ผมไม่อยากใช้คำว่า “ลอกคราบ” เพราะคุณอภิสิทธิ์ไม่ใช่งูเมื่อถึงเวลาต้องลอกคราบแล้วเห็นเนื้อแท้ตัวตนของสัตว์เลื้อยคลานชนิดนั้นผมไม่อยากใช้คำว่า “ปอกเปลือก” เพราะคุณอภิสิทธิ์ไม่ใช่ผลไม้ที่เปลือกดูสวย...แต่ถ้าปอกเปลือกออกแล้วจะเห็นเนื้อแท้ และตัวตนของมันแต่การเจรจาวันที่ 2 ระหว่าง “คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่มีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย กับ “คุณวีระ มุสิกพงศ์” และเพื่อนแกนนำเสื้อแดง มันเป็นยิ่งกว่าการลอกคราบ...มันเป็นยิ่งกว่าปอกเปลือก ที่ทำให้เห็นเนื้อแท้ตัวตนของผู้ชายคนนี้ที่หลายคนในประเทศนี้หลงเชื่อหลงชื่นชมมานานเพราะแท้ที่จริงแล้ว...ผู้ชายคนนี้มีเพียงรูปและ
คารมเท่านั้นที่ดูงาม...เข้าทำนอง “สวยแต่รูปแต่จูบไม่หอม”แต่เนื้อแท้และตัวตนของเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นแค่ คนที่พูดอะไรก็ได้โดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อคำพูดเขาเคยพูดว่า...อย่าว่าแต่คนเป็นแสนเลย แค่คนเดียวก็ต้องฟัง เพราะนักการเมืองต้องมีความรับผิดชอบสูงกว่าคนทั่วไป แต่วันที่เขาพูดกับแกนนำเสื้อแดงเขากลับพูดว่าสถานการณ์เปลี่ยนไป เวลาเปลี่ยนไปฉะนั้น 9 เดือนที่เขาสัญญาว่าจะ “ยุบสภา” เมื่อถึงเวลาเขาจึงพูดได้อีกว่า...สถานการณ์
เปลี่ยน เวลาเปลี่ยนอีกเหมือนเดิมโดยที่ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อคำพูดในวันนี้ที่สำคัญ! ผมแทบไม่เชื่อหูเลยว่า...เขาจะกล้าพูดย้อน “คุณจตุพร พรหมพันธุ์” กรณีการเลือกตั้งเมื่อ 23 ธันวาคม 2550 ที่คุณจตุพรบอกว่า...ใช้กติกาโจรรัฐธรรมนูญ 50 แล้วพวกคุณลงเลือกตั้งทำไมคำพูดคำนี้ของนายอภิสิทธิ์ แสดงให้เห็นเนื้อแท้ ตัวตนของเขาว่า “เขาไม่ศรัทธา” ระบอบประชาธิปไตยเลย ผมจึงไม่แปลกใจเลยที่เขากล้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากการยก
มือของ ส.ส.ที่ “แหกคอก” มาจากพรรคคู่แข่งด้วยการข่มขู่ของทหารและการแลกเปลี่ยนกับคดีความของแกนนำบางคนที่ต้องคดีทุจริตอยู่วันนี้นายอภิสิทธิ์จึงพูดอะไรก็ได้เพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ จึงถูกต้องแล้วที่แกนนำเสื้อแดงยุติการเจรจา เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดกับคนๆ นี้เพราะเชื่อถืออะไรไม่ได้จะว่าไปแล้วการเจรจาวันนั้นก็มีประโยชน์กับคนไทยทั้งประเทศมากเพราะได้เห็นได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของนายอภิสิทธิ์จริง ๆเสียที
