บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

ยึดทำเนียบหมอกุศลยังทำมาแล้ว ผิดจรรยาแพทย์ป้ายสีเลือดเสื้อแดงย่อมนับว่าธรรมดา

ที่มา Thai E-News



ผลงานยึดทำเนียบเป็นประกัน-นายแพทย์กุศล ประวิชไพบูลย์ ที่อ้างเป็นกลุ่มพี่น้องมหิดลตรวจเลือดคนเสื้อแดงพบโรคร้ายและมีเลือดควายเจือปน มีปูมประวัติร่วมชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาลกับกลุ่มพันธมิตร โดยได้ขึ้นเวทีปราศรัยในเวทีชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2551 ซึ่งเป็นช่วงท้ายๆที่พันธมิตรกำลังยึดสนามบินสุวรรณภูมิอยู่ด้วย(คลิ้กฟังคำปราศรัยของนายแพทย์กุศลบนเวทีพันธมิตรยึดทำเนียบรัฐบาล)


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
1 เมษายน 2553


ไม่เนียน!หมอกุศลตรวจเลือดเสื้อแดงที่แท้เคยร่วมพธม.ยึดทำเนียบรัฐบาล

น.พ.กุศล ประวิชไพบูลย์ ผู้ออกมาระบุตรวจเลือดคนเสื้อแดงเจอไวรัสตับอักเสบ-เชื้อเอดส์ และพบเป็นเลือดวัว เลือดควายเจือปนนั้น จากการตรวจสอบพบว่าแพทย์คนนี้เป็นแพทย์ทางด้านเสริมจมูก ศัลยกรรมใบหน้า ชื่อเฟเชียลคลินิก เคยมีประวัติต่อต้านอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร โดยเคยเข้าชื่อต่อต้านทักษิณก่อนถูกทำรัฐประหารเพียงไม่กี่วัน(ดูรายละเอียด)

นายแพทย์กุศลยังเคยเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาลกับกลุ่มพันธมิตร โดยได้ขึ้นเวทีปราศรัยในเวทีชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2551 ซึ่งเป็นช่วงท้ายๆที่พันธมิตรกำลังยึดสนามบินสุวรรณภูมิอยู่ด้วย(คลิ้กฟังคำปราศรัยของนายแพทย์กุศลบนเวทีพันธมิตรยึดทำเนียบรัฐบาล)

รพ.รามา ปัดตรวจเลือดเสื้อแดง-แพทยสภาเตือน "พี่น้องมหิดล" อาจเข้าข่ายผิดวิชาชีพ

ผอ.รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ยัน รพ.รามาธิบดีไม่เคยมีการนำเลือดคนเสื้อแดงมาตรวจ ปัดไม่รู้จัก นพ.กุศล ประวิชไพบูลย์ ด้านแพทยสภาเตือน "พี่น้องมหิดล" อาจเข้าข่ายกระทำผิดวิชาชีพแพทย์กรณีตรวจเลือดม็อบ ชี้ต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการจริยธรรมแพทยสภา 8 เมษานี้

จากกรณีที่กลุ่มพี่น้องมหิดล นำโดย น.พ.กุศล ประวิชไพบูลย์ ได้ยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขอให้รัฐบาลออกมาตรการดูแลประชาชนที่ไปชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่อาจติดเชื้ออันเนื่องมาจากการเทเลือดไปตามสถานที่ต่างๆ และได้มีการแถลงข่าวถึงการเก็บตัวอย่างเลือดของกลุ่มคนเสื้อแดงไปตรวจยังห้องแล็ปโรงพยาบาลรามาธิบดีว่า พบเชื้อไวรัสติดต่อร้ายแรง 3 ชนิด คือ เชื้อไวรัสตับอักเสบบี เชื้อไวรัสตับอักเสบซี และเชื้อไวรัสเอชไอวี (เชื้อเอดส์) นอกจากนี้จากการตรวจผลดีเอ็นเอยังพบว่าเลือดดังกล่าวมีส่วนผสมของเลือดหมู และเลือดคนผสมกัน

วันนี้ (1 เม.ย.53) เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า รศ.นพ.ธันย์ สุภัทรพันธุ์ ผอ.รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงกรณีที่มีการอ้างว่าเก็บตัวอย่างส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลรามาธิบดีว่า ไม่รู้จัก นพ.กุศล ประวิชไพบูลย์ และคิดว่านายแพทย์คนดังกล่าว ก็คงไม่ได้ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลรามาธิบดี และไม่ได้เป็นคนของโรงพยาบาล

ทั้งนี้ จากการสอบถามไปยังหัวหน้าภาควิชาพยาธิวิทยา ก็ไม่พบว่า มีการส่งเลือดมาตรวจ อีกทั้ง โรงพยาบาลรามาธิบดี ไม่เคยให้บริการตรวจเลือดในลักษณะเช่นนี้ ดังนั้น ยืนยันว่าโรงพยาบาลรามาธิบดีไม่ได้ตรวจเลือดผู้ชุมนุมอย่างแน่นอน ส่วนที่มีการอ้างว่า ทางรามาฯ เป็นผู้ตรวจเลือด อาจเพราะเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จึงขอชี้แจงว่าการจะเอาเลือดใครมาตรวจจะต้องมีการลงทะเบียนมีผู้นำส่งตรวจ จู่ๆ ใครจะเอาเลือดมาตรวจไม่ได้ ถ้ามีจริงทางหัวหน้าภาควิชาพยาธิวิทยาจะต้องรู้

ในส่วนความคิดเห็นจากองค์กรแพทยสภาต่อกรณีดังกล่าว มติชนออนไลน์รายงานว่า นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการจริยธรรมแพทยสภาที่จะมี การประชุมในวันที่ 8 เมษายนนี้ โดยต้องมีการพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์นำวิชาชีพเวชกรรมไปทำในสิ่งที่ไม่ใช่วิชาชีพแพทย์หรือไม่ และต้องแยกเรื่องดังกล่าวออกจากประเด็นการเมือง ซึ่งหากมีเชื้อเอชไอวีจริงผู้ที่โดนสาดใส่ตามร่างกายก็สามารถมาร้องต่อแพทยสภาได้ หากมีการติดเชื้อ ส่วนโอกาสการติดเชื้อเอดส์ ถือเป็นเรื่องยากเนื่องร่างกายมีผิวหนังป้องกัน ยกเว้นแต่มีบาดแผลและถูกสาดด้วยเลือดที่มีเชื้อเข้มข้น

ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ตามหลักวิชาการทางการแพทย์ หากใครก็ตามที่ได้รับเลือด หรือคิดว่าตนเองเสี่ยงที่จะติดเชื้อเอดส์ เช่น กรณีที่เลือดเข้าตา ปาก หรือแผล สามารถขอรับยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ ซึ่งต้องรับยาในระยะเวลาเร็วที่สุดภายใน 24-48 ชั่วโมง และต้องตรวจเลือดซ้ำทุก 3 เดือน หากไม่พบก็ถือว่าไม่ติดเชื้อ ซึ่งได้แนะนำผู้ที่คิดว่าตนเองเสี่ยงให้รับยาเร็วที่สุดตั้งแต่วันแรก แต่หากยังกังวลก็สามารถไปรับการตรวจเลือดได้อีก

"เชื้อไวรัสตับอักเสบ ถือว่าติดต่อได้ยาก จะต้องโดนเข็มแทง หรือรับโดยตรงปริมาณมาก จึงไม่ค่อยน่าเป็นห่วง แต่เชื้อเอดส์ถือว่าน่าเป็นห่วงที่สุด หากเข้าตาถือว่าอันตรายมากกว่าบริเวณอื่น เพราะหากเข้าปากยังมีน้ำย่อยค่อยทำลายได้ หรือหากมีแผลตามมือ เท้า ประกอบกับขึ้นอยู่กับขนาดแผลและความเข้มข้นของเชื้อ โอกาสก็จะสูงตามไปด้วย แต่หากพบเพียงแผลถลอกเล็กน้อยโอกาสเสี่ยงก็น้อยลง ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้สื่อข่าว ที่โดนเลือดเข้าตา ก็ได้แนะนำให้รับยาจากกรมควบคุมโรคไปแล้ว" นพ.ไพจิตร์ กล่าว

นพ.ไพจิตร์ กล่าวด้วยว่า ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงเรื่องผลการตรวจเลือด คงจะประสานไปยังทางโรงพยาบาลที่รับตรวจเสียก่อน

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker