ที่มา Asia Sentinel
แปลโดยทีมข่าวไทยอีนิวส์
8 เมษายน 2552
Thailand's Hearts and Minds
หัวใจและความคิดของไทย
แม้ว่าเสื้อแดงอาจจะแพ้ในสมรภูมิเล็กแต่พวกขาอาจจะกำลังชนะสงครามใหญ่
ในขณะที่ผู้ประท้วงเสื้อแดงกำลังไปชุมนุมในใจกลางเมืองวันนี้ มีสามสมรภูมิที่พวกเขากำลังต่อสู้อยู่ในเวลาเดียวกัน แต่ละสมรถูมิจะมีทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ
สมรภูมิแรกนั้นเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายที่จะขับไล่รัฐบาลของนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและองคมนตรีเปรม ติณสูลานนท์ สุรยุทธ์ จุลานนท์ และชาญชัย ลิขิตจิตถะ สำหรับเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ และคณะที่ปรึกษาของกษัตริย์ภูมิพลอดุลยเดชคงจะยังยืนหยัดอยู่ตอนนี้
จากความใกล้ชิดกับราชบัลลังค์ สภาองคมนตรีนั่งอยู่บนจุดสูงสุดของระบบอำนาจของไทย บุคคลที่ถูกตั้งข้อสงสัยทั้งสามมีส่วนสำคัญในการขับไล่อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตรเมื่อสามปีที่แล้ว นี่เป็นความลับที่ทุกคนรู้ แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานมันเป็นสิ่งต้องห้ามที่จะเอ่ยถึงองคมนตรี พล.อ.เปรมเป็นประธานองคมนตรีและเป็นเป้าหมายของผู้ประท้วงที่มีแผนที่จะชุมนุมที่บ้านของเขา สามเดือนก่อนรัฐประหารปี 2549 พล.อ.เปรมได้บอกกับทหารว่าพวกเขาควรจะจงรักภักดีต่อกษัตริย์แทนที่จะมีต่อรัฐบาล เขายังมีอิทธิพลอย่างมากต่อกองทัพและศาลยุติธรรม
พล.อ.สุรยุทธ์ได้รับตำแหน่งเป็นนายกที่แต่งตั้งโดยทหารหลังจากรัฐประหารซึ่งทำให้เห็นความเกี่ยวข้องโดยตรงระหว่างราชวังกับการขับไล่อดีตนายก นายชาญชัยอยู่ในตำแหน่งประธานศาลฎีกาเมื่อปี 2549 และมีส่วนช่วยทำให้การเลือกตั้งที่กลุ่มของทักษิณได้ชัยชนะเป็นโมฆะ ทั้งหมดนี้เป็นกระทำโดยแอบอ้างว่าเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติของรัฐธรรมนูญ
เสื้อแดงดูเหมือนจะไม่มีกำลังใต้ระบอบอำนาจที่มีสภาองคมนตรีเป็นตัวแทน การโจมตีองคนตรีถูกมองว่าเป็นการโจมตีกษัตริย์โดยตรง ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมที่มีโทษจำคุกได้ถึง 15 ปี อิทธิพลนี้มันทำให้เสื้อเหลืองสามารถยึดทำเนียบรัฐบาลได้ถึง 3 เดือนเมื่อปีที่แล้ว และยึดสนามบินโดยไม่มีถูกเอาผิดอย่างใด
นายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูเหมือนจะปลอดภัยถึงแม้จะเผชิญหน้ากับผู้ประท้วงที่พัทยาเมื่อวานนี้เมื่อพวกเขาทุบกระจกรถของเขา เขาได้กุมอำนาจโดยเสียงส่วนใหญ่ในสภาเมื่อปีที่แล้วหลังจากได้รับเลือกเป็นนายกอย่างหวุดหวิดเมื่อเดือนธันวาคม นายเนวิน ชิดชอบผู้หันหลังให้กับพตท.ทักษิณและกลับไปสนับสนุนอภิสิทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำตากับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้และโจมตีพตท.ทักษิณว่าให้หยุดจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ พรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีสิ่งจูงใจใดที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ในตอนนี้
ความรุนแรงบนถนนอาจช่วยล้มรัฐบาล แต่ทั้งสองฝ่ายกำลังพยายามสกัดกั้นอีกฝ่ายจากการชุมนุมเหมือนปีที่แล้ว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าจะไม่ใช้กำลังในการจัดการกับผู้ชุมนุมเหมือนที่พี่เขยของพตท.ทักษิณทำเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว การปะทะดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งคนและมีผู้บาดเจ็บกว่า 500
คนเสื้อแดงได้ออกตัวว่าเป็นผู้ประท้วงด้วยความสงบผิดกับเสื้อเหลืองถึงแม้ว่าเมื่อวานเกิดความรุนแรงที่พัทยา พวกเขาไม่ใส่หมวกกันน็อกหรือถือไม้กอล์ฟเพื่อปกป้องตัวเองเหมือนที่กลุ่มพันธมิตรทำเมื่อปีที่แล้ว พวกเขาบอกว่าจะไม่ทำผิดกฎหมาย ยึดครองตึกใดๆ หรือสนามบินถึง
อย่างไรก็ตาม การมีผู้คนจำนวนมากความรุนแรงสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เสื้อแดงมีความรุนแรงเหมือนกันเมื่อพวกเขาทุบรถส.ส.หลังจากการการลงคะแนนเมื่อเดือนธันวาคมซึ่งทำให้นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีและได้ทุบรถเขาเมื่อวานที่พัทยาจะเกิดความกังวลมากที่สุดถ้าผู้ที่สนับสนุนพอ.เปรมได้รวมตัวที่บ้านของเขาเพื่อปกป้องเกียรติยศของเขา ถ้าพวกเขาออกมา การปะทะกันบนถนนมีโอกาศจะเกิดขึ้นได้ กลุ่มคนใดที่ยืนหยัดสนับสนุนพล.อ.เปรมแน่นอนจะได้รับการสนับสนุนจากทหารและภูมิคุ้มกันเพิ่มจากการปกป้องราชบัลลังค์
อย่างไรก็ตามเทศกาลสงกรานต์จะเริ่มในวันเสาร์นี้ เพราะฉะนั้นการสู้รบคงจะไม่ยาวนาน นายอภิสิทธิ์อาจเพียงแค่รอ และผู้ประท้วงคงจะกลับบ้านไปหลายวันก่อนจะรวมตัวกันอีกครั้งในเดือนนี้การต่อสู้ของทักษิณการสู้รบในสมรภูมิที่สองเกี่ยวข้องกับ
การต่อสู้ของพตท.ทักษิณ
เพื่อที่จะนำเงินจำนวน 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐกลับมา และขจัดภาพพจน์ที่ไม่ดีเรื่องคอร์รับชั่นของเขา สำหรับหลายคนนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้มีการชุมนุมในช่วงนี้ มีข่าวกระซิบว่าองคมนตรีคนหนึ่งที่ไม่ชอบพอกับพล.อ.เปรมได้มีการเจรจากับทักษิณเพื่อข้อตกลงที่ใหญ่มากที่จะทำให้การต่อสู้รวม 4 ปีของพตท.ทักษิณสิ้นสุดลง มันอาจจะทำให้มีการยกฟ้องคดีต่างๆและการคืนเงินของเขา จำนวนคนที่มาชุมนุมวันนี้จะบ่งบอกว่าข้อตกลงนั้นเกิดขึ้นหรือไม่
ข้อตกลงจะทำให้ศาวกที่ต่อต้านพตท.ทักษิณของนายสนธิ ลิ้มทองกุลซึ่งเป็นผู้นำพันธมิตรเสื้อเหลืองกลับมาประท้วงบนถนนอีกครั้ง นั่นคือเหตุผลที่ว่าการเจรจาจะต้องมาจากระดับสูง แต่มันยากที่จะเห็นการตกลงเช่นนั้นเกิดขึ้น แต่การประนีประนอมมันเหมาะสมที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่าย ถ้ามันไม่เกิดขึ้น ประเทศไทยดูเหมือนจะมุ่งหน้าสู่สภาวะสงครามกลางเมืองเมื่อใดเมื่อหนึ่ง
การเจรจาเพื่อมีการตกลงอาจระงับความวุ่นวายและการใช้จ่ายทั้งสองด้านและทำให้สถาบันกษัตริย์อยู่ในเส้นทางที่ราบรื่นขึ้น และคนไทยส่วนใหญ่ ****(เซ็นเซอร์)*******
ปัญหาคือในความเป็นจริงแล้วข้อตกลงดังกล่าวมันยากที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ก็เป็นไปไม่ได้เลย ความเกลียดชังในประเทศที่แตกแยกมันหยั่งลึก มีคนมากเกินไปที่มีความเสี่ยงที่จะทำให้การเจรจาเพื่อแก้ปัญหาจบสิ้นอย่างเร็ว ขบวนการยุติธรรมทั้งหมดจะถูกกระทบถ้ามีการเปิดทางให้พตท.ทักษิณกลับมาโดยไม่ได้จำคุกเลย เสื้อเหลืองและผู้ที่เกลียดทักษิณจะต้องโกรธ และนอกจากนั้นมันจะกระทบจุดมุ่งหมายของทักษิณเองเรื่องการนำ"ประชาธิปไตยที่แท้จริง" กลับสู่ประเทศไทย
"ประชาธิปไตยที่แท้จริง"
และนั่นก็นำเรามาสู่การรบในสมรภูมิที่สาม การสู้รบเพื่อ "ประชาธิปไตยที่แท้จริง" การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงแผ่วงกว้างจากผู้สนับสนุนทักษิณไปครอบคลุมถึงผู้ที่รักประชาธิปไตยซึ่งมองเสิ้อเหลือง สถาบันอนุรักษ์นิยม และ สถาบันกษัตริย์ เป็นภัยต่อเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และระบอบประชาธิปไตยแบบหนึ้งคน หนึ่งเสียง
พวกเขากำลังมุ่งเป้าไปที่พล.อ.เปรมเพราะไม่ชอบตัวแสดงที่ไม่ได้ถูกเลือกตั้งมาและเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และล้มล้างความต้องการของประชาชน เขาต้องการปลดเปลื้องความเป็นเทพนิยายของสถาบันกษัตริย์และผูกไว้เหมือนในประเทศญึ่ปุ่นหรืออังกฤษ
พวกเขาพอใจที่จะยอมรับทักษิณตอนนี้ก่อน และมองข้ามบันทึกความเป็นเผด็จการของเขาเพราะกระเป๋าเงินของเขาและชัยชนะการเลือกตั้งหลายครั้งของเขา พวกเขาจะใช้พตท.ทักษิณไปก่อน และจะเดินต่อไปปราศจากเขาถ้าพตท.ทักษิณได้เจรจาข้อตกลงและหนีไป
และจากมุมนี้ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญที่สุด เสื้อแดงดูเหมือนกำลังจะเป็นผู้ชนะ จากสามสถาบันที่ปกป้องอำนาจของชนชั้นสูงอยู่ตอนนี้ - กองทัพ ศาล และราชวัง - สองสถาบันถูกปกป้องไว้ด้วยกฏหมายที่เคร่งครัด เพราะฉะนั้นการประท้วงเสื้อแดงโจมตีทหารซึ่งเป็นตัวแทนของสถาบันที่เหลือ
ตอนนี้การประท้วงได้ค่อยๆพัฒนาและเกิดช่องว่างในการโจมตีศาลและสถาบันกษัตริย์ คดีที่ทำให้มีการยุบพรรคที่สนับสนุนทักษิณมันเด่นชัดว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองแม้กระทั่งศาลเองยังไม่สามารถปิดกั้นการวิพากษ์วิจารย์ได้ สำหรับสภาองคมนตรี เสื้อแดงได้เริ่มโจมตีทางด้านหน้าบุคคลที่ใกล้ชิดราชวงศ์ที่สุดและไม่ถูกปกป้องโดยกฏหมายหมิ่นฯที่เคร่งครัด
โดยการโจมตีครั้งนี้ ชาวเสื้อแดงได้กระตุ้นให้ประชาชนคนไทยรุ่นหนึ่งได้ตั้งคำถามต่อสถาบันที่เคยกล่าวโทษไม่ได้ นั่นคือสภาองคมนตรีและศาล และมันอาจจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อการความสามารถของผู้มีอำนาจในการชักใยอยู่เบิ้องหลังในอนาคต
ทางฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้พยายามจะสู้กลับ โดยการปิดกั้นเวปไซด์ที่มีข้อความหมิ่นฯและเอาผู้ที่เขียนบล๊อคเข้าคุกจากการหมิ่นกษัตริย์ แต่ความพยายามที่จะกำจัดสิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้คนเข้ามาร่วมกับฝ่ายสีแดงมากขึ้น และในสถานการณืที่พลิกผลันอย่างน่าประหลาดใจ ความเป็นเสรีนิยมที่ทำให้คนนับหมื่นมาประท้วงต่อต้านการปกครองของพตท.ทักษิณเมื่อปี 2549 กำลังถูกดึงมาอยู่ในการเคลื่อนไหวที่สนับสนุนทักษิณเพราะความเลยเถิดของชนชั้นสูงที่เป็นอนุรักษ์นิยม
นายสนธิ ผู้ที่ถูกตั้งให้เป็นวีรบุรุษของการรณรงค์เพื่อเสรีภาพทางการพูดเมื่อ 4 ปีที่แล้วโดยต่อต้านพตท.ทักษิณผ่านทางโทรทัศน์ของรัฐได้เรียกร้องให้รัฐบาลปิดกั้นการโฟนอินของพตท.ทักษิณ ชาวเสื้อเหลืองเป็นผู้ที่สนับสนุนการใช้กฏหมายหมิ่นฯเพื่อปิดปากการถกเถียงกัน แต่จนถึงบัดนี้ยังไม่มีเสื้อเหลืองคนไหนที่ถูกดำเนินคดีจากการยึดทำเนียบรัฐบาลและการปิดสนามบินเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทำให้ข้อถกเถียงของพวกเขาว่าต้องการความยุติธรรมไม่มีน้ำหนัก
อภิสิทธิ์
และที่แปลกกว่านั้น นายกอภิสิทธิ์อาจเป็นคนที่ถือกุญแจที่จะเชื่อมความแตกแยกระหว่างเสื้อแดงและเสื้อเหลือง และด้วยเหตุผลที่ถูกต้องเสื้อแดงมองเขาว่าเป็นห่นเชิดของทหารและชนชั้นสูงฝ่ายขวา อภิสิทธิ์เกาะติดหลังขบวนการเสื้อเหลืองจนถึงชัยชนะ และด้วยความสามารถพิเศษที่เชี่ยวชาญในการบอกว่าเขาประณามการกระทำของพันธมิตรและในขณะเดียวกันก็ให้การสนับสนุนพวกเขา
ถึงกระนั้น ระหว่างที่เขาอยู่ในอำนาจ นายอภิสิทธิ์ซึ่งอายุ 44 ปี ก็ได้ยืนหยัดที่จะต้านความต้องการของพวกเขา นายอภิสิทธิ์ได้ต้านความกดดันที่จะปิดกั้นการโฟนอินของทักษิณและบอกว่าเขาจะปฏิรูปกฏหมายหมิ่นฯ เขาเข้ามาแทรกแซงอย่างรวดเร็วเมื่อตำรวจฟ้องผู้อำนวยการของเวปข่าวออนไลน์ประชาไทในข้อหาละเมิดกฏหมายคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้ลบข้อความหมิ่นฯอย่างรวดเร็ว เขาไม่เห็นด้วยอย่างแรงเกี่ยวกับการเมืองแบบใหม่ที่มีตัวแทนมาจากการแต่งตั้งส่วนใหญ่นาย
อภิสิทธิ์ยังบอกด้วยว่าจะนำเสื้อสีเหลืองเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมจากการปิดสนามบินปีที่แล้ว หลายคนไม่คิดว่าเขาจะทำได้ในระบบปัจจุบันของไทย และแน่นอนคดีนี้ดำเนินไปอย่างช้ามากถึงแม้ว่าจะมีหลักฐานที่เป็นวีดีโออยู่มากมาย
ถ้าจะมีเวลาใดที่นายอภิสิทธิ์จะหลุดพ้นออกมาจากเงาของชนชั้นสูง เวลานั้นคือตอนนี้ เขาต้องทำให้การปฏิรูปรัฐธรรมนูญเป็นวาระสำคัญและยืนขึ้นมาปกป้องหลักการของเขาแทนที่จะพูดว่า "ยังไม่ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลง" เขาสามารถที่จะเริ่มด้วยการแก้ใขมาตรา 237 ซึ่งเป็นผลพวงจากรัฐประหารที่นำไปสู่การยุบพรรคพลังประชาชนเมื่อปีที่แล้วซึ่งทำให้อภิสิทธิ์ได้เข้ามามีอำนาจ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าเขาไม่เห็นด้วยกับมาตรานี้แต่เขายังไม่กล้าที่จะแก้ไข
มันนานมากแล้วที่พรรคประชาธิปัตย์ของนายอภิสิทธิ์ได้ให้ความชอบธรรมกับสถาบันที่ไม่ได้ถูกเลือกตั้งที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองโดยปฏิเสธที่จะยืนขึ้นมาปกป้องระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา นายอภิสิทธิ์มีโอกาศที่จะเปลี่ยนแปลงมัน และแท้จริงแล้วมันเป็นสิ่งที่เขาควรจะทำ จนกว่าพรรคประชาธิปัตย์จะก้าวอย่างกล้าหาญเพื่อปรับปรุงระบอบประชาธิปไตย การสู้รบจะดำเนินต่อไป และคงจะไม่จบอย่างสันติ