สว.นัดถกวันนี สนนท.จี้มาร์ค ลาออก-ยุบสภา
"ประสพสุข บุญเดช" ประธานวุฒิสภานัดประชุมด่วนส.ว.วันนี้ หาทางออกวิกฤตบ้านเมือง เตือนรัฐบาลอย่าใช้ความรุนแรง ชี้ยิงแก๊สน้ำตา ยิงปืนขึ้นฟ้า ทำให้คนหวาดกลัว "สุชน ชาลีเครือ"อดีตประธานวุฒิสภายื่นถวายรายงาน"ในหลวง" เครือข่ายสังคมออกแถลง การณ์จี้ยุติความรุนแรง "สนนท."ออกแถลงการณ์ประณามใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จี้นายกฯอภิสิทธิ์ยุบสภา"ปู่ชัย" วอนคนไทยสามัคคีกลมเกลียว นานาชาติเตือนคนของตัวเองระวังตัว
"ประสพสุข"เรียกประชุมด่วนส.ว.
เมื่อวันที่ 13 เม.ย. นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เปิดเผยถึงสถานการณ์การ เมืองในขณะนี้ว่า ตนเรียกส.ว.ประชุมด่วนเพื่อหารือถึงทางออกสถานการณ์บ้านเมืองในวันที่ 14 เม.ย. เวลา 10.00 น. คงมีจุดยืนอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา ตนมองว่ารัฐบาลอย่าใช้ความรุนแรง อย่าใช้กำลังเต็มที่ จะทำให้เกิดการสู้กัน ต้องขีดวงความรุนแรง อย่างการสลายการชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง ทำให้มีคนบาดเจ็บเยอะ ต้องใช้มาตรการเบาไปหาหนัก แต่การยิงแก๊สน้ำตาหรือยิงปืนขึ้นฟ้า ทำให้คนหวาดกลัว ไม่ดีเลย ส่วนกลุ่มเสื้อแดงที่อยากกลับบ้านก็ควรจัดรถให้ ทั้งสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาอาจต้องเรียกประชุมร่วมรัฐสภาเป็นกรณีฉุกเฉินเพื่อระดมความเห็นว่าจะเสนอแนวทางออกอย่างไร คาดว่าไม่น่าเกินสัปดาห์นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการยุบสภาหรือนายกฯลาออกจะเป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้นหรือไม่ นายประสพสุข กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่คิดว่าทำอย่างไรให้เหตุการณ์วันนี้หยุดลงไปก่อนให้ได้ แล้วค่อยคิดภายหลังว่าจะทำอย่างไร ที่ผู้ชุมนุมเรียกร้องให้นายกฯยุบสภาหรือลาออก รัฐบาลต้องใคร่ครวญดูว่าทำได้หรือไม่ ถ้าไม่มีทางอื่นจริงๆ และทางนี้ทำให้เหตุการณ์สงบก็ต้องพิจารณา
เมื่อถามว่าเบื้องหลังกลุ่มเสื้อแดงคือพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำให้รัฐบาลตัดสินใจลำบาก นายประสพสุข กล่าวว่า ไม่ยากอะไร ลองคิดถึงความมั่นคงของประเทศ ภาพลักษณ์ประเทศในเวทีโลก ต้องหาทางทำให้เหตุการณ์สงบลงก่อน ไม่คิดถึงเรื่องเสียหน้าเสียตา
30ส.ว.จี้"มาร์ค"ยุบสภา-ลาออก
วันเดียวกัน นายประวัติ ทองสมบูรณ์ ส.ว.มหาสารคาม กล่าวว่า ส.ว.กว่า 30 คนหารือกรณีรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และสลายการชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 13 เม.ย. ทุกคนเป็นห่วง ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม เพราะอาจทำให้สถาน การณ์บานปลาย จะไม่เฉพาะในกรุงเทพฯ แต่รวมถึงหลายจังหวัดที่กลุ่มเสื้อแดงชุมนุมอยู่ วิธีการที่ดีที่สุดคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ควรเห็นแก่ประเทศชาติ ลาออกหรือยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน ไม่ให้บาดเจ็บล้มตายเพราะตอนนี้เสียหายมาก ขอให้รัฐบาลตัดสินใจโดยเร็ว ส่วนที่ ส.ว.อีกกลุ่มหนึ่งยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติรัฐบาลเพื่อเสนอทางออกนั้นคงไม่ทันการณ์ กว่าจะเปิดอภิปรายได้ก็ปลายเดือนแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับส.ว.ที่ร่วมหารือกัน ส่วนใหญ่เป็นส.ว.สายเลือกตั้ง อาทิ นาย นิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ส.ว.ยโสธร นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี และ ส.ว.เลือกตั้งจากภาคกลาง
อดีตปธ.วุฒิสภาถวายรายงาน
วันเดียวกัน ที่สำนักราชเลขาธิการ ในพระบรมมหาราชวัง นายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา พร้อมนายคำนวณ ชโลปถัมภ์ อดีตส.ว.สิงห์บุรี เข้ายื่นหนังสือต่อราชเลขา ธิการ เรื่องขอพระราชทานกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท โดยมีนายอินทร์จันทร์ บุราพันธ์ รองราชเลขาธิการ สำนักราชเลขาธิการ เป็นผู้รับหนังสือแทน
หนังสือดังกล่าวระบุว่า สถานการณ์ในปัจจุบันประชาชนเกิดความแตกแยกออกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน ประชาชนรู้สึกว่าเกิดความไม่ยุติธรรมในการใช้อำนาจตุลาการ และอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเกิดความไม่พอใจ จนต้องออกมาชุมนุมเรียกร้องขอความยุติธรรม และความเป็นธรรมกลับคืนสู่สังคมไทย ตามการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อขจัดความเป็น 2 มาตรฐานในกระบวนการยุติธรรมและในการบริหารราชการแผ่นดิน จากการชุมนุมของประชาชนจำนวนหลายแสนคน จนรัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง นำทหารมาปะทะปราบปรามประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมอย่างสงบ สันติ ปราศจากอาวุธตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียเลือดเนื้อจำนวนมาก และมีแนวโน้มจะใช้ความรุนแรงต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง หากปล่อยให้สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อ อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตประชาชนที่บริสุทธิ์ กระทบต่อความมั่นคงของสถาบันหลักของประเทศ และทำลายภาพลักษณ์ประเทศ ข้าพระพุทธเจ้าและเหล่าอาณาประชาราษฎร์ทั้งหลายขอถวายความจงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทซึ่งมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นต่อปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่ามาโดยตลอด ทั้งขอถวายความจงรักภักดีและเทิดทูนพระมหากษัตริย์ตลอดไปด้วยชีวิต เพื่อการดังกล่าวจึงกราบเรียนมายังราชเลขาธิการเพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ทั้งนี้การควรมิควรประการใดสุดแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อผู้ร่วมลงนาม ประกอบด้วยนายสุชน น.พ.รัศมี วรรณิส สร ประธานองค์กรพิทักษ์ ศาสน์ กษัตริย์ พล.อ.สมคิด จงพยุหะ ประธานชมรมธรรมะชนบท พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ประธานชมรมนายตำรวจบำเหน็จบำนาญ คุณหญิงสมปอง วรรณิสสร รองประธานชาวพุทธแห่งประเทศไทย เป็นต้น
นายสุชนกล่าวภายหลังการยื่นหนังสือว่า ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับรองราชเลขาธิการ สำนักราชเลขาธิการ เพราะอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข มีประชาธิปไตยคืนมา ไม่อยากให้สูญเสียเลือดเนื้อ แนวทางแก้ไขทั้งส.ส.และส.ว.ควรทำเพื่อประ เทศชาติ ไม่ควรทำเพื่อพรรคหรือฝ่ายใด ส่วนนายกฯจะตัดสินใจลาออกหรือยุบสภาตนไม่อยากก้าวก่าย เราต้องตั้งสติทำไมต้องห้ำหั่นกัน ควรหันหน้าเข้าหากัน
"สมเจตน์"จี้เสื้อแดงยุติรุนแรง
ด้านพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แกนนำกลุ่มสยามสามัคคี กล่าวถึงนายสุชนและพล.ต.อ.สล้างนำคณะยื่นถวายฎีกาเพื่อขอให้ทหารยุติการสลายการชุมนุม และไม่ให้รัฐบาลใช้กำลังปราบปรามเนื่องจากสถานการณ์สงบแล้วว่า แปลกใจว่าทั้ง 2 คนคิดอะไรอยู่ เหตุใดช่วงที่ทำลายการประชุมอาเซียนซัมมิตซึ่ง เป็นการทำร้ายประเทศอย่างรุนแรงที่สุด ต่างประเทศหมดความเชื่อมั่นประเทศไทย และกลุ่มเสื้อแดงก็ก่อการจลาจลย่อยๆ ก่อความวุ่นวายในกทม. ไม่เห็นว่านายสุชนและพล.ต.อ.สล้างจะออกมาว่ากล่าวตักเตือนกลุ่มเสื้อแดง ปล่อยให้เหตุการณ์บานปลายเกินกว่าจะรับได้ ถึงขนาดรัฐบาลต้องออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่เห็นว่าการสลายการชุมนุมจะรุนแรงตรงไหน แต่กลับกล่าวหารัฐบาลอ่อนแอ
ถล่มศาล - เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ หลังโดนมือมืดยิงถล่มด้วยระเบิดเอ็ม-79 จำนวน 3 ลูกซ้อน แต่ยังดีเกิดระเบิดแค่ลูกเดียว ทำให้บานหน้าต่างเสียหายเล็กน้อย เมื่อตอนตีสามครึ่งวันที่ 13 เม.ย. |
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวต่อว่า ไม่อยากคิดว่าการถวายฎีกาดังกล่าวเป็นการปกป้องคนเสื้อแดง แต่อยากให้ย้อนไปถึงอดีตของนายสุชนที่เคยเป็นประธานวุฒิสภา รวมถึงพล.ต.อ.สล้างที่ทำตัวเป็นข้ารับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนี้ถวายฎีกาเพื่อปกป้องคนเสื้อแดง ถ้าจะช่วยเหลือประเทศ ควรช่วยยุติการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อประเทศชาติ และพ.ต.ท.ทักษิณยุติบทบาท
เมื่อถามว่ามีข่าวว่าท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานคณะกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดนในพระบรมราชินูปถัมภ์ร่วมยื่นด้วย พล.อ.สมเจตน์กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ใครที่ทำอย่างนี้ถือว่าไม่บังควรยิ่ง เชื่อว่ารัฐบาลและทหารกำลังใช้สติปัญญาแก้ปัญหา ขอให้ประชาชนช่วยกันให้กำลังใจ รัฐบาลควรกันคนไทยที่หลงผิดออกไปแล้วดำเนินการตามกฎหมายกับแกนนำ สำหรับสถานการณ์ขณะนี้น่าจะดีขึ้น รัฐบาลและกองทัพพยายามแก้ปัญหาแต่อาจไม่ทันใจประชาชน อยากบอกนายกฯว่าขณะนี้รัฐบาลได้รับความเห็นใจจากประชาชน
จี้"ดูไบ"กดดัน"แม้ว"หยุดปลุกระดม
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวพ.ต.ท.ทักษิณใช้สถานที่เกาะช้าง จ.ตราด และเกาะกง ประเทศกัมพูชาบัญชาการกลุ่มเสื้อแดงนั้นว่า กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบข้อมูลแล้วเป็นเพียงข่าวปล่อยสร้างขวัญกำลังใจให้กลุ่มคนเสื้อแดง ยืนยันว่าพ.ต.ท.ทักษิณยังอยู่เมืองดูไบ ประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กระทรวงจึงรายงานรัฐ บาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทราบว่าพ.ต.ท. ทักษิณใช้เป็นฐานบัญชาการก่อความวุ่นวายภายในชาติถึง 2 กรณี คือ1.ล้มการประชุมอาเซียนซัมมิต 2.สนับสนุนให้เกิดการจลาจลในพื้นที่กทม. ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรง เชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์คงไม่ทราบข้อมูลที่พ.ต.ท.ทักษิณใช้ฐานของประเทศนี้ เชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะมีมาตรการอย่างหนึ่งอย่างใดออกมาใช้กดดัน พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
นายเทพไท กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังคงโฟนอินยุยงให้คนเสื้อแดงออกมาก่อการจลาจล ระบุการยุบสภา หรือการลาออกของสภาไม่เพียงพอแล้ว แต่ต้องเป็นประชาธิปไตยแบบใหม่นั้น ขอถามว่าประชาธิปไตยแบบใหม่ของพ.ต.ท. ทักษิณเป็นอย่างไร แสดงให้เห็นพฤติกรรมได้คืบจะเอาศอก เพราะตัวเองคาดหวังว่าการสู้หมดหน้าตักนี้จนเกิดการจลาจลในเมืองหลวงของคนเสื้อแดงคงจะได้รับชัยชนะ แต่สถานการณ์พลิกโดยรัฐบาลควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบได้อย่างเบ็ดเสร็จ จึงขอให้พ.ต.ท.ทักษิณเลิกฝันที่จะกลับมาฟื้นฟูอำนาจของตัวเองในประเทศไทย คงไม่มีคนไทยคนใดยอมรับพฤติกรรมทำลายชาติป่นปี้ของพ.ต.ท.ทักษิณได้ และคงไม่ยอมให้กลับมาประเทศไทยแน่นอน
นายเทพไท กล่าวด้วยว่า กรณีนายประสพสุขระบุว่ารัฐบาลใช้ความรุนแรงเกินกับกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้ารัฐบาลไม่ใช้ความเด็ดขาดจะถูกประชาชนตำหนิ อยากถามว่าภาพที่ปรากฏเป็นข่าวที่ชาติอาเซียนและมิตรประเทศต้องหนีจากการประชุม และการปิดกั้นทุบรถประทุษร้ายต่อชีวิตของนายกฯ และนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกฯ และรปภ.ของนายกฯจนบาดเจ็บสาหัส ชัดเจนแล้วว่าเป็นการยกระดับความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ประ กาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถามว่าจะใช้วิธีการใดหยุดยั้งการจลาจลของม็อบเสื้อแดง ที่ผ่านมารัฐบาลเสนอให้หารือถึงทางออกในรัฐสภาแล้วแต่ถูกปฏิเสธ ถ้าประธานวุฒิสามารถเสนอทางออกที่ดีกว่า รัฐบาลพร้อมจะรับฟังและปฏิบัติตาม
"ชาติไทยพัฒนา"ยันไม่เปลี่ยนขั้ว
วันเดียวกัน ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรค และรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เดินทางไปพบนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ที่จ.สุพรรณบุรี ล็อบบี้ให้เปลี่ยนขั้วรัฐบาลนั้นว่า ยืนยันว่าการเปิดบ้านนายบรรหารที่จ.สุพรรณบุรีให้คนมารดน้ำดำหัววันเดียวกันนี้ ไม่มีนายสมชายหรือแกนนำพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ผู้ใหญ่ในพรรคชาติไทยพัฒนายืนยันว่ายังไม่มีการย้ายขั้วแน่นอน เราพร้อมสนับสนุนรัฐบาลต่อไป ไม่เปลี่ยนขั้วไปไหน เพียงแต่รัฐบาลอย่าทำร้ายประชาชน
เมื่อถามว่าที่บอกว่าจะยังไม่ย้ายขั้วตอนนี้แต่วันหน้าอาจย้ายได้ใช่หรือไม่ นายวัชระกล่าวว่า วันข้างหน้าก็ส่วนวันข้างหน้า เราประเมินสถาน การณ์วันต่อวัน เมื่อถามว่าแกนนำพรรคเป็นห่วง สถานการณ์ความรุนแรงขณะนี้หรือไม่ นายวัชระกล่าวว่า เป็นห่วง แต่เชื่อว่าจะมีทางออกที่ดีได้
นายวัชระกล่าวอีกว่า รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้แต่อย่าใช้นาน เพราะจะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศ วอนกลุ่มผู้ชุมนุมมีสติ อย่าใช้ความรุนแรงทั้งสองฝ่าย ถ้าเป็นไปได้ควรหันมาเจรจากัน ส่วนกระแสเรียกร้องให้ปลดนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง พ้นจากตำแหน่ง เนื่อง จากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้นั้น พรรคจะไม่ก้าวล่วงการปฏิบัติหน้าที่ แล้วแต่วิจารณญาณของนายกฯ ทั้งนี้นายบรรหารเตรียมแถลงเปิดใจถึงสถานการณ์ความรุนแรงภายใน 1-2 วันนี้ ที่บ้านจรัญสนิทวงศ์ กทม.
"พท."จี้เปิดประชุมสภาฯแก้วิกฤต
นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิป) ฝ่ายค้าน แถลงผลประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทยซึ่งใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงว่า ที่ประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทยเรียก ร้องให้รัฐบาลยุติการใช้ความรุนแรงกับประชาชน โดยเฉพาะการใช้อาวุธ และเสนอเปิดประชุมสภาฯ ฉุกเฉินให้เร็วที่สุด เพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติร่วมกันหาทางออก ให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น หากรัฐบาลยังใช้ความรุนแรงกับประชาชน ส.ส. พรรคเพื่อไทยทุกเขตทั่วประเทศ จะระดมคน เข้ากทม.
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ขอเรียกร้องสื่อฯทุกแขนงนำเสนอข่าว 2 ด้าน อย่าปิดกั้นการรับข่าวสารของประชาชน และเรียกร้องให้ประชาชนทั่วประเทศ แก้ปัญหาด้วยสันติวิธี
"เด็กจิ๋ว"วอนหยุดยิงประชาชน
พล.ต.ศรชัย มนตริวัต ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่สังคม ตนพูดมาตลอดว่าการแก้ปัญหายังไม่เบ็ดเสร็จ ตอนนี้มีแดงออกมาเดี๋ยวก็จะมีเหลืองออกมาอีก แบบนี้ไม่มีวันจบสิ้น วันนี้บาดเจ็บหรือมีการตายเท่าไหร่ก็ไม่มีใครรู้ หากไม่หยุดใช้กำลังกับประชาชน จะทำให้ประชาชนออกมาร่วมจำนวนมากขึ้น อยากฝากถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ท่านเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจบริหาร ถือเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ถ้ายังคงใช้ความรุนแรง จะเกิดการสูญสียต่อประเทศชาติต่อไป
พล.ต.ศรชัย กล่าวต่อว่า ถึงเวลานี้ไม่ต้องพูดใครถูกใครผิด เพราะหากโต้เถียงกันก็ไม่จบ อย่างปี 2548 ใครถูก ปี 2549 ใครทำอะไร จนถึงวันนี้ใครทำอะไร ไม่ใช่ว่ายุบพรรคแล้ว ส.ส.มาเลือกตามเอกสิทธิ์ แบบนี้ไม่จบแน่ คนในสังคมเขารู้ เขามองปัญหาต่างๆออกเหมือนกัน วันนี้ต้องหยุดทำร้ายประชาชน หยุดการใช้กำลังทหารในการทำร้ายประชาชน ท่านใช้ปืนยิงใส่ประชาชน เท่ากับยิงใส่ลูกหลานของเราเอง
อดีตทส.บิ๊กจิ๋ว กล่าวต่อว่า ยุบสภาก็ยังมีแดงหรือเหลืองอีก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธเคยเสนอทางออกไว้ แต่สังคมไม่นำมาใช้แก้ปัญหา ถึงเวลาหรือยังที่ใครที่เกี่ยวข้อง ทั้งองค์กรอิสระที่ไม่เหมาะสมต้องเสียสละ บ้านเมืองต้องมีคนกลางมาแก้ไข ทางแก้ที่ไม่ถูกต้องต้องเสียสละกัน หากอยากมีอำนาจปกครองบ้านเมือง แต่อยู่บนคราบเลือดเนื้อของประชาชน อยากทำแบบนี้ก็ทำไปเถอะ ทหารจากพล.9 เอาออกมา จากพล.1 มีเท่าไหร่เอาออกมาให้หมด หากฝ่ายบ้านเมืองคิดแบบนี้ก็เศร้าใจ วันนี้ต้องเสียสละและต้องช่วยกันรักษาบ้านเมืองอย่าคิดแบบเห็นแก่ตัวอย่างเดียว
"เครือข่ายสังคม"ออกแถลงวอนยุติ
วันเดียวกัน กลุ่มประชาชนผู้ไม่เอาสงคราม กลางเมือง ประกอบด้วยเครือข่ายภาคประชาสังคม อาทิเครือข่ายผู้บริโภค เครือข่ายผู้ติดเชื้อ เครือข่ายครอบครัว เครือข่ายสุขภาพ เครือข่ายภาคีองค์กรงดเหล้า เครือข่ายสลัมสี่ภาค เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก เครือข่ายนักศึกษา ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย (YPD) อดีตส.ว.ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4 เรียกร้อง1.ขอให้รัฐใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเท่าที่จำเป็น ไม่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน ขอให้รัฐบาลอดทนอดกลั้นต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
2.ให้แกนนำกลุ่มนปช.รับผิดชอบการใช้ความรุนแรงในสถานที่ต่างๆของผู้ชุมนุม รับผิดชอบต่อชีวิตประชาชนผู้ร่วมชุมนุม หยุดเรียกร้องให้ประชาชนมาร่วมชุมนุม เพราะไม่ใช่การชุมนุมเพื่อประชาธิปไตย แต่มีเป้าหมายเบื้องหลังที่ต้อง การให้มีการรัฐประหาร หยุดก่อการจลาจลในสถานที่ต่างๆ หยุดพฤติกรรมทำร้ายร่างกายแก่บุคคลต่างๆ ดังเช่นที่เกิดขึ้นแก่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำลายทรัพย์สินรัฐและเอกชน พร้อมหยุดการกระจายการชุมนุม ที่ไม่มีผู้นำนปช.รับผิดชอบ
3.เรียกร้องให้ตัวแทนของรัฐและผู้นำการชุม นุมของนปช.เปิดเวทีการเจรจาเพื่อหาทาง ออกยุติสถานการณ์อย่างเร่งด่วน 4.เรียกร้องให้ส.ส.ยุติการสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มนปช. เปิดประ ชุมสภาเพื่อหาทางออกเรื่องนี้เป็นการเร่งด่วน 5.เรียกร้องให้โทรทัศน์ทุกช่องหยุดรายการปกติ และสื่อสารข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับทราบอย่าง ต่อเนื่องเป็นระยะ รวมทั้งสื่อมวลชนทุกแขนงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนการรายงานข่าว
วันเดียวกัน นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะตัวแทนเครือข่ายนักวิชาการไม่เอาความรุนแรง กล่าวว่า ขอเชิญชวนประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงให้ประดับธงชาติไว้ที่หน้าบ้าน หรือบริษัทห้างร้านของตน เพื่อแสดง ออกให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน และอยู่ในประเทศชาติเดียวกัน
ด้านนายนิมิตร เทียนอุดม ตัวแทนกลุ่มประชาชนผู้ไม่เอาสงครามกลางเมือง กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้กำลังตำรวจทหารที่เข้าควบคุมสถานการณ์อยู่ในขณะนี้ ไม่ใช้อาวุธปืนในการปฏิบัติการ เพราะที่ผ่านมา ทางรัฐบาลยืนยันมาโดยตลอดว่าจะไม่ทำร้ายประชาชน
ส่วนนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการเครือข่ายญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวว่า ตนมีความเป็นห่วงเรื่องการปิดกั้นสื่อของรัฐบาลในขณะนี้ เพราะหากประชาชนไม่ได้รับความจริงอย่างครบถ้วนรอบด้าน อาจนำไปสู่ความรุนแรงมากยิ่งขึ้นได้
"สนนท."จี้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
วันเดียวกัน สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประ เทศไทย(สนนท.) ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 หยุดการก่ออาชญากรรมโดยรัฐต่อการชุมนุมของประ ชาชนที่นำโดยนปช. มีข้อเรียกร้องดังนี้ 1.ประ ณามและเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถอนกำลังทหารและตำรวจออกจากเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะและความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น 2.ให้นายอภิสิทธิ์ประกาศยุบสภาเพื่อให้เกิดกระบวนการประชาธิปไตยและคืนอำนาจให้ประชาชน ยอมรับกระบวนการประชา ธิปไตยในระบบรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน 3.ให้ยุติการใช้อำนาจนอกระบบโดยชนชั้นนำในสังคมไทย ไม่ว่าการรัฐประหาร ตุลา การภิวัตน์ หรือการแทรก แซงทางการเมือง โดยผู้ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชา ธิปไตยในระบบรัฐสภา เพราะเป็นแนวทางที่จะทำให้กระบวนการประชา ธิปไตยถูกทำลาย
4.หากมีการสลายการชุมนุมโดยใช้ความรุนแรง สหพันธ์นิสิตฯจะเรียกร้องให้เพื่อนนิสิตนักศึกษาและประชาชนทั่วไปออกมาประท้วงทันที 5.ขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมต่อต้านการกระทำอันมีลักษณะเป็นเผด็จการซ่อนรูปของรัฐบาล หากเกิดการก่ออาชญากรรมโดยรัฐต่อประชาชน ขอให้ประชาคมโลกร่วมกันประณามและให้สหประชาชาติปฏิบัติตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
ทั้งนี้การดำเนินไปในวิถีทางการสร้างประชา ธิปไตยตั้งมั่นโดยประชาชนเพื่อประชาชนนั้น จะต้องขจัดอิทธิพลของฝ่ายชนชั้นนำที่ใช้อำนาจนอกระบบประชาธิปไตยซ่อนรูปได้อย่างถาวร เพื่อให้เกิดสังคมที่เท่าเทียมอย่างแท้จริง
"ปชป."ออกแถลงการณ์สลายม็อบ
ทางด้านพรรคประชาธิปัตย์ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 5 เนื้อหาระบุว่า 1.ปฏิบัติการของรัฐบาลตลอดคืนวันที่ 12 ต่อเนื่องถึงวันที่ 13 เม.ย. ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเชื่อมั่นในแนวทางของรัฐบาลที่จะนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประเทศ มั่นใจว่าเหตุร้ายที่ผู้จงใจละเมิดกฎหมายพยายามก่อขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จะถูกควบคุมและขจัดไป ทำให้สถานการณ์คลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติในเร็วๆนี้ 2.ชื่นชมความร่วมมือของพี่น้องประชาชนที่ไม่เข้าร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่จงใจละเมิดกฎหมาย หันมาหนุนช่วยรัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบสามารถแยกแยะผู้กระทำผิดได้ชัดเจนขึ้น ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของผู้บริสุทธิ์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
3.การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบต้องอยู่ภายใต้กรอบนโยบายของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติการในแต่ละขั้นตอนอย่างรัดกุม ระมัดระวังไม่ให้เกิดความผิดพลาด หลงกลเกมของผู้บงการก่อเหตุร้าย อันเป็นเงื่อนไขให้ผู้จงใจกระทำผิดกฎหมายใช้เป็นข้ออ้างสร้างความปั่นป่วนไม่สิ้นสุด 4.พรรคขอให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบทุกฝ่ายที่ได้ทุ่มเททำงานหนักเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ 5.พี่น้องประชาชนในพื้นที่หลายจังหวัดถูกชักนำออกมาชุมนุมและแสดง ออกเกินขอบเขตของกฎหมาย เช่นบุกรุกสถานที่ราชการ ปิดกั้นเส้นทางคมนาคมขนส่ง และประกาศข่มขู่คุกคามทำร้ายบุคคลต่างๆ รัฐบาลต้องใช้มาตรการทางกฎหมายระงับยับยั้งอย่างมีประสิทธิภาพ เร่งให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ทำความเข้าใจกับประชาชนในแต่ละพื้นที่ให้หันกลับมาร่วมกันสร้างความสงบสันติขึ้นในบ้านเมือง
"7 องค์กร"แนะใช้สันติวิธีแก้วิกฤต
ขณะเดียวกัน 7 องค์กร ประกอบด้วยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สำนักสันติวิธี สถาบันพระปกเกล้า กลุ่มประชาชน ผู้ไม่เอาสงครามกลางเมือง เครือข่ายประชา ธิปไตยเห็นต่างกันได้แต่อย่าใช้ความรุนแรง คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 เครือข่ายนักวิชาการไม่เอาความรุนแรง ร่วมกันออกแถลงการณ์ขอให้ใช้แนวทางสันติวิธีในการแก้ไขวิกฤตประเทศ ตามข้อเสนอ 5 ข้อดังนี้ 1.การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงอาจจะทำให้สถานการณ์ยิ่งร้ายแรงมากยิ่งขึ้น ขอให้รัฐบาลและกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(กอฉ.) ใช้กำลังของเจ้าหน้าที่เพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อควบคุมสถาน การณ์เท่านั้น อย่าใช้ในการปราบปราม หรือสลายการชุมนุม เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปจนอาจกลายเป็นจลาจล เมื่อสถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว รัฐบาลควรยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงโดยเร็วที่สุด
2.สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรม นูญ จะต้องเป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ และต้องไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น แต่การชุมนุมของนปช. ในขณะนี้มีการใช้ความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งวิธีการเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการบุกโรงแรม บุกกระทรวงมหาดไทย ทุบทำลายรถในขบวนของนายกรัฐมนตรี การปิดถนนสายต่างๆ การยึดรถเมล์ การยึดรถก๊าซ ล้วนแต่เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพนอกขอบเขตของรัฐธรรมนูญและผิดกฎหมายทั้งสิ้น แกนนำนปช.ต้องยุติการใช้ความรุนแรง การละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น และต้องควบคุมผู้ชุมนุมไม่ให้ใช้ความรุนแรง รวมถึงยุติการสร้างความเกลียดชังผ่านทางสื่อในเครือข่ายดังที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ สำหรับพ.ต.ท.ทักษิณต้องยุติการยั่วยุและปลุกระดมที่นำไปสู่การใช้ความรุนแรง ถ้าหากเกิดเหตุร้ายแรงมากไปกว่านี้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่อาจที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบได้
3.ขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาการชุมนุมที่ละเมิดกฎหมายโดยใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเหมาะสม และใช้กระบวนทางกฎหมายที่ให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายอย่างแท้จริง การดำเนินคดีกับนปช. ต้องดำเนินคดีกับประชาชนกลุ่มอื่นที่ใช้เสรีภาพเกินขอบเขตของรัฐธรรมนูญด้วยอย่างเสมอกัน
4.ขอให้รัฐบาลใช้แนวทางสันติวิธีและการเจรจาในการแก้ปัญหาซึ่งจะเป็นหนทางในการนำความสงบกลับคืนมาสู่ประเทศไทยได้อย่างแท้จริง รัฐบาลควรต้องเปิดการเจรจากับแกนนำนปช. และพรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคการเมืองอื่นๆ ในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง และขอให้ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยที่ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มนปช. กลับมาใช้เวทีรัฐสภาในการแก้ไขปัญหาของประเทศ
5.สื่อมวลชนทุกแขนงต้องรายงานสถาน การณ์ที่เกิดขึ้นอย่างครบถ้วนรอบด้าน รวมทั้งต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข่าวสารที่จะรายงานออกไป เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสนและเกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์
"ปู่ชัย"วอนคนไทยสามัคคี
ด้านนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างศาลาการเปรียญ พร้อมอุโบสถวัดบ้านหัวลิง ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ และพิธีรดน้ำดำหัวในวันสงกรานต์ว่า ที่ผ่านมา ประเทศชาติบ้านเมืองบอบช้ำมามากแล้ว หากประชาชนไม่รักสามัคคีกัน มีความขัดแย้งหรือแบ่งฝ่าย ประเทศก็จะยิ่งเสียหายมากขึ้น การชุมนุมที่วุ่นวายขณะนี้อยากให้ทุกคนทบทวนบทบาทหน้าที่ และให้ยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์เป็นสำคัญสูงสุด ขอให้กลมเกลียวกัน ขจัดความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เพื่อความสงบสุขร่มเย็น ประเทศชาติจะเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมนานาอารยประเทศ
ต่างชาติผวาเหตุรุนแรงในไทย
วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานปฏิกิริยาของนานาชาติ หลังเกิดเหตุจลาจลในกรุงเทพฯว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ ออกประกาศเตือนพลเรือนของชาติตนเองเพิ่มเติมจากวานนี้ ที่มีฮ่องกงและรัสเซียประกาศเตือนนับตั้งแต่ที่รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
นายทาเคโอะ คาวามูระ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น แถลงข่าวว่า ญี่ปุ่นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีการแก้ไขสถานการณ์โดยสันติวิธี รัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมใช้ความพยายามอย่างสูงสุด ในการรักษาความปลอดภัยให้กับพลเมืองและบริษัทของญี่ปุ่นในประเทศไทย และต้องพิจารณาขั้นตอนต่อไปอย่างจริงจัง ถ้าสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยน แปลง สำหรับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นในไทย กระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นแนะนำให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อสีแดงหรือสีเหลือง เพื่อจะไม่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นฝ่ายที่ขัดแย้งในไทย ขอให้ระมัด ระวังตัวอย่างสูง อยู่ให้ห่างจากอาคารของรัฐบาลและบริเวณที่มีการชุมนุม
ด้านรัฐบาลฟิลิปปินส์แถลงว่า หากประชาชนไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเดินทางมาไทย ขอให้เลื่อนการเดินทางออกไปจนกว่าสถาน การณ์จะสงบ ส่วนชาวฟิลิปปินส์ในไทยประมาณ 10,000 คนให้ระมัดระวังตัว หลีกเลี่ยงการไปในที่สาธารณะซึ่งเป็นที่ชุมนุมประท้วง
ส่วนออสเตรเลีย นายสตีเฟน สมิธ รมว. ต่างประเทศเตือนนักท่องเที่ยวให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาไทย ส่วนชาวออสเตรเลียในไทยราว 55,000 คนให้ระมัดระวังตัว หากไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามา ส่วนคนที่อยู่ในกรุงเทพฯอยู่แล้วก็ให้อยู่ภายในบ้านหรือโรงแรมและหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีการประท้วงหรือมีคนหมู่มากชุมนุมเพราะเหตุรุนแรงอาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต รวมทั้งการประท้วงพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วโดยเตือนล่วงหน้าเพียงเล็กน้อย อีกทั้งรัฐบาลออสเตรเลียขอให้ไทยใช้การแก้ปัญหาด้วยความสันติและภายในกรอบของกฎหมาย
ขณะที่สถานทูตสหรัฐออกประกาศขอให้ชาวอเมริกันหลีกเลี่ยงพื้นที่ชุมนุมของผู้ประท้วงและระมัดระวังตัวเมื่ออยู่ในกรุงเทพฯ สถานทูตอังกฤษเตือนพลเมืองให้ทบทวนการเดินทางมาไทย และหลีกเลี่ยงเส้นทางของกลุ่มผู้ประท้วง พร้อมทั้งขอให้อยู่แต่ภายในที่พักอาศัยเพื่อความปลอดภัย ฝรั่งเศสประกาศว่า ชาวฝรั่งเศสที่อยู่ในไทยควรอยู่แต่ภายในที่พักหรือโรงแรมเท่านั้น ส่วนคนที่วางแผนจะเดินทางมา ถ้าไม่จำเป็น ควรเลื่อนออกไปจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ความสงบ
อียูจี้รบ.ไทยคุ้มครองชาวต่างชาติ
วันเดียวกัน สหภาพยุโรป หรืออียู ออกแถลงการณ์ระบุถึง"ความวิตกอย่างยิ่ง" ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยสาธารณรัฐเช็ก ในฐานะประธานอียู เรียกร้องให้ผู้ชุมนุมอดกลั้นจากการใช้ความรุนแรง และหวังให้ความแตกแยกทางการเมืองแก้ไขผ่านการเจรจา อาศัยกลไกทางรัฐสภาและประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลไทยคุ้มกันความปลอดภัยของพลเรือนไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงชาวสหภาพยุโรปด้วย