บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2552

สุชน-สล้างนำทีมถวายฎีกาอ้างมีแนวโน้มรุนแรงต่ปชช.ต่อเนื่อง "สมเจตน์"ชี้มิบังควร 30ส.ว.จี้"มาร์ค"ออก

ที่มา มติชนออนไลน์
สุชน - สล้าง-อดีต ส.ว.ยื่นถวายฎีกา ระบุมีแนวโน้มการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง หากปล่อยให้สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่ออาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตประชาชน "สมเจตน์" ชี้มิบังควร อย่าเอาเรื่องไปเป็นภาระพระเจ้าอยู่หัว 30 ส.ว.จี้"มาร์ค"ลาออก-ยุบสภา


นายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา พร้อมด้วยนายคำนวณ ชโลปถัมภ์ อดีต ส.ว.สิงห์บุรี เข้ายื่นหนังสือต่อราชเลขาธิการ ที่สำนักพระราชวัง ถนนหน้าพระลาน เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 13 เมษายน เรื่อง ขอพระราชทานกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท โดยนายอินทร์จันทร์ บุราพันธ์ รองเลขาฯสำนักราชเลขาธิการเป็นผู้รับหนังสือแทน เนื้อหาระบุว่า เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันประชาชนเกิดความแตกแยกออกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน เพราะประชาชนรู้สึกว่าเกิดความไม่ยุติธรรมในการใช้อำนาจตุลาการ และอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน จนทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเกิดความไม่พอใจอย่างยิ่ง จนต้องออกมาชุมนุมเรียกร้องขอความยุติธรรมและความเป็นธรรมกลับคืนสู่สังคมไทย ตามการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อขจัดความเป็น 2 มาตรฐานในกระบวนการยุติธรรมและในการบริหารราชการแผ่นดิน


"จากการชุมนุมของประชาชนจำนวนหลายแสนคนจนรัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง นำทหารมาปะทะปราบปรามประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมอย่างสงบสันติ ปราศจากอาวุธ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียเลือดเนื้อจำนวนมาก และมีแนวโน้มจะใช้ความรุนแรงต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง หากปล่อยให้สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่ออาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตประชาชนที่บริสุทธิ์ กระทบต่อความมั่นคงของสถาบันหลักของประเทศ และทำลายภาพลักษณ์ประเทศ ข้าพระพุทธเจ้าและเหล่าอาณาประชาราษฎร์ทั้งหลาย ขอถวายความจงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ซึ่งมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นต่อปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่ามาโดยตลอด ทั้งขอถวายความจงรักภักดีและเทิดทูนพระมหากษัตริย์ตลอดไปด้วยชีวิต เพื่อการดังกล่าวจึงกราบเรียนมายังราชเลขาธิการเพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ทั้งนี้ การควรมิควรประการใดสุดแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม" หนังสือระบุ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ลงชื่อประกอบด้วยนายสุชน นพ.รัศมี วรรณิสสร ประธานองค์กรพิทักษ์ ศาสน กษัตริย์ พล.อ.สมคิด จงพยุห ประธานชมรมธรรมะชนบท พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ประธานชมรมนายตำรวจบำเหน็จบำนาญ คุณหญิงสมปอง วรรณิสสร รองประธานชาวพุทธแห่งประเทศไทย


นายสุชนกล่าวภายหลังการยื่นหนังสือว่า ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับรองเลขาฯสำนักราชเลขาธิการ เพราะอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข มีประชาธิปไตยคืนมา ไม่อยากให้สูญเสียเลือดเนื้อ ซึ่งแนวทางแก้ไขทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ควรทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ควรทำเพื่อพรรคหรือฝ่ายใด สำหรับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะตัดสินใจลาออกหรือยุบสภา ไม่อยากไปก้าวก่าย แต่ในสมัยพฤษภาทมิฬก็ไปรบกวนเบื้องพระยุคลบาท จึงไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ฉะนั้น ทุกคนต้องตั้งสติ ทำไมต้องห้ำหั่นกัน ควรหันหน้าเข้าหากัน


พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แกนนำกลุ่มสยามสามัคคี กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจกับการดำเนินการของนายสุชนและคณะ เหตุใดช่วงที่มีการชุมนุมล้มการประชุมอาเซียนซึ่งเป็นการทำร้ายประเทศอย่างรุนแรงที่สุด ต่างประเทศหมดความเชื่อมั่นประเทศไทย และกลุ่มเสื้อแดงก็มีการก่อการจลาจลย่อยๆ และก่อความวุ่นวายใน กทม.จึงไม่ทำอะไร


"ผมไม่เห็นว่าการสลายการชุมนุมจะรุนแรงตรงไหน กลับมีการกล่าวหารัฐบาลว่ารัฐบาลอ่อนแอ เนื่องจากรัฐบาลคงคิดว่าการสลายการชุมนุมเป็นการกระทำกับคนไทยด้วยกัน จึงพยายามใช้วิธีละมุนละม่อม เมื่อใช้วิธีดังกล่าวไม่ได้ผลก็ต้องมีการใช้วิธีที่รุนแรงขึ้นเท่าที่จำเป็น" พล.อ.สมเจตน์กล่าว


พล.อ.สมเจตน์กล่าวว่า ไม่อยากคิดว่าการถวายฎีกาดังกล่าวเป็นการปกป้องคนเสื้อแดง แต่อยากให้ย้อนไปถึงอดีตของนายสุชน ที่เคยเป็นประธานวุฒิสภา รวมถึง พล.ต.อ.สล้าง ที่ทำตัวเป็นข้ารับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และขณะนี้มีการถวายฎีกา จึงอยากขอร้องอย่าได้เอาภาระทั้งหมดที่พวกตัวเองได้ทำร้ายประเทศไปเป็นภาระของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้าจะช่วยเหลือประเทศก็ควรจะช่วยยุติการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อประเทศชาติ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ยุติบทบาท


"ใครก็แล้วแต่ที่ทำอย่างนี้ถือว่าไม่บังควรอย่างยิ่ง เชื่อว่ารัฐบาลและทหารกำลังใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหา ขอให้ประชาชนช่วยกันให้กำลังใจ เพราะรัฐบาลและกองทัพได้พยายามทำให้ดีที่สุด โดยรัฐบาลควรจะกันคนไทยที่หลงผิดออกไป และดำเนินการตามกฎหมายกับแกนนำ ผมเชื่อว่าสถานการณ์ขณะนี้น่าจะดีขึ้น เพราะรัฐบาลและกองทัพพยายามแก้ปัญหา แต่อาจจะไม่ทันใจประชาชน อย่างไรก็ตาม อยากจะบอกนายกรัฐมนตรีว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังได้รับความเห็นใจจากประชาชน และก็ขอให้กำลังใจท่านในการทำหน้าที่" พล.อ.สมเจตน์กล่าว


ขณะที่นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เปิดเผยว่า ได้เรียก ส.ว.ประชุมด่วน เพื่อหารือทางออกสถานการณ์บ้านเมืองในฐานะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ในวันที่ 14 เมษายน เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา อาคารสุขประพฤติ ถนนประชาชื่น เพื่อแสดงจุดยืนอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา โดยส่วนตัวมองว่ารัฐบาลไม่ควรใช้ความรุนแรงเกินไป อย่าใช้กำลังเต็มที่ เพราะถ้าแรงมาก็จะทำให้เกิดการสู้กัน ต้องขีดวงความรุนแรงเท่าที่ทำได้ กรณีสลายการชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง ทำให้คนบาดเจ็บเยอะ คิดว่าต้องค่อยๆ เจรจา ถ้าไม่สำเร็จก็ค่อยดำเนินการจากมาตรการที่เบาไปหาหนัก ซึ่งการยิงแก๊สน้ำตาหรือยิงปืนขึ้นฟ้า ทำให้คนหวาดกลัวนั้น ไม่ดีเลย นอกจากนี้ คิดว่ากลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนอยากกลับบ้านก็ควรจัดรถให้ได้กลับ


ส่วนหากนายกฯยุบสภาหรือลาออกจะเป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้นหรือไม่นั้น นายประสพสุขกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่คิดว่า ทำอย่างไรให้เหตุการณ์วันนี้หยุดลงไปก่อนให้ได้ แล้วค่อยคิดภายหลังว่าจะทำอย่างไร ซึ่งที่ผู้ชุมนุมเรียกร้องให้นายกฯยุบสภาหรือลาออก รัฐบาลก็ต้องใคร่ครวญดูว่าทำได้หรือไม่ ถ้าไม่มีทางอื่นจริงๆ และทางนี้ทำให้เหตุการณ์สงบก็ต้องพิจารณา


ผู้สื่อข่าวถาม เบื้องหลังการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้รัฐบาลตัดสินใจยากขึ้นหรือไม่ นายประสพสุขกล่าวว่า ไม่ยากอะไรหรอก ลองคิดถึงความมั่นคงของประเทศ และภาพลักษณ์ประเทศในเวทีโลก ซึ่งอย่างที่ผมบอกคือ ต้องหาทางทำให้เหตุการณ์สงบลงก่อน ซึ่งผมคงไม่คิดถึงเรื่องเสียหน้าเสียตาอะไรหรอกŽ


นายประวัติ ทองสมบูรณ์ ส.ว.มหาสารคาม เปิดเผยว่า ส.ว.กว่า 30 คน ได้หารือกรณีที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีสลายการชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 13 เมษายน โดยทุกคนแสดงความเป็นห่วง และไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม เพราะอาจทำให้สถานการณ์บานปลาย


"วิธีการที่ดีที่สุดคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ควรเห็นแก่ประเทศชาติ โดยการลาออก หรือยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน ไม่ให้บาดเจ็บล้มตาย เพราะตอนนี้เสียหายมาก และขอให้รัฐบาลตัดสินใจโดยเร็ว" นายประวัติกล่าว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ ส.ว.ที่หารือกันครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็น ส.ว.เลือกตั้ง อาทิ นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 นายยุทธนา นพฤทธิ์ ส.ว.ยโสธร นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี และ ส.ว.เลือกตั้งจากภาคกลาง ทั้งนี้ กลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่สนับสนุนพรรคพลังประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ในช่วงกลางปีที่แล้ว


มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนออกแถลงการณ์ มีข้อเรียกร้องดังนี้ 1.รัฐบาลต้องยุติการใช้กำลังและความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุ อันส่งผลให้มีการสูญเสียต่อชีวิตของผู้คนโดยไม่จำเป็น รัฐบาลต้องยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโดยทันที และหันกลับมาใช้อำนาจของรัฐตามปกติที่มีในกรณีที่ผู้ชุมนุมกระทำการนอกกรอบของกฎหมาย 2.สื่อมวลชนต้องทำหน้าที่อย่างเป็นกลางและมีการนำเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน และ 3.เมื่อรัฐบาลไม่อาจบริหารบ้านเมืองได้อย่างปกติ รัฐบาลต้องยุบสภาเพื่อทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองเฉพาะหน้าคลี่คลายลงอันเป็นการป้องกันมิให้ความรุนแรงลุกลามขยายตัวออกไป อย่างไรก็ตาม การยุบสภาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการแสวงหาทางออกเฉพาะหน้าเท่านั้น ในระยะยาวยังมีประเด็นที่สังคมต้องร่วมกันขบคิดและถกเถียงกันต่อไปอีก


นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า นี่คือเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย เพราะไม่ใช่การประท้วงแบบปกติ แต่เป็นการประท้วงที่มาพร้อมกับความแข็งกร้าว เป็นลักษณะสงครามจรยุทธ์ กลายเป็นสงครามกลางเมือง รัฐบาลคงต้องอยู่ในสถานะที่จะต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว หากจะเล่นบทแรงก็ต้องแรง เพราะการสยบฝ่ายที่กำลังแข็งกร้าว จะต้องมีไม้แข็ง


"เรื่องเฉพาะหน้า ที่รัฐบาลต้องทำเวลานี้คือ การยุติการชุมนุมการประท้วงที่ไม่ถูกกฎหมาย ควบคู่ไปกับการเจรจาเพื่อยุติปัญหา ไม่ต้องพูดว่าใครถูก ใครผิด ไม่ต้องพูดว่าใครเหลือง ใครแดง ต้องมาเจรจาเพื่อหาข้อยุติ อย่าทิ้งช่องทางการเจรจา เพราะเชื่อเถอะไม่มีใครชนะหรอก แต่ประเทศพัง" นายเอนกกล่าว


นายชัยวัฒน์ สถาอานันท์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การที่ประชาชนที่คิดแตกต่างทางการเมืองเกิดปะทะกัน ซึ่งไม่มีใครอยากเห็นเช่นนี้ รัฐบาลควรทำอะไรบางอย่าง


"ผมขอเสนอข้อคิดว่า ถ้าเราย้อนไปคิดถึงแนวความคิดของนักรัฐศาสตร์คนสำคัญ คือ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ที่ว่าคนชนบทตั้งรัฐบาล คนกรุงล้มรัฐบาล เวลานี้กลับกัน คือรัฐบาลเหมือนจะถูกตั้งโดยคนในเมือง คนชั้นกลางและอื่นๆ และคนที่จะล้มรัฐบาลคือคนชนบท เป็นไปได้ไหมว่า จะแก้ปัญหานี้ เช่น ทางออกที่ยังอยู่ในระบบและสร้างความมั่นคงให้กับระบอบรัฐสภา ก็อาจจะตัดสินใจยุบสภาก็ได้ ซึ่งเป็นหนทางหนึ่งที่หลีกเลี่ยงความรุนแรงได้ และทำแบบนี้ก็จะเป็นการเปลี่ยนเกมทั้งหมด แทนที่จะไปสู่การปะทะกัน เพราะกติกาจะกลับไปสู่การเลือกตั้ง" นายชัยวัฒน์กล่าว


นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า หากเกิดความวุ่นวายจนรัฐบาลไม่สามารถควบคุมและคลี่คลายสถานการณ์ได้ การยุบสภาก็อาจเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะคลี่คลายวิกฤตที่เกิดขึ้นที่จำเป็นต้องเลือก แม้ว่าการยุบสภาจะไม่ใช่การแก้ปัญหาระยะยาวก็ตาม

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker