ผู้บัญชาการทหารบก ติวเข้มผบ.พัน-ผบ.หน่วย ให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธป้องกันตัวเอง โต้เลือกปฏิบัติอุ้มม็อบพันธมิตรฯ อ้างสังคมไฟเขียวทหารติดอาวุธ สั่งทหารติดอาวุธจริง อ้างป้องกันตัวมิให้เกิดความสูญเสียซ้ำอีก......
เมื่อวันที่ 19 เม.ย.เวลา 11.30 น. ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงผลการประชุม ศอฉ.ช่วงเช้าว่า เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นค งในฐานะผอ.ศอฉ. เป็นประธานในการประชุม หลังจากนั้นได้มีการประชุมในส่วนของเจ้าหน้าที่ทหาร โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในฐานะ ผู้ช่วย ผอ.ศอฉ. เป็นประธาน
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ในการประชุมรอบ 2 ที่ประชุมได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจในการปฏิบัติงานแก้เจ้าหน้าที่ทหาร ระดับ ผบ.พัน ผบ.หน่วย เพราะเจ้าหน้าที่ ศอฉ.ต้องเผชิญกับการกดดันกับผู้ชุมนุมบางส่วน ซึ่ง ศอฉ. ต้องทำความเข้าใจว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กังวลในการปฏิบัติงานไม่อยากจะใช้มาตรการรุนแรง ดังนั้นจึงได้มีการกำชับ และทำความเข้าใจกันใน 3 ประเด็น คือ 1.การปฏิบัติงานจะใช้หลักมาตรการสากลจากเบาไปหาหนัก 7 ขั้น โดยใช้มาตรการแต่ละขั้นตามความเหมาะสม ที่จะสามารถหยุดยั้งการปฏิบัติของกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะพยายามปฏิบัติผิดกฎหมายให้ได้ 2.จะต้องเป็นการดำเนินการสมควรแก่เหตุ และ 3.ต้องเป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีความมุ่งหมายที่จะทำร้ายเอาชีวิตของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ พยายามกดดันเจ้าหน้าที่
ส่วนกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ประกาศจะเคลื่อนไหว หากรัฐบาลแก้ไขปัญหากลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้ภายใน 7 วันนั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า มีคำถามถามกันมาว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อสีต่างๆ ออกมาไม่ผิดหรืออย่างไร ทั้งนี้ในขั้นตอนทาง ศอฉ.ไม่ได้เลือกปฏิบัติ แต่การชุมนุมที่ผิดกฎหมายจะต้องเข้าหลัก 4 ประการ คือ 1.การกีดขวางการจราจรจนไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่หากจะอำนวยความสะดวกเรื่องการจราจรก็เพียงพอที่จะอะลุ้มอะหล่วย 2.ขัดขวางการปฏิบัติของส่วนต่างๆ ไม่ว่าประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าออกนอกอาคารได้ 3.มีการประทุษร้าย 4.การขัดคำสั่งเจ้าหน้าที่ ดังนั้น การชุมนุมเสื้อสีต่างๆต้องดูความเหมาะสม ไม่เข้าหลักเกณฑ์ก็อะลุ่มอะหล่วยได้
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อาวุธในการป้องกันตัวเอง และวันนี้เชื่อมั่นว่า สังคมยอมรับ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ขอคืนพื้นที่ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เราแลกชีวิตของพี่น้องทหาร รวมถึงประชาชนที่พลอยได้รับผลกระทบเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก เพื่อจะทำให้สังคมเห็นว่า ทหารไม่ประสงค์ใช้ความรุนแรง และพยายามโอนอ่อนผ่อนปรนอยู่ตลอดเวลาจนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต ซึ่งเราพยายามทำทุกอย่างให้สังคมเห็นว่า ถ้าเราดำเนินการโดยไม่มีอาวุธป้องกันตัวเอง เมื่อถึงที่สุดจะเกิดผลเสียหายแบบนี้ ดังนั้นเราจำเป็นที่จะต้องอาวุธ ทั้งนี้ผู้บังคับบัญชาพร้อมที่จะรับผิดชอบให้เจ้าหน้าที่ถืออาวุธ ซึ่งกฎหมายมีอยู่แล้ว แต่ไม่ได้คำนึงเพียงกฎหมายอย่างเดียว จะคำนึงถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ขอฝากถึงแกนนำนปช.ด้วยว่า กรณีกลุ่มเสื้อแดงระบุมีไอ้โม่งใส่ชุดดำถืออาวุธสงครามหลายชนิด จะนำอาวุธไปคืนต่อกลุ่มเสื้อแดงโดยจะส่งคืนเจ้าหน้าที่นั้น ขณะนี้อาวุธเหล่านั้นยังไม่ได้มีการนำมาคืน จะเก็บเอาไว้เองหรืออย่างไร ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธ์ุ แกนนำ นปช.ออกมาระบุคืนแล้วนั้น อยากถามว่าคืนกับใคร เพราะทางตำรวจแจ้งมายังไม่ได้รับคืน ซึ่งอาวุธที่หายไปรวมทั้งหมด 68 ชิ้น.
เมื่อวันที่ 19 เม.ย.เวลา 11.30 น. ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงผลการประชุม ศอฉ.ช่วงเช้าว่า เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นค งในฐานะผอ.ศอฉ. เป็นประธานในการประชุม หลังจากนั้นได้มีการประชุมในส่วนของเจ้าหน้าที่ทหาร โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในฐานะ ผู้ช่วย ผอ.ศอฉ. เป็นประธาน
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ในการประชุมรอบ 2 ที่ประชุมได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจในการปฏิบัติงานแก้เจ้าหน้าที่ทหาร ระดับ ผบ.พัน ผบ.หน่วย เพราะเจ้าหน้าที่ ศอฉ.ต้องเผชิญกับการกดดันกับผู้ชุมนุมบางส่วน ซึ่ง ศอฉ. ต้องทำความเข้าใจว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กังวลในการปฏิบัติงานไม่อยากจะใช้มาตรการรุนแรง ดังนั้นจึงได้มีการกำชับ และทำความเข้าใจกันใน 3 ประเด็น คือ 1.การปฏิบัติงานจะใช้หลักมาตรการสากลจากเบาไปหาหนัก 7 ขั้น โดยใช้มาตรการแต่ละขั้นตามความเหมาะสม ที่จะสามารถหยุดยั้งการปฏิบัติของกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะพยายามปฏิบัติผิดกฎหมายให้ได้ 2.จะต้องเป็นการดำเนินการสมควรแก่เหตุ และ 3.ต้องเป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีความมุ่งหมายที่จะทำร้ายเอาชีวิตของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ พยายามกดดันเจ้าหน้าที่
ส่วนกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ประกาศจะเคลื่อนไหว หากรัฐบาลแก้ไขปัญหากลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้ภายใน 7 วันนั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า มีคำถามถามกันมาว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อสีต่างๆ ออกมาไม่ผิดหรืออย่างไร ทั้งนี้ในขั้นตอนทาง ศอฉ.ไม่ได้เลือกปฏิบัติ แต่การชุมนุมที่ผิดกฎหมายจะต้องเข้าหลัก 4 ประการ คือ 1.การกีดขวางการจราจรจนไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่หากจะอำนวยความสะดวกเรื่องการจราจรก็เพียงพอที่จะอะลุ้มอะหล่วย 2.ขัดขวางการปฏิบัติของส่วนต่างๆ ไม่ว่าประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าออกนอกอาคารได้ 3.มีการประทุษร้าย 4.การขัดคำสั่งเจ้าหน้าที่ ดังนั้น การชุมนุมเสื้อสีต่างๆต้องดูความเหมาะสม ไม่เข้าหลักเกณฑ์ก็อะลุ่มอะหล่วยได้
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อาวุธในการป้องกันตัวเอง และวันนี้เชื่อมั่นว่า สังคมยอมรับ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ขอคืนพื้นที่ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เราแลกชีวิตของพี่น้องทหาร รวมถึงประชาชนที่พลอยได้รับผลกระทบเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก เพื่อจะทำให้สังคมเห็นว่า ทหารไม่ประสงค์ใช้ความรุนแรง และพยายามโอนอ่อนผ่อนปรนอยู่ตลอดเวลาจนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต ซึ่งเราพยายามทำทุกอย่างให้สังคมเห็นว่า ถ้าเราดำเนินการโดยไม่มีอาวุธป้องกันตัวเอง เมื่อถึงที่สุดจะเกิดผลเสียหายแบบนี้ ดังนั้นเราจำเป็นที่จะต้องอาวุธ ทั้งนี้ผู้บังคับบัญชาพร้อมที่จะรับผิดชอบให้เจ้าหน้าที่ถืออาวุธ ซึ่งกฎหมายมีอยู่แล้ว แต่ไม่ได้คำนึงเพียงกฎหมายอย่างเดียว จะคำนึงถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ขอฝากถึงแกนนำนปช.ด้วยว่า กรณีกลุ่มเสื้อแดงระบุมีไอ้โม่งใส่ชุดดำถืออาวุธสงครามหลายชนิด จะนำอาวุธไปคืนต่อกลุ่มเสื้อแดงโดยจะส่งคืนเจ้าหน้าที่นั้น ขณะนี้อาวุธเหล่านั้นยังไม่ได้มีการนำมาคืน จะเก็บเอาไว้เองหรืออย่างไร ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธ์ุ แกนนำ นปช.ออกมาระบุคืนแล้วนั้น อยากถามว่าคืนกับใคร เพราะทางตำรวจแจ้งมายังไม่ได้รับคืน ซึ่งอาวุธที่หายไปรวมทั้งหมด 68 ชิ้น.