยเตอร์)
อย่างที่รับรู้กัน ฮิโรยูกิ "ฮิโร่" มูราโมโตะ เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 เมษายน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายในฐานะช่างภาพโทรทัศน์ของรอยเตอร์ ทีวี
2 วันให้หลังตากล้องพ่อลูก 2 วัย 43 ปีรายนี้ ถูกหามส่งโรงพยาบาลในสภาพไม่สามารถจับชีพจรได้ กระสุนนัดหนึ่งเจาะเข้าบริเวณหน้าอกทะลวงออกทางด้านหลัง
กล้องโทรทัศน์ที่หลุดจากมือถูกผู้ชุมนุมประท้วงเก็บไว้ ก่อนคืนให้รอยเตอร์ในเวลาต่อมา
หลังตรวจสอบ รอยเตอร์พบว่า ภายในนั้นมีภาพวิดีโอที่เป็นผลงานของมูราโมโตะ ความยาว 7 นาทีอยู่ด้วย หากไม่ถูกตัดทอนดัดแปลงใดๆ นี่น่าจะเป็น 7 นาทีสุดท้ายในชีวิตของ "ฮิโร่" บนโลกใบนี้
เพราะรอยเตอร์ระบุว่า ไม่มีใครรู้ได้ว่า นี่คือสิ่งที่เขาถ่ายไว้เป็นครั้งสุดท้ายแท้จริงหรือไม่!
ต่อไปนี้คือคำบอกเล่าที่ "นิค แม็คฟี" เพื่อนร่วมอาชีพของ "ฮิโร่" บรรยายถึงสิ่งที่เขาได้เห็นจากกล้องตัวนี้
ี้ใน 7นาทีสุดท้ายนั้น!
พากลับบ้าน - ญาติของนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพรอยเตอร์ ชาวญี่ปุ่น เดินทางมาขอรับศพนายมูราโมโตะ ซึ่งเสียชีวิตระหว่างทำข่าวช่วงสลายม็อบคนเสื้อแดง ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อวันที่ 12 เมษายน
"ฟุตเทจของมูราโมโตะเริ่มที่หลังแนวของทหาร ด้านหนึ่งคืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฉากที่เคยเป็นเวทีของความรุนแรงที่เลวร้ายของเมืองนี้ในปี 2535 ใกล้กับสะพานผ่านฟ้า ลีลาศ อันเป็นส่วนเมืองเก่าของกรุงเทพมหานคร
ทหารในชุดปราบจลาจลเต็มยศยืนประจำการพร้อมกับไรเฟิลในมือชี้ขึ้นสู่ท้องฟ้า มีเสียงปืนดังระงมต่อเนื่อง ทหารนายหนึ่งมองมาที่มูราโมโตะ สองครั้งด้วยท่าทีเคร่งเครียดแต่ไม่ใช่การคุกคามแต่อย่างใด
จากนั้นเกิดระเบิดขึ้นครั้งหนึ่งตรงหน้ามูราโมโตะ ห่างออกไปเพียงไม่กี่หลา ส่งผลให้ทหาร 4 นาย
กระเด็นร่วงลงกับพื้นในทันทีท่ามกลางประกายไฟและหมอกควัน กระจัดกระจาย ทหาร 2 ใน 4 นาย ทรงตัวลุกขึ้นเดินโขยกเขยกออกไป
ช่างภาพโทรทัศน์อีกราย วิ่งแตกตื่นเข้ามาหามูราโมโตะ ผ่านเขาไป ทหารจำนวนหนึ่งพร้อมโล่ปราบจลาจล เบียดเข้ามาแล้วก็ผละห่างออกไปเช่นกัน มูราโมโตะยังคงเดินกล้องต่อเนื่องขณะก้าวถอยหลังล่าถอยออกมาช้าๆ
กล้องโฟกัสไปที่ทหารนายหนึ่งซึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ดวงตาเหม่อลอยพร้อมกับบาดแผลเลือดท่วมบริเวณลำคอแต่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อนทหารพยายามปลดเสื้อเกราะกันกระสุนออกมาจากลำคอของทหารนายนั้น
ในเฟรมถัดมา ทหารกลุ่มหนึ่งลากแขนของเพื่อนทหารที่เห็นได้ชัดว่าตกอยู่ในความเจ็บปวด ปากกระบอกไรเฟิลประจำกายครูดไปตามผิวถนน อีกร่างที่ไม่ไหวติงแล้วถูกลากจากไป
กล้องโฟกัสไปตามเส้นทางของคราบเลือดบนท้องถนนที่ส่องประกายวูบวาบในระหว่างการต่อสู้บนท้องถนน ด้านบนคือแผ่นป้ายเชิญชวนให้ร่วมฉลองเทศกาลสงกรานต์ หนึ่งในวันนักขัตฤกษ์ที่หฤหรรษ์ที่สุดในปฏิทินไทย
ทหารเริ่มล่าถอย และทันทีทันใด มุมกล้องก็เปลี่ยนไปเป็นการแสดงให้เห็นแถวของกลุ่มเสื้อแดง ส่วนใหญ่มีท่อนไม้และอีกส่วนกำลังอวดโล่ซึ่งดูเหมือนจะยึดเอามาได้จากทหาร หลายคนโบกไม้โบกมือ ทำท่าทางให้กับใครก็ตามที่อยู่หลังกล้อง
บางคนพูดคุยแบบไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้กับทหาร อีกหลายคนโยนสิ่งของขึ้นฟ้า หนึ่งในจำนวนนั้นอ่อนกำลังตกลงมาโดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย
ไม่มีใครโดยรอบให้ความสนใจกับกล้องที่ยังเดินอยู่อย่างต่อเนื่อง
แต่ในเวลานี้นี่เอง ที่บริเวณสี่แยกแห่งนี้นี่เอง ที่ฟุตเทจทีวีจากอีกหลายแหล่ง แสดงให้เห็นมือปืนจำนวนหนึ่งกำลังวิ่งหลบหนี ไม่ได้อยู่ในชุดแดงหรือชุดพรางของทหาร
แต่อยู่ในชุดพลเรือนดำทะมึน
รัฐบาลพูดถึง "กำลังฝ่ายที่ 3" ที่เกี่ยวเนื่องอยู่ในการชุมนุมประท้วงครั้งนี้ และสัญญาว่าจะสอบสวนสภาพแวดล้อมของความตายของมูราโมโตะในครั้งนี้"
เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ก่อนที่นายมูราโมโตะจะถูกยิงที่หน้าอกจนเสียชีวิต (รอยเตอร์)
อย่างที่รับรู้กัน ฮิโรยูกิ "ฮิโร่" มูราโมโตะ เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 เมษายน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายในฐานะช่างภาพโทรทัศน์ของรอยเตอร์ ทีวี
2 วันให้หลังตากล้องพ่อลูก 2 วัย 43 ปีรายนี้ ถูกหามส่งโรงพยาบาลในสภาพไม่สามารถจับชีพจรได้ กระสุนนัดหนึ่งเจาะเข้าบริเวณหน้าอกทะลวงออกทางด้านหลัง
กล้องโทรทัศน์ที่หลุดจากมือถูกผู้ชุมนุมประท้วงเก็บไว้ ก่อนคืนให้รอยเตอร์ในเวลาต่อมา
หลังตรวจสอบ รอยเตอร์พบว่า ภายในนั้นมีภาพวิดีโอที่เป็นผลงานของมูราโมโตะ ความยาว 7 นาทีอยู่ด้วย หากไม่ถูกตัดทอนดัดแปลงใดๆ นี่น่าจะเป็น 7 นาทีสุดท้ายในชีวิตของ "ฮิโร่" บนโลกใบนี้
เพราะรอยเตอร์ระบุว่า ไม่มีใครรู้ได้ว่า นี่คือสิ่งที่เขาถ่ายไว้เป็นครั้งสุดท้ายแท้จริงหรือไม่!
ต่อไปนี้คือคำบอกเล่าที่ "นิค แม็คฟี" เพื่อนร่วมอาชีพของ "ฮิโร่" บรรยายถึงสิ่งที่เขาได้เห็นจากกล้องตัวนี้
ี้ใน 7นาทีสุดท้ายนั้น!
พากลับบ้าน - ญาติของนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพรอยเตอร์ ชาวญี่ปุ่น เดินทางมาขอรับศพนายมูราโมโตะ ซึ่งเสียชีวิตระหว่างทำข่าวช่วงสลายม็อบคนเสื้อแดง ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อวันที่ 12 เมษายน
"ฟุตเทจของมูราโมโตะเริ่มที่หลังแนวของทหาร ด้านหนึ่งคืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฉากที่เคยเป็นเวทีของความรุนแรงที่เลวร้ายของเมืองนี้ในปี 2535 ใกล้กับสะพานผ่านฟ้า ลีลาศ อันเป็นส่วนเมืองเก่าของกรุงเทพมหานคร
ทหารในชุดปราบจลาจลเต็มยศยืนประจำการพร้อมกับไรเฟิลในมือชี้ขึ้นสู่ท้องฟ้า มีเสียงปืนดังระงมต่อเนื่อง ทหารนายหนึ่งมองมาที่มูราโมโตะ สองครั้งด้วยท่าทีเคร่งเครียดแต่ไม่ใช่การคุกคามแต่อย่างใด
จากนั้นเกิดระเบิดขึ้นครั้งหนึ่งตรงหน้ามูราโมโตะ ห่างออกไปเพียงไม่กี่หลา ส่งผลให้ทหาร 4 นาย
กระเด็นร่วงลงกับพื้นในทันทีท่ามกลางประกายไฟและหมอกควัน กระจัดกระจาย ทหาร 2 ใน 4 นาย ทรงตัวลุกขึ้นเดินโขยกเขยกออกไป
ช่างภาพโทรทัศน์อีกราย วิ่งแตกตื่นเข้ามาหามูราโมโตะ ผ่านเขาไป ทหารจำนวนหนึ่งพร้อมโล่ปราบจลาจล เบียดเข้ามาแล้วก็ผละห่างออกไปเช่นกัน มูราโมโตะยังคงเดินกล้องต่อเนื่องขณะก้าวถอยหลังล่าถอยออกมาช้าๆ
กล้องโฟกัสไปที่ทหารนายหนึ่งซึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ดวงตาเหม่อลอยพร้อมกับบาดแผลเลือดท่วมบริเวณลำคอแต่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อนทหารพยายามปลดเสื้อเกราะกันกระสุนออกมาจากลำคอของทหารนายนั้น
ในเฟรมถัดมา ทหารกลุ่มหนึ่งลากแขนของเพื่อนทหารที่เห็นได้ชัดว่าตกอยู่ในความเจ็บปวด ปากกระบอกไรเฟิลประจำกายครูดไปตามผิวถนน อีกร่างที่ไม่ไหวติงแล้วถูกลากจากไป
กล้องโฟกัสไปตามเส้นทางของคราบเลือดบนท้องถนนที่ส่องประกายวูบวาบในระหว่างการต่อสู้บนท้องถนน ด้านบนคือแผ่นป้ายเชิญชวนให้ร่วมฉลองเทศกาลสงกรานต์ หนึ่งในวันนักขัตฤกษ์ที่หฤหรรษ์ที่สุดในปฏิทินไทย
ทหารเริ่มล่าถอย และทันทีทันใด มุมกล้องก็เปลี่ยนไปเป็นการแสดงให้เห็นแถวของกลุ่มเสื้อแดง ส่วนใหญ่มีท่อนไม้และอีกส่วนกำลังอวดโล่ซึ่งดูเหมือนจะยึดเอามาได้จากทหาร หลายคนโบกไม้โบกมือ ทำท่าทางให้กับใครก็ตามที่อยู่หลังกล้อง
บางคนพูดคุยแบบไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้กับทหาร อีกหลายคนโยนสิ่งของขึ้นฟ้า หนึ่งในจำนวนนั้นอ่อนกำลังตกลงมาโดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย
ไม่มีใครโดยรอบให้ความสนใจกับกล้องที่ยังเดินอยู่อย่างต่อเนื่อง
แต่ในเวลานี้นี่เอง ที่บริเวณสี่แยกแห่งนี้นี่เอง ที่ฟุตเทจทีวีจากอีกหลายแหล่ง แสดงให้เห็นมือปืนจำนวนหนึ่งกำลังวิ่งหลบหนี ไม่ได้อยู่ในชุดแดงหรือชุดพรางของทหาร
แต่อยู่ในชุดพลเรือนดำทะมึน
รัฐบาลพูดถึง "กำลังฝ่ายที่ 3" ที่เกี่ยวเนื่องอยู่ในการชุมนุมประท้วงครั้งนี้ และสัญญาว่าจะสอบสวนสภาพแวดล้อมของความตายของมูราโมโตะในครั้งนี้"