เหล็กใน
เหตุการณ์การสลายการชุมนุมของทหารเมื่อค่ำวันที่ 10 เม.ย. ที่ถนนดินสอและสี่แยกคอกวัวจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย
แต่การแถลง 2-3 ครั้ง ของนายกฯ อภิสิทธิ์หลังเกิดเหตุการณ์เมษาเลือด ไม่มีทีท่าเลยว่าจะยอมรับผิด
ตรงกันข้ามกลับย้ำว่ารัฐบาลต้องบังคับใช้กฏหมาย ใช้คำพูดสวยหรูตามสไตล์ว่ารัฐบาลต้อง "ขอพื้นที่บางส่วนคืน" จากผู้ชุมนุม
ก่อนระบุว่า เหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในผู้ชุมนุม
การแถลงของนายกฯ อภิสิทธิ์มองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกเสียจากโยนความผิดให้ผู้อื่น
ตีความได้ว่าถ้าไม่มีการชุมนุม รัฐบาลก็ไม่ต้องบังคับใช้กฎหมาย ไม่ต้องสลายการชุมนุม
นี่หรือคือความคิดของนายกรัฐมนตรี ผู้ประกาศตัวเองมาตลอดว่าฝักใฝ่ในระบอบประชาธิปไตย!?
การสูญเสียที่สี่แยกคอกวัวยังพิสูจน์ไม่ได้ในตอนนี้ว่าเป็นฝีมือใคร เป็นฝีมือของทหาร ผู้ชุมนุม หรือมือที่ 3
แต่นายกฯ อภิสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบ!!
การส่งกำลังทหารหลายพันนายพร้อมอาวุธสงคราม รถหุ้มเกราะ รถถัง เข้าสลายการชุมนุม หรือรัฐบาลจะเรียกว่าขอพื้นที่คืนก็ตาม ทำไม่ได้เลยหากมีผู้ชุมนุมเรือนหมื่นคนปักหลักอยู่แบบนั้น
เพราะไม่มีทางจะหลีกเลี่ยงการปะทะกัน
และก็เกิดขึ้นจริงๆ เกิดการสูญเสีย มีประชาชนล้มตายหลายสิบศพ บาดเจ็บอีก 8-9 ร้อยคน
เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากคำสั่งรัฐบาล
บทเรียนในอดีตก็มีให้เห็นอยู่แล้ว
รัฐบาล "ถนอม-ประภาส" ส่งกำลังทหารเข้าปราบปรามนิสิตนักศึกษาและประชาชนจนเกิดโศกนาฏกรรม 14 ตุลาคม 2516
เช่นเดียวกับรัฐบาล "สุจินดา" ส่งกำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535
สุดท้ายถนอม ประภาส หรือแม้แต่สุจินดา ก็ต้องรับผิดชอบกับความสูญเสีย การเสียชีวิตของประชาชน ในฐานะที่เป็นผู้มีอำนาจในการสั่งสลายการชุมนุม
หลังเหตุการณ์ 10 เมษาเลือด แสดงให้เห็นว่านายกฯ อภิสิทธิ์ได้เลือกแล้ว
เลือกที่จะเดินตามรอย "ถนอม-ประภาส-สุจินดา"
และจากความผิดพลาดของรัฐบาลก็เกิดโยโย่เอฟเฟ็กต์ตามมาทันที
จะด้วยความบังเอิญหรือจงใจไม่ทราบได้
แต่กกต.เพิ่งมีมติให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์จากคดีเงินบริจาค 258 ล้านและ 29 ล้าน
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก็ออกมาเรียกร้องให้ยุบสภาเพื่อให้บ้านเมืองสงบ
ถึงเวลานี้นายกฯ อภิสิทธิ์ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อีกแล้ว
รัฐบาลที่จัดตั้งกันในค่ายทหาร กำลังจะพบจุดจบในค่ายทหารเช่นกัน
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย
แต่การแถลง 2-3 ครั้ง ของนายกฯ อภิสิทธิ์หลังเกิดเหตุการณ์เมษาเลือด ไม่มีทีท่าเลยว่าจะยอมรับผิด
ตรงกันข้ามกลับย้ำว่ารัฐบาลต้องบังคับใช้กฏหมาย ใช้คำพูดสวยหรูตามสไตล์ว่ารัฐบาลต้อง "ขอพื้นที่บางส่วนคืน" จากผู้ชุมนุม
ก่อนระบุว่า เหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในผู้ชุมนุม
การแถลงของนายกฯ อภิสิทธิ์มองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกเสียจากโยนความผิดให้ผู้อื่น
ตีความได้ว่าถ้าไม่มีการชุมนุม รัฐบาลก็ไม่ต้องบังคับใช้กฎหมาย ไม่ต้องสลายการชุมนุม
นี่หรือคือความคิดของนายกรัฐมนตรี ผู้ประกาศตัวเองมาตลอดว่าฝักใฝ่ในระบอบประชาธิปไตย!?
การสูญเสียที่สี่แยกคอกวัวยังพิสูจน์ไม่ได้ในตอนนี้ว่าเป็นฝีมือใคร เป็นฝีมือของทหาร ผู้ชุมนุม หรือมือที่ 3
แต่นายกฯ อภิสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบ!!
การส่งกำลังทหารหลายพันนายพร้อมอาวุธสงคราม รถหุ้มเกราะ รถถัง เข้าสลายการชุมนุม หรือรัฐบาลจะเรียกว่าขอพื้นที่คืนก็ตาม ทำไม่ได้เลยหากมีผู้ชุมนุมเรือนหมื่นคนปักหลักอยู่แบบนั้น
เพราะไม่มีทางจะหลีกเลี่ยงการปะทะกัน
และก็เกิดขึ้นจริงๆ เกิดการสูญเสีย มีประชาชนล้มตายหลายสิบศพ บาดเจ็บอีก 8-9 ร้อยคน
เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากคำสั่งรัฐบาล
บทเรียนในอดีตก็มีให้เห็นอยู่แล้ว
รัฐบาล "ถนอม-ประภาส" ส่งกำลังทหารเข้าปราบปรามนิสิตนักศึกษาและประชาชนจนเกิดโศกนาฏกรรม 14 ตุลาคม 2516
เช่นเดียวกับรัฐบาล "สุจินดา" ส่งกำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535
สุดท้ายถนอม ประภาส หรือแม้แต่สุจินดา ก็ต้องรับผิดชอบกับความสูญเสีย การเสียชีวิตของประชาชน ในฐานะที่เป็นผู้มีอำนาจในการสั่งสลายการชุมนุม
หลังเหตุการณ์ 10 เมษาเลือด แสดงให้เห็นว่านายกฯ อภิสิทธิ์ได้เลือกแล้ว
เลือกที่จะเดินตามรอย "ถนอม-ประภาส-สุจินดา"
และจากความผิดพลาดของรัฐบาลก็เกิดโยโย่เอฟเฟ็กต์ตามมาทันที
จะด้วยความบังเอิญหรือจงใจไม่ทราบได้
แต่กกต.เพิ่งมีมติให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์จากคดีเงินบริจาค 258 ล้านและ 29 ล้าน
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก็ออกมาเรียกร้องให้ยุบสภาเพื่อให้บ้านเมืองสงบ
ถึงเวลานี้นายกฯ อภิสิทธิ์ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อีกแล้ว
รัฐบาลที่จัดตั้งกันในค่ายทหาร กำลังจะพบจุดจบในค่ายทหารเช่นกัน