วิกฤติไทย-กัมพูชา ซึ่งมีกรณีปราสาทพระวิหารเป็นหนามตำใจ ตั้งแต่ พ.ศ.2502 จนถึงบัดนี้ พ.ศ.2552 ครบครึ่งศตวรรษพอดี
ถึงผ่านไปแล้ว 50 ปีปัญหาขัดแย้งไทย-เขมร ก็ยังอยู่ในสภาพ ยุบๆพองๆ ขึ้นๆลงๆ หนักๆเบาๆ ตลอดมา
กรณีที่กองกำลังทหารไทยกับกองกำลังทหารกัมพูชา เปิดฉากปะทะถึงขั้นใช้อาวุธหนักระดับจรวดอาร์พีจียิงถล่มใส่กัน ทำให้ทหารทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตายไปฝ่ายละหลายคน
ปะทะกันรอบแรกเจ็ดโมงเช้ายังไม่ สะใจ พอบ่ายสองโมงยิงถล่มกันใหม่หนักกว่าเดิม!!
เรียกว่าถล่มกัน 2 รอบในวันเดียว
เหตุเกิดที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ห่างจากปราสาทพระวิหารประมาณ 3 กม.
พูดให้ชัดๆคืออยู่ในเขตพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม. ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็อ้างกรรมสิทธิ์ว่าเป็นเขตแดนตัวเอง
ฝ่ายไทยอ้างว่าฝ่ายเขมรยิงก่อน ฝ่าย เขมรก็อ้างว่าฝ่ายไทยยิงก่อน เมื่อฝ่ายตรงข้ามยิงก่อน อีกฝ่ายก็ต้องยิงตอบโต้ ตามประเพณี
“แม่ลูกจันทร์” ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายไทย แต่พิจารณาตามสามัญสำนึก ก็ฟันธงได้ว่าฝ่ายกัมพูชาต้องเปิดฉากยิงก่อน “ชัวร์”!!
เพราะไม่มีเหตุผลที่อยู่ดีๆกองกำลังทหารไทยจะเปิดฉากยิงก่อนให้เปลืองกระสุนปืน
เหตุผลที่ฝ่ายกัมพูชายิงก่อนก็เพราะ กองกำลังทหารไทยเข้าไปขอตรวจสอบพื้นที่ที่ฝ่ายเขมรแอบมาฝังกับระเบิดชุดใหม่ ซึ่งก่อนเกิดเหตุปะทะกัน 1 วัน ทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดไป 1 คน
แต่ฝ่ายทหารกัมพูชาไม่ยอมให้ ทหารไทยตรวจสอบพื้นที่ทั้งๆที่พื้นที่ตรงนี้ก็อยู่ในเขตประเทศไทย
การที่ฝ่ายกัมพูชาไม่ยอมหัวเด็ดตีนขาดให้ฝ่ายไทยตรวจพื้นที่ เพราะถ้าพบหลักฐานกับระเบิดชุดใหม่ กัมพูชาจะต้องเป็นจำเลย ฐานฝ่าฝืนข้อห้ามใช้กับระเบิดตามสนธิสัญญาเจนีวา
เมื่อฝ่ายไทยยืนยันจะตรวจสอบพื้นที่ จึงเป็นเหตุของการปะทะกัน
แถมยังสอดคล้องกับเสียงคำรามฮึ่มๆของ “นายกฯฮุน เซน” ที่สั่งกำชับกองกำลังฝ่ายกัมพูชาว่า ถ้าฝ่ายไทยล้ำเขตเข้ามา...ให้ยิงทันที
ยิงทันที...ไม่ต้องขอดูเช็คช่วยชาติเป็นหลักฐานยืนยัน
สรุปว่า ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง ก่อนชัวร์!!
“แม่ลูกจันทร์” หวังว่าปัญหาการปะทะกันที่เขาพระวิหารจะไม่บานปลาย และหวังว่าความขัดแย้งพื้นที่ทับซ้อนแค่ 2,500 ไร่ เล็กเท่าแมวดิ้นตายจะคลี่คลายได้โดยเร็ว
เพราะการเปิดฉากใช้อาวุธหนักปะทะ กัน ทั้งสองฝ่ายย่อมบาดเจ็บล้มตาย ซึ่งไม่ได้ประโยชน์อะไรทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา
วันนี้ (6 เม.ย.) คณะกรรมการเจรจาปัญหาเขตแดน 2 ฝ่าย ก็มีนัดเจรจากันที่พนมเปญ
ข้อสำคัญ อีก 5 วัน “นายกฯฮุน เซน” ก็จะต้องเดินทางมาร่วมประชุมอาเซียน (บวก 6) ในเมืองไทย
ถัดจากนั้นอีก 7 วัน “นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็จะนำคณะเดินทางไปเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ
แต่เมื่อเกิดใช้กำลังปะทะกันก็ทำให้ ความสัมพันธ์กระเทือนซาง
งานกร่อยไปบานตะเกียง
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าจุดอ่อนของฝ่ายไทยคือ เรามีจุดยืนต่อปัญหาขัดแย้งปราสาทพระวิหารไม่ชัดเจน แทนที่ฝ่ายไทยจะมีจุดยืนเดียวกัน เรากลับมีความเห็นแตกแยกกันเอง
เมื่อจุดยืนของไทยไม่เป็นเอกภาพ อำนาจต่อรองก็ลดลง
แล้วตอนนี้เป็นไง? ผลจากฝ่ายไทยขัดแย้งกันเอง ฝ่ายเขมรฮุน เซน ก็ฉวยโอกาสตัดถนนขึ้นปราสาทพระวิหารจากฝั่งกัมพูชาหวังกินรวบฝ่ายเดียว
โดยไม่ต้องอาศัยขึ้นปราสาทพระวิหารฝั่งไทย
ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่เราเคยได้ก้อนโตก็หายวับไปทันที
มันเป็นซะอย่างนี้แหละโยม.
“แม่ลูกจันทร์”