คอลัมน์ เหล็กใน
การเจรจาระหว่างแกนนำนปช.แดงทั้งแผ่นดินกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทั้ง 2 วัน ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์ไปทั่วประเทศนั้น
แม้จะไม่สามารถตกลงกันได้ แต่ก็ไม่สูญเปล่า
ถือเป็นมิติใหม่ว่าความขัดแย้งสามารถนำมาพูดคุย เจร จากันได้
นายอภิสิทธิ์ ถึงขนาดฉวยโอกาสข่มว่าไม่มีนายกฯคนใดเคยทำแบบนี้
ส่วนที่มีการพูดจาอย่างกว้างขวาง ก็คือเปิดโอกาสตัวแทน เสื้อแดงได้แสดงจุดยืนและชี้แจงเหตุผลที่ออกมาเรียกร้องต่อรัฐบาลให้ชาวบ้านทั่วประเทศรับฟังโดยตรง
โดยเฉพาะการอธิบายผลกระทบที่สืบเนื่องมาจากการปฏิวัติ 19 กันยายน 2549
รวมถึงความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลที่มีอำนาจพิเศษเข้าไปเกี่ยวข้อง
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็อ้างเหตุผลที่จะไม่ยุบ และยืนยันว่ามีความชอบธรรม เพราะมีเสียงส.ส.สนับสนุน
ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของคนฟังว่าจะเชื่อฝ่ายใด
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่มนักวิชาการที่ไม่เลือกสี ยังเชื่อว่าการยุบสภาน่าจะเป็นทางออกที่ดีขณะนี้
แต่ภายใน 15 วันตามที่นปช.ขีดเส้นอาจจะไม่เหมาะสม
พร้อมกับระบุระยะเวลาที่น่าจะดำเนินการได้ทันที นั่นคือภายใน 3 เดือน
นั่นก็หมายความว่าที่นายอภิสิทธิ์ขอเวลาถึง 9 เดือนนั้น เป็นการยื้อเวลาให้เนิ่นช้าไป
สุ่มเสี่ยงต่อความไม่พอใจของประชาชนที่อาจบานปลายออกไป
โดยเฉพาะม็อบเสื้อแดง ก็ประกาศสู้ และระดมม็อบใหญ่ออกมาบี้จนกว่าจะยุบสภา
รัฐบาลจะทำงานได้อย่างไร ถ้าหากยังมีผู้คนออกมาชุมนุมเต็มท้องถนน ทนแดด ทนร้อน นอนพื้นคอนกรีต และเคลื่อนขบวนออกมากดดันทุกวัน
อย่าลืมว่าคนที่มาร่วมชุมนุมส่วนใหญ่ เป็นชาวบ้าน เป็นรากหญ้า หรือไม่ก็เป็นคนต่างจังหวัดที่เข้ามาอยู่ในเมือง
วาทกรรม"สงครามไพร่ ขับไล่อำมาตย์" ที่ต่อมามีการขยายผลมาเป็น"สงครามชนชั้น"นั้นโดนใจ ได้ความ รู้สึกร่วมจากมวลชนไม่น้อย
ระยะหลังๆ ก็เริ่มมีคนชั้นกลางที่เห็นความไม่ชอบมาพากล และความดื้อรั้นของผู้นำรัฐบาลพากันออกมาร่วมชุมนุมด้วย
ส่วนเหตุผล 3 ข้อที่รัฐบาลอ้างเพื่ออยู่ต่ออีก 9 เดือนว่าต้องการแก้ไขกฎเกณฑ์กติกา แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับการเลือกตั้ง พร้อมกับจัดทำแผนไว้เสร็จสรรพนั้น
เป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่สามารถเจาะเข้าไปในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานได้
พูดง่ายๆ ก็คือถ้ายุบช่วงนี้ ขณะที่รัฐบาลยังไม่ได้เปรียบ
จอมเขี้ยวทางการเมืองไม่มีวันยอมแน่
ล่าสุดประกาศว่าจะยึดให้ได้ถึง 280 เสียง ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว
แม้จะไม่สามารถตกลงกันได้ แต่ก็ไม่สูญเปล่า
ถือเป็นมิติใหม่ว่าความขัดแย้งสามารถนำมาพูดคุย เจร จากันได้
นายอภิสิทธิ์ ถึงขนาดฉวยโอกาสข่มว่าไม่มีนายกฯคนใดเคยทำแบบนี้
ส่วนที่มีการพูดจาอย่างกว้างขวาง ก็คือเปิดโอกาสตัวแทน เสื้อแดงได้แสดงจุดยืนและชี้แจงเหตุผลที่ออกมาเรียกร้องต่อรัฐบาลให้ชาวบ้านทั่วประเทศรับฟังโดยตรง
โดยเฉพาะการอธิบายผลกระทบที่สืบเนื่องมาจากการปฏิวัติ 19 กันยายน 2549
รวมถึงความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลที่มีอำนาจพิเศษเข้าไปเกี่ยวข้อง
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็อ้างเหตุผลที่จะไม่ยุบ และยืนยันว่ามีความชอบธรรม เพราะมีเสียงส.ส.สนับสนุน
ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของคนฟังว่าจะเชื่อฝ่ายใด
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่มนักวิชาการที่ไม่เลือกสี ยังเชื่อว่าการยุบสภาน่าจะเป็นทางออกที่ดีขณะนี้
แต่ภายใน 15 วันตามที่นปช.ขีดเส้นอาจจะไม่เหมาะสม
พร้อมกับระบุระยะเวลาที่น่าจะดำเนินการได้ทันที นั่นคือภายใน 3 เดือน
นั่นก็หมายความว่าที่นายอภิสิทธิ์ขอเวลาถึง 9 เดือนนั้น เป็นการยื้อเวลาให้เนิ่นช้าไป
สุ่มเสี่ยงต่อความไม่พอใจของประชาชนที่อาจบานปลายออกไป
โดยเฉพาะม็อบเสื้อแดง ก็ประกาศสู้ และระดมม็อบใหญ่ออกมาบี้จนกว่าจะยุบสภา
รัฐบาลจะทำงานได้อย่างไร ถ้าหากยังมีผู้คนออกมาชุมนุมเต็มท้องถนน ทนแดด ทนร้อน นอนพื้นคอนกรีต และเคลื่อนขบวนออกมากดดันทุกวัน
อย่าลืมว่าคนที่มาร่วมชุมนุมส่วนใหญ่ เป็นชาวบ้าน เป็นรากหญ้า หรือไม่ก็เป็นคนต่างจังหวัดที่เข้ามาอยู่ในเมือง
วาทกรรม"สงครามไพร่ ขับไล่อำมาตย์" ที่ต่อมามีการขยายผลมาเป็น"สงครามชนชั้น"นั้นโดนใจ ได้ความ รู้สึกร่วมจากมวลชนไม่น้อย
ระยะหลังๆ ก็เริ่มมีคนชั้นกลางที่เห็นความไม่ชอบมาพากล และความดื้อรั้นของผู้นำรัฐบาลพากันออกมาร่วมชุมนุมด้วย
ส่วนเหตุผล 3 ข้อที่รัฐบาลอ้างเพื่ออยู่ต่ออีก 9 เดือนว่าต้องการแก้ไขกฎเกณฑ์กติกา แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับการเลือกตั้ง พร้อมกับจัดทำแผนไว้เสร็จสรรพนั้น
เป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่สามารถเจาะเข้าไปในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานได้
พูดง่ายๆ ก็คือถ้ายุบช่วงนี้ ขณะที่รัฐบาลยังไม่ได้เปรียบ
จอมเขี้ยวทางการเมืองไม่มีวันยอมแน่
ล่าสุดประกาศว่าจะยึดให้ได้ถึง 280 เสียง ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว