บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2552

คดีเก่ายังเคลียร์ไม่หมด กลับต้องมาโดนเข้าอีกดอกจนได้นะ... ไอ้กษิต...

ที่มา thaifreenews

โดย : Thai Aus

สอบ ‘กษิต’
30 มี.ค. 2552 16:46 น.
Tags: การเมือง

คดีเก่ายังเคลียร์ไม่หมด กลับต้องมาโดนเข้าอีกดอกจนได้ งานนี้จะเป็นใครไปมิได้ นอกจาก “นายกษิต ภิรมย์”

รมว.ต่างประเทศ ที่ถูกโจมตีอย่างหนักจาก “ม็อบเสื้อแดง” ตั้งแต่ยังมิทันได้นั่งแหมะเป็น “เสนาบดีบัวแก้ว” ด้วยซ้ำ

ล่าสุด ยังถูก “นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ส.ว.สรรหา เลาะตะเข็บ ด้วยการยื่นหนังสือถึงประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ตรวจสอบ “นายกษิต” ว่า มีการกระทำการอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากคู่สมรสถือหุ้นใน บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ (BECL) “นายเรืองไกร” บอกว่า เนื่องจากบริษัทนี้เป็นบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ

ดังนั้น การถือครองหุ้นในบริษัทดังกล่าวของนายกษิต จึงอาจเข้าข่ายกระทำการอันต้องห้าม อาจทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง จึงขอให้ กกต. ตรวจสอบเพื่อส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป

“นายเรืองไกร” บอกอีกว่าจากการที่ได้ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีที่ “นายกษิต” เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2551 ต่อ ป.ป.ช. พบว่า “นายกษิต” ได้แจ้งว่า มีเงินลงทุนลำดับที่ 10 ที่เป็นส่วนของคู่สมรส เป็นหุ้นของบริษัททางด่วนกรุงเทพ หมายเลข 000355 มูลค่าตามตราสาร 100,000 บาท และจากการตรวจสอบข้อมูลบริษัททางด่วนกรุงเทพ ใน www.set.or.th ในงบการเงินล่าสุดงบปี 2551 ซึ่งมีหมายเหตุประกอบงบการเงินรวม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 และ 2550 ในหัวข้อ 1.1 ข้อมูลทั่วไปของบริษัทฯ ซึ่งมีการระบุว่า ธุรกิจหลักของบริษัท คือ ดำเนินการก่อสร้าง และบริหารโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 และส่วนต่อขยายต่างๆ รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องภายใต้สัญญาโครงการระบบทางด่วน ขั้นที่ 2 กับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เป็นระยะเวลา 30 ปี นับจากวันที่ 1 มีนาคม 2533 และสิ้นสุดอายุสัญญาในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 โดยมีสิทธิตามข้อตกลงที่จะขยายกำหนดเวลาของสัญญาออกไปได้อีก 2 ช่วง ช่วงละ 10 ปี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดและเงื่อนไขที่จะตกลงกันระหว่างคู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย

"ฉะนั้น ทำให้เข้าใจได้ว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทที่รับสัมปทาน หรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ ดังนั้น การถือครองหุ้นในบริษัทดังกล่าวของนายกษิต จึงอาจเข้าข่ายกระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา 267 ประกอบมาตรา 265 วรรคหนึ่ง(2) และมาตรา 265 วรรคสาม อาจทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 182(7) จึงขอให้ กกต. ตรวจสอบเพื่อส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป” นายเรืองไกร กล่าว
ที่มาของ เวป Bangkok Today

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker