บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2552

เปิดโปงเครือข่าย11อรหันต์วงการสื่อ กระสือทึ้งประเทศเปรตย่ำยีประชาธิปไตย

ที่มา Thai E-News


2มาตรฐานหรือไร้มาตรฐาน-ตัวอย่างหนึ่งที่สื่อกระแสหลักเสนอข่าวรอบนี้ได้ไร้มาตรฐานก็คือข่าวเสื้อแดงรุมทุบรถอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ย่ำแย่ให้เสื้อแดง และสร้างภาพลักษณ์ทางบวกให้นายกฯ แต่ความจริงของเหตุการณ์คือ รถของอภิสิทธิ์พุ่งชนรถมอเตอร์ไซค์ของเสื้อแดงก่อน และพยายามจะชนแล้วหนี จึงถูกกลุ่มเสื้อแดงรุมล้อมและทุบรถระบายแค้น ผลสุดท้ายสื่อโหมกระแสว่าตำรวจพัทยาย่อหย่อนเกินไป จึงเกิดการเด้งผู้กำกับ สภอ.พัทยา และจับกุมเสื้อแดงที่เป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกชน แล้วแจ้งข้อหาว่าทำให้นายกฯอภิสิทธิ์เสียทรัพย์..!?

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
11 เมษายน 2552

สื่อของไทยอยู่ใต้อานัติของนายทุนสื่อแบบสนธิลิ้ม สุทธิชัยหยุ่น ช้างขรรค์ชัย เสี่ยสุทธิเกียรติบางกอกโพสต์ฯลฯเป็นต้น นายทุนสื่อจำเป็นมากที่ต้องได้สัมปทานเวลาทางคลื่นวิทยุ หรือช่องทีวี หรือเวลาออกอากาศจากผู้มีอำนาจ ซึ่งก็ไม่พ้นกองทัพ ราชการ เส้นสายอำมาตย์อุปถัมภ์ในสังคมไทยที่พวกเขาคุ้นเคยมานาน การต่างตอบแทนด้วยการโอบอุ้มกันไปมาระหว่างนายทุนสื่อกับกลุ่มผู้กุมอำนาจในกองทัพ หรือเส้นใหญ่อุปถัมภ์เป็นเรื่องที่ไปกันได้ดี...เพียงแต่มันต้องแลกด้วยผลประโยชน์ของชาติ และความก้าวหน้าหรือล้าหลังของประชาธิปไตย

ดังนั้นท่านจึงไม่ควรแปลกใจว่า เพราะเหตุใดสื่อจึงมี2มาตรฐาน หรือแทบไร้มาตรฐานในการนำเสนอข่าว เสื้อเหลืองปิดสนามบิน สื่อจะเข้าข้างทุกอย่าง จะไปเอาไมค์จ่อปากให้ผู้นำกองทัพออกมาไล่รัฐบาล จ่อปากนักวิชาการห้ามรัฐใช้ความรุนแรงกับม็อบ แต่พอเสื้อแดงปิดถนนสื่อดันเอาไมค์ไปจ่อปากกองทัพให้เร่งปราบ เอาไมค์จ่อปากนักธุรกิจว่าให้รีบจับ สร้างข่าวเท็จว่าอ็อกซิเจนร.พ.ราชวิถีหมด คนไข้จะตายระนาว เพื่อให้คนในสังคมเกลียดเสื้อแดง



ในการชุมนุมเสื้อแดงหนล่าสุดนี้ ก็เช่นเดียวกับความขัดแย้งตลอด4ปีที่ผ่านมา สื่อไทยยังทำหน้าที่ได้คงเส้นคงวา คือมีแนวโน้มเอียงไปทางขาดจรรยาบรรณ ทำตัวเป็นสมุนทาสรับใช้กากเดนศักดินาขี้ข้าเผด็จการ เป็นกองเชียร์พันธมิตร หรือเป็นซะเอง ระรานฝ่ายประชาธิปไตย จนพูดกันว่าหากอยากจะบริโภคข่าวที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ประเทศไทย ท่านต้องหาในสื่อทางเลือกแบบอินเตอร์เน็ต หรือสามารถติดตามได้ทางCNN BBC AP AFP REUTERSและสื่อต่างประเทศทุกสำนัก หากต้องการความเท็จเชิญที่สื่อไทย

ทำไมสื่อไทยจึงตกต่ำขนาดนั้น บางทีนี่คือคำตอบที่ท่านต้องรู้..นั่นคือสิ่งที่โบราณเรียกว่า 11 อรหันต์วงการสื่อ เป็นอรหันต์ที่มีพลังแค้นควบแน่นต่อชายชื่อทักษิณ

หมายเลข1 สนธิ ลิ้ม-ทุกคนรู้จักสนธิลิ้มดีอยู่แล้ว ก่อนหน้านั้นเขาชมทักษิณออกรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ว่า"ทักษิณเป็นนายกฯที่ดีที่สุดที่ประเทศไทยเคยมีมา"

เครือข่ายของสนธิ เช่น สำราญ รอดเพชร เคยทำงานITVเป็นลูกน้องทักษิณ ต่อมาโดนทักษิณปลดออก และสนธิรับเข้าทำงานด้วย สำราญจึงทำตามที่สนธิสั่งได้ทุกอย่าง,คำนูณ สิทธิสมาน เคยเขียนเชียร์ระบอบรัฐธรรมนูญ ตอนนี้เขียนตามใบสั่งสนธิ เช่นเดียวกับชัยอนันต์-ชัยสิริ สมุทวนิช และปราโมทย์ นาครทรรพ ไพศาล พืชมงคล และลูกทีมอย่างพวกสโรชา ปานเทพ สุรวิชช์ ต่อพงษ์ ที่ทำงานตามใบสั่งสนธิฯลฯ

วสันต์ ภัยหลีกลี้ สามีของรุ่งมณี เมฆโสภณ ลูกน้องใกล้ชิดสนธิอีกรายก็เป็นเครือข่ายที่สนธิส่งไปเป็นผอ.ช่อง9ด้วย

สนธิพูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ว่า พวกบริวารในคาถาของเขานี้ทำตามธงของเขาทั้งสิ้น เพื่อเปรียบเปรยว่าที่จักรภพ เพ็ญแขทำหรือพูดอะไรนั่นก็คือทำตามธงที่ทักษิณสั่งการ

ทำไมสนธิแค้น?-สนธิไปลงทุนเตรียมทำช่อง11News1ไว้แล้ว แต่รัฐบาลทักษิณไม่ยกให้,ทักษิณยังไม่ต่อวีซ่าให้วิโรจน์ นวลแข เป็นกก.ผจก.ใหญ่แบงก์กรุงไทยด้วย ทำให้การแฮร์คัตหนี้เน่าเครือผู้จัดการสะดุดลง

หมายเลข2 สุทธิชัย หยุ่น-สุทธิชัยอาศัยเหตุการณ์พฤษภาทมิฬไปขอสัมปทานITVมาจากรัฐบาลอานันท์ ด้วยข้อเสนอจ่ายค่าสัมปทานแพงบรรลัย แต่ไม่มีปัญญาจ่าย ในที่สุดทักษิณก็เข้ามาเทกโอเวอร์ITVทำให้สุทธิชัยกับเครือเนชั่นหนีหัวซุกหัวซุนไปพึ่งใบบุญไทยทีวีของลูกน้องเก่าทักษิณ แต่ก็ไม่วายโดนทักษิณตามเช็กบิล เพราะทำผิดกฎหมายยิงสัญญาณเนชั่นแชนัลจากเมืองนอกเข้าไทย แล้วหวังจะกระจายไปทั่วประเทศ ความแค้นนี้จึงใหญ่หลวงนัก

เครือข่ายสุทธิชัย-ลูกน้องของเขากระจายไปตามช่องต่างๆอย่างกนก รัตน์วงศ์สกุล ธีระ ธัญวงศ์ไพบูลย์ จอมขวัญ หลาวเพชร หรือลูกน้องเก่าอย่างสรยุทธ สุทัศนะจินดา หรือกรุณา บัวคำศรี(แกนนำ30กบฎITV)

จะเห็นว่าหลังรัฐประหาร19กันยา ค่ายสุทธิชัยได้ผลประโยชน์เป็นกอบเป็นกำ ทั้งที่ออกแรงน้อยกว่าสนธิลิ้ม เพราะสุทธิเป็นคนสงขลาบ้านเดียวกับพล.อ.เปรม ทำให้เขาได้เวลาตามทีวีช่องต่างๆมาก และ"รับงาน"จากฝ่ายเปรม รวมทั้งชำระแค้นแต่หนหลังด้วย

ทำไมหยุ่นแค้น?-หยุ่นชงเรื่องITVหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬขึ้นไปให้รัฐบาลอานันท์ แล้วเข้ารับสัมปทานด้วยข้อเสนอจ่ายค่าสัมปทานแพงลิบ แต่ทำไม่ได้ตามสัญญา พยายามจะให้รัฐบาลประชาธิปัตย์ลดให้ แต่ต่อมารัฐบาบทักษิณเข้าขวางไว้ และทักษิณเข้าเทกโอเวอร์ITVพวกหยุ่นต้องระเห็จออกไปทำNation Channelกับไกรวัฒน์ลูกน้องเก่าทักษิณ แต่ก็โดนตามเล่นงานหนัก เป็นความตกต่ำอย่างที่สุดของหยุ่น

ในที่สุดทหารทำรัฐประหาร หยุ่นสามารถยึดITVกลับมาในฉลากใหม่คือTPBSโดยที่ทิ้งขี้ค่าสัมปทานITVไว้เบื้องหลัง และผู้ถือหุ้นรายย่อยที่พินาศขาดทุนยับเยิน แถมเขาส่งเทพชัย หย่อง น้องชายกลับไปกุมบังเหียนTPBSแบบที่รัฐต้องควักเงินจากภาษีบาปมาอุดหนุนปีละ2พันล้าน ให้ทำทีวีเนชั่นสาขา2แบบจ้องระรานฝ่ายประชาธิปไตยเสื้อแดง โปรพันธมิตร-เผด็จการ รัฐบาลหุ่นประชาธิปัตย์เต็มที่

หมายเลข3 เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง-เจิมศักดิ์ดังมาจากรายการมองต่างมุมทางช่อง11และมามีรายการทางช่อง9แต่เขาไม่เชียร์ทักษิณแถมมีกัด เลยโดนทักษิณยึดเวลา แถมไม่ลงโฆษณาให้ ทำให้เจิมศักดิ์ต้องออกหนังสือรู้ทันทักษิณออกมาราวีเหลี่ยม

เครือข่ายเจิมศักดิ์-เจิมศักดิ์มีมือขวาคือ"แม็ค"เถกิง สมทรัพย์ รองผอ.TPBS เถกิงเคยเป็นบก.หนังสือชุดรู้ทันทักษิณให้เจิมศักดิ์ ยิ่งตอนนี้เถกิง(ที่มีเจิมศักดิ์ยืนอยู่ข้างหลัง)มาผนึกกับเทพชัย หย่อง น้องชายของสุทธิชัยหยุ่น และหัวหน้ากบฎITVคือกรุณา บัวคำศรี(อดีตรองเลขาสนนท.ผู้สนิทแน่นยุคปริญญา เทวานฤมิตกุล เป็นเลขาฯ)มาทำTPBS ดังนั้นจึงไม่ต้องประหลาดใจว่า ทำไมTPBSที่นำเงินจากภาษีบาปเหล้าบุหรี่ จึงได้เป็นปฏิปักษ์กับพวกทักษิณและเชียร์พันธมิตรกับรัฐบาลหุ่นออกนอกหน้า

ทำไมเจิมศักดิ์แค้น?-เจิมศักดิ์เคยตั้งบริษัทว้อตช์ด็อกร่วมกับเกษมสันต์ วีระกุล พิรุณ ฉัตรวณิชกุล เป็นต้น แล้วให้ทักษิณเข้าถือหุ้น อาศัยอิทธิพลเข้าไปยึดเวลาทางช่องราชการคือ9 และ 11 ต่อมาขัดแย้งกับทักษิณจึงหนีไปทำรายการใต้ปีกของสนธิลิ้มทางASTVและวิทยุ92.25ของประชัย เลี่ยวไพรัตน์ แล้วยึดเป็นเรือนตายในการบ่อนทำลายทักษิณและฝ่ายประชาธิปไตย

หมายเลข4ขรรค์ชัย มติชน-มูลเหตุมาจากเสี่ยช้าง-ขรรค์ชัยแค้นที่อากู๋แกรมมี่จะเข้ามาเทกโอเวอร์ โดยเชื่อว่าอากู๋มีทักษิณอยู่เบื้องหลัง เลยต้องเช็กบิล

อย่างไรกตามมีเสียงนินทาว่า เรื่องนี้อาจเป็นฉากการสมรู้ร่วมคิด โดยสังเกตจากตัวเชื่อมคือวาณิช จรุงกิจอนันต์ ที่แนบแน่นหนิดหนมกับทั้งเสี่ยช้างและอากู๋เป็นเสมือนดีลเมกเกอร์ แต่พอความแตกเสี่ยช้างก็ตัดญาติวาณิชหาว่ากินบนเรือนขี้รดหลังคา ต้องค้าความกันยาว

เครือข่ายของขรรค์ชัย-ส่วนใหญ่เป็นคอลัมนิสต์ในเครือเช่นบุญเลิศ ช้างใหญ่ นงนุช สิงหเดชะ ซึ่งมีจุดยืนตามราวีพวกทักษิณและเชียร์รัฐประหาร เชียร์พธม.ตลอด แต่ระยะหลังเริ่มมีปัญหากับสนธิลิ้ม เพราะตอนม็อบพันธมิตรยึดทำเนียบ ดันไปกระชากตัวนักข่าวเครือมติชนประจำทำเนียบ ข่าวสดจึงเล่นงานกลับด้วยข่าวเชิงลบ ใหญ่สุดคือบทสัมภาษณ์พระเทพ"No,I don't think so, they do for themselfes."ทำให้สนธิประกาศคว่ำบาตรเครือมติชน ซึ่งทำให้เครือมติชนเริ่มมีบทบาทนำเสนอข่าวตรวจสอบพันธมิตร และถูกสนธิลิ้มใส่ร้ายว่ามติชนเป็นทาสรับใช้ทักษิณ

หมายเลข5ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการนายกฯยุคเปรม ต่อมาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในยุคพลตรีจำลอง ศรีเมือง เป็นหัวหน้าพรรค ต่อมาจำลองให้ประสงค์ออก แล้วไปทาบทามนักธุรกิจสื่อสารคือทักษิณมาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศแทน ทำให้ประสงค์แค้นตามราวีทักษิณมาต่อเนื่อง โดยมีบทบาททางเปิดที่หนังสือพิมพ์แนวหน้า บทบาททางปิดกับเครือชนชั้นนำ ทหารสายเหยี่ยว

เครือข่ายประสงค์-มีประพันธ์ คูณมี คนใกล้ชิดของเขาเล่นบทในทางเปิดอยู่ในเวทีพันธมิตรประสานงานระหว่างเปรมกับสายเหยี่ยวทั้งหลาย และฟากฝ่ายสนธิลิ้ม และยังได้วัชระ เพชรทอง อดีตนักศึกษาโข่งจากรามคำแหง ที่มาเป็นบก.แนวหน้า ก่อนจะขึ้นเวทีพันธมิตรแล้วลงสมัครเป็นส.ส.ประชาธิปัตย์

หมายเลข6 เปลว สีเงิน-หรือโรจน์ งามแม้น เขาลาป๊ะกำพล วัชรพล ออกจากไทยรัฐมาก่อร่างสร้างตัวเอง และมีบทบาทเป็นฝ่ายค้านโจมตีทุกรัฐบาล ในยุคประชาธิปัตย์หนังสือพิมพ์สยามโพสต์ของเขาถูกคนของไตรรงค์ สุวรรณคีรี บุกไปคุกคาม ต่อมาในยุคของรัฐบาลทักษิณเขาถูกปิดกั้นทุกช่องทาง ทั้งการตลาด การจัดจำหน่าย แม้แต่การผลิต ทำให้เปลวเปิดศึกกับทักษิณเป็นรายแรกๆ(ต่อมาเป็นเจิมศักดิ์ สุทธิชัย ขรรค์ชัย และสนธิในที่สุด แต่กรณีประสงค์นั้นเปิดศึกมานับแต่ทักษิณเสียบตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแทนโน่นแล้ว)

เปลวมีบทบาทในการชำระหนี้แค้นกับทักษิณแบบไม่เข้าร่วมเวทีพันธมิตรเต็มรูปแบบ หลายๆครั้งเขาเตือนสติพวกพันธมิตร แต่หลังๆเปลวก็เข้ารกเข้าพงไปหนัก ถึงขั้นหันไปเชียร์พรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีพาณิชย์ เจ้าของอาบอบนวดโพไซดอน แม้จะหาเรื่องเชียร์ไม่เจอ เปลวก็ยังเชียร์ว่าโหงวเฮ้งดี ปากดีจมูกดี จะได้เป็นที่พึ่งพาอาศัยของนักการเมืองในภายหน้า(แต่เปลวไม่ได้บอกว่าในภายนี้ สื่อบางคนก็ได้พึ่งพาอาศัยเจ้าของอ่างแล้ว)

หมายเลข7 คนอื่นๆ เช่น อัญชลี ไพรีรักษ์ อดีตผู้อ่าข่าวช่อง7มาทำธุรกิจรายการวิทยุแล้วตามด่าทักษิณ เลยโดนปลดออกจากคลื่น หม้อข้าวโดนทุบจึงไปเข้าแก๊งกับเอกยุทธ อัญชัญบุตร ต่อมาก็มาประจำการที่เวทีพันธมิตรเป็นการถาวร ได้ชื่อในเรื่องเป็นพิธีกรปากมอมประจำเวทีพันธมิตร แม้แต่แฟนคลับก็ยังอ่อนอกอ่อนใจ

หมายเลข8พวกสมาคมสื่อ-ทุกค่ายรับใช้เผด็จการหมด อย่างล่าสุดทั้งประธานสภาการหนังสือพิมพ์อย่างเจ๊หยัด-บัญญัติ ทัศนียเวช,นายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์อย่างสมชาย แสวงการ และนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ อย่างภัทระ คำพิทักษ์ ก็รับเทียบเชิญเผด็จการทหารคมช.เข้ามาเป็นสมาชิก สนช.หลังรัฐประหาร19กันยาฯแบบไม่ต้องเหนียมอาย แม้ถูกนักข่าวภาคสนามพากันประท้วงเพราะอายแทน

คนในสมาคมที่มีบทบาทอีกรายคือ ประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ เลขาธิการสมาคมนักข่าว มีบทบาทออกแถลงการณ์ด่าฝ่ายทักษิณแต่ละเลยอีกฝ่าย มีเรื่องมาจากอากู๋แกรมมี่จะเข้าเทกโอเวอร์บางกอกโพสต์ที่ประดิษฐ์ทำงานอยู่ ประดิษฐ์เคยใส่เสื้อดำไปประท้วงในทำเนียบ ที่เขาทำงานเป็นนักข่าวประจำทำเนียบอยู่

หมายเลข9พวกสื่อรับใช้เผด็จการศักดินา-อย่างสมชาย แสวงการ ที่ได้รางวัลเป็นสนช.ต่อมาก็ได้โควต้าสว.ลากตั้ง ตอนนี้เป็นตัวตั้งตัวตีกลุ่มสว.40คนที่เคลื่อนไหวรับใช้เผด็จการ ทำลายประชาธิปไตยเสื้อแดงทุกทาง หรือสนธิญาณ หนูแก้ว ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวINN ที่ล่าสุดออกมาเคลื่อนไหวในนามกลุ่ม"สยามสามัคคี"ตั้งค่าหัวล่าทักษิณ 1 ล้านบาท พวกนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ช่วงท้ายๆก่อนทุบITVทิ้งแปรสภาพมาเป็นTPBSมีการส่งสนธิญาณเข้าไปยึดITVแต่ถูกต่อต้านหนัก พวกอำมาตย์จึงยุบITV แล้วแจ้งเกิดทีวีอำมาตย์อย่างTPBSขึ้นแทน

10.อืนๆอย่างลูกน้องเก่าทักษิณในITVเช่นมัลลิกา บุญมีตระกูล-มัลลิกาเคยโดนปชป.ล้อมกรอบตอนทำข่าวปชป.ด้วยข้อหาว่าทำข่าวเข้าข้างทักษิณ มติชนเคยเชิดชูให้เป็นนักข่าวสาวเหล็ก ในภายหลังมัลลิกามีเรื่องกับทีมITVยุคท้ายๆจึงลาออกก่อนITVโดนยุบไม่นาน ตอนนี้ปักหลักด่าพวกทักษิณอยู่วิทยุคลื่น105ตอนเย็นๆกับทนายวันชัย

11.คู่หูนรกเนชั่นและเครือข่าย..ไม่ต้องกล่าวถึงว่ากนก รัตน์วงศ์สกุล กับธีระ ธัญไพบูลย์นั้น ยังมีความเป็นสื่อกลางอยู่อีกหรือไม่จากพฤติการณ์สารพันที่พวกเขากำลังแสดงอยู่ในตอนนี้

สื่อมวลชนไทยทำไมมีจุดยืนข้างพวกเส้นใหญ่-ทำลายประชาธิปไตย นี่คือคำตอบ

สื่อมวลชนไทยเป็นวิชาชีพที่ทรงอิทธิพลชี้เป็นชี้ตายชี้ทิศชี้ทางของบ้านเมืองได้ แต่พวกเขาเข้าสู่วิชาชีพนี้โดยไม่ต้องผ่านการวัดประเมินใดๆ ไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ไมต้องมีหน่วยงานราชการกำกับดูแล ผิดมาไม่ต้องโดนยึดใบอนุญาต แบบแพทย์ พยาบาล วิศวกร สถาปนิก หรือแม้กระทั่งกรรมการห้ามมวย

นักข่าวดูแลกันเอง แต่ก็เข้าทำนองปกป้องกันเอง หากพวกเขาผิดก็เพียงแต่เฉยและปล่อยให้เรื่องเงียบๆไป

แต่สื่อของไทยอยู่ใต้อานัติของนายทุนสื่อแบบสนธิลิ้ม สุทธิชัยหยุ่น เสี่ยช้างขรรค์ชัย เสี่ยเซ็นทรัลบางกอกโพสต์ฯลฯเป็นต้น นายทุนสื่อจำเป็นมากที่ต้องพึ่งพิงคลื่นวิทยุ หรือช่องทีวี หรือเวลาออกอากาศจากผู้มีอำนาจ ซึ่งก็ไม่พ้นกองทัพ ราชการ เส้นสายอุปถัมภ์ในสังคมไทยที่พวกเขาคุ้นเคยมานาน การต่างตอบแทนด้วยการโอบอุ้มกันไปมาระหว่างนายทุนสื่อกับกลุ่มผู้กุมอำนาจในกองทัพ หรือเส้นใหญ่อุปถัมภ์เป็นเรื่องที่ไปกันได้ดี...เพียงแต่มันต้องแลกด้วยผลประโยชน์ของชาติ และความก้าวหน้าหรือล้าหลังของประชาธิปไตย

นายทุนสื่อมักจะยินดีแลกเพื่อให้ได้เวลาออกอากาศ ได้คลื่น ได้สถานี ได้ช่องทีวีมา ทำให้พวกเขาหารายได้จากการโฆษณา ยอดขายไปปั้นเป็นกำไรในงบแต่ละไตรมาส เพราะอย่าลืมว่าสื่อคือธุรกิจชนิดหนึ่งที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น ไม่ใช่หนังสือพิมพ์ไส้แห้งอย่างยุคอดีตแบบที่สุภา ศิริมานนท์ อิศรา อมันตกุล กุหลาบ สายประดิษฐ์ เคยเป็นเมื่อหลายทศวรรษก่อนอีกแล้ว

พวกเขาทำในสิ่งที่เรียกว่าผลประโยชน์ทับซ้อนของนายทุนสื่อกับผลประโยชน์แห่งชาติอย่างเป็นปกติ ส่วนว่าพวกเขาเน้นไปที่จุดยืนผลประโยชน์ของชาติ หรือนายทุนสื่อมากกว่ากัน

เรื่องนี้ตอบไม่ยาก ลองบริโภคข่าวการเมืองในประเทศกรณีเสื้อแดงชุมนุมหนล่าสุดของสื่อไทย เทียบกับสื่อต่างประเทศซักเพียงข่าวเดียว ท่านก็จะซาบซึ้งในคำตอบ

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker