พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า ที่สอบถามเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าการโฟนอินดังกล่าวยังไม่เข้าข้อกฎหมายที่จะดำเนินการได้ แต่ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายถอดเทป และติดตามการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณทุกวันเพื่อพิจารณาในเรื่องข้อกฎหมาย หากเห็นว่าเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายต้องเสนอขึ้นมา ขณะนี้เท่าที่รายงานเป็นเรื่องที่พาดพิงตัวบุคคลเป็นเรื่องส่วนตัว ต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษของผู้เสียหายที่ถูกพาดพิงมาที่ตำรวจ ดำเนินการ แต่หากเข้าข่ายความผิดมาตรา 112 จะมีการดำเนินการทันที
แย้งคดี นปช.บุกบ้านป๋าเปรม
ส่วนความคืบหน้าคดีกลุ่ม นปช.บุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ บ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำความเห็นแย้งพนักงานอัยการไปตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 51 หลังจากที่อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องกลุ่ม นปช. แต่ไม่ทราบว่าทำไมมาเป็นข่าวในช่วงนี้ เป็นเรื่องเก่าที่มีการประชุมร่วมกันของฝ่ายกฎหมาย และมีความเห็นแย้งทางคดีไปที่อัยการ ซึ่งทางกฎหมายพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง และอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีความเห็นแย้งอัยการได้ เพราะอำนาจตัดสินอยู่ที่ดุลพินิจของอัยการสูงสุด ซึ่งเหตุผลที่มีความเห็นแย้งอัยการ เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนทำขึ้นมามีน้ำหนักและความถูกต้องเพียงพอ
ผบ.ตร.ย้ำ ตร.ขึ้นเวทีม็อบไม่ได้
นอกจากนี้ พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าร่วมชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงหรือ นปช.ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เป็นผู้ตรวจสอบรายละเอียดในเรื่องนี้ซึ่งเป็นเรื่องความเหมาะสมของข้าราชการ กฎหมายรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องเป็นกลาง การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามารับเสื้อกับกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่น่าจะเป็นเรื่องการเมือง แต่การขึ้นเวทีการเมืองของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการพิจารณาทางวินัย เป็นหน้าที่ของหัวหน้าหน่วยต้องดำเนินการกับผู้ใต้บังคับบัญชาว่า ที่ผ่านมามีการดำเนินการมาก่อนหรือไม่
ยื่นอุทธรณ์-รอไต่สวนฉุกเฉิน
สำหรับความคืบหน้าการยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลแพ่งของกลุ่ม นปช. ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก เวลา 14.00 น. นายคารม พลทะกลาง ทนาย ความของนายวีระ มุสิกพงศ์ กับพวกแกนนำ นปช. ได้ยื่นคำร้องขออุทธรณ์คำสั่งที่ศาลแพ่ง อนุญาตให้คุ้มครองชั่วคราวในกรณีฉุกเฉิน จากกรณีที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอให้มีคำสั่งให้ กลุ่ม นปช. เปิดถนน และประตูเข้าออกทำเนียบรัฐบาล ก่อนศาลแพ่งจะมีคำสั่งให้นายวีระกับพวก เปิดเส้นทางถนนลูกหลวง ตั้งแต่แยกเทวกรรมถึงแยกสะพานมัฆวานรังสรรค์และเปิดประตู 6 และ 8 เพื่อให้ข้าราชการ คณะรัฐมนตรี และบุคคลอื่นเข้าออกทำเนียบรัฐบาลและให้ลดระดับเครื่องขยายเสียงลง
อ้างสิทธิชุมนุมตาม รธน.
ทั้งนี้ ในคำร้องอุทธรณ์ระบุว่า จำเลยที่ 1 ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลดังกล่าว เพราะการชุมนุมของจำเลยเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ไม่มีการนำกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล อีกทั้งจำเลยได้ยื่นคำร้องคัดค้านว่าศาลแพ่งไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา ถือว่าจำเลยที่ 1 ได้โต้แย้งว่า ตามมาตรา 420 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่โจทก์นำมาฟ้องในคดีนั้น จึงไม่อาจนำมาบังคับใช้กับจำเลยที่ 1 กับพวกได้ และต้องส่งความเห็นของจำเลยที่ 1 ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จำเลยที่ 1 จึงขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำสั่งและเพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว ซึ่งภายหลังศาลพิจารณาคำร้องอุทธรณ์ดังกล่าวแล้วได้รับคำร้องไว้พิจารณา จากนั้นนายคารมกล่าวว่า ในวันที่ 2 เม.ย.นี้จะยื่นคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าว โดยมีพยานเข้าไต่สวนจำนวน 4 ปาก หนึ่งในนั้นมีนายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ แนวร่วม นปช.ร่วมอยู่ด้วย
เสื้อแดงไล่ยำเสื้อเหลืองบุกเวที
ต่อมาเวลา 15.00 น. มีชายวัยกลางคนสวมเสื้อสีเหลือง ทราบชื่อภายหลังว่านายชินวรณ์ ธนาวุฒน์ อายุ 48 ปี เดินเข้ามาที่บริเวณหน้าเวทีของกลุ่มเสื้อแดง ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ เมื่อกลุ่มเสื้อแดงเห็น จึงวิ่งกรูเข้าไปรุมล้อม นายชินวรณ์จึงรีบวิ่งหนีมาทางสะพานอรทัย โดยมีกลุ่มเสื้อแดงจำนวนมากวิ่งไล่ตามไปฉุดกระชาก จนนายชินวรณ์ล้มลง ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จากนั้นการ์ดกลุ่มเสื้อแดงได้รีบเข้าไปกันตัวนายชินวรณ์ไว้ และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้งมารับตัวไป โดยนายชินวรณ์ได้โชว์บัตรข้าราชการระบุตำแหน่งปลัดอำเภอ พร้อมกล่าวว่า เป็นปลัดอำเภอที่ จ.พังงา และเป็นปลัดอำเภอมา 12 ปีแล้ว การเดินทางมาทำเนียบฯ ครั้งนี้ เพื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพราะแก้ปัญหาประเทศไม่ได้ โดยตนจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ตนลาพักร้อน 7 วัน เพื่อมาเรียกร้องที่ทำเนียบฯไม่รู้ว่ามีการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ตนอยู่บ้านนอก ไม่ได้ดูข่าวเลย ส่วนที่ใส่เสื้อเหลืองมา เพราะปกติก็ใส่เสื้อเหลืองทำงานทุกวันอยู่แล้ว
โวย “ดีทีวี” ถูกตัดสัญญาณ
จากนั้นบรรยากาศการชุมนุมในช่วงเย็น ได้เกิดความวุ่นวายเล็กน้อยเมื่อเวลา 17.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แถลงว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ใช้กลไกของอำนาจรัฐ ดำเนินการตัดสัญญาณออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ ดีสเตชั่น ถ่ายทอดสดการชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลตลอด 24 ชั่วโมง โดยขณะนี้ดีทีวีจอดำแล้ว คนเสื้อแดงจึงขอตั้งคำถามไปยังนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกฯ และผู้รับผิดชอบกระทรวงไอซีที รวมถึงนายกรัฐมนตรี ว่าเจตนาของรัฐบาลนี้คืออะไร ที่เคยประกาศว่าจะไม่แทรกแซงสื่อ ให้สิทธิในการแสดงออกของประชาชน การตัดสัญญาณแบบนี้ เท่ากับรัฐบาลชุดนี้ก็ไม่อาจสลับคราบของเผด็จการที่ให้กำเนิดและชุบเลี้ยงตัวเอง โดยไม่มีจุดยืนของประชาธิปไตยเลย
ฉุน ปชป.สองมาตรฐาน
แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวด้วยว่า ในคราวที่กลุ่มพันธมิตรฯใช้สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีโจมตีรัฐบาลชุด ก่อน และถึงกับใช้ในการระดมคนให้ไปยึดสนามบิน ปรากฏว่าคนในพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ ลงมาไม่เคยแสดงท่าทีใดๆ ทั้งยังอภิปรายในเชิงปกป้องเอเอสทีวีด้วย ส่วนรัฐบาลไม่ว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายสมัคร สุนทรเวช ก็ไม่เคยปิดสัญญาณเอเอสทีวี ในขณะที่ทางสถานีดีสเตชั่น ยืนยันว่าตั้งแต่การชุมนุมวันแรกว่าเป็นการชุมนุมที่สงบ และไม่มีการทำลายทรัพย์สินของทางราชการ แม้แต่ข้าราชการสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ ที่ไปร้องศาลแพ่ง ยังให้การว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงสงบและปราศจากอาวุธ แต่การชุมนุมแบบนี้กลับเป็นการชุมนุมที่รัฐบาลไม่ให้โอกาสการถ่ายทอดสดทั้งภาพและเสียง จึงขอประณามรัฐบาลที่ไม่สามารถสลับคราบเผด็จการแล้วสุดท้ายก็ต้องแสดงสันดานออกมา
เตรียมหาช่อง ก.ม.ฟ้องร้อง
“แต่ก็ไม่มีปัญหา ถ้าคนเสื้อแดงจะต้องอยู่ในประเทศนี้ ในฐานะของคนที่ต้องถูกรังแก กดขี่และเจอการสกัดกั้นตลอด ถ้าเป็นแบบนี้เราจะต่อสู้เพื่อใช้สิทธิอย่างเต็มที่ แต่ความอดทนของคนเสื้อแดงก็มีขีดจำกัด ถ้าเหยียบย่ำกดขี่รังแกกันเกินไป เราก็ต้องมีมาตรการที่จะตอบโต้ในวิธีที่เหมาะสม และขณะนี้ทางฝ่ายเทคนิคของดีสเตชั่นกำลังพยายามต่อสู้เพื่อกู้สัญญาณอยู่ และถ้าทำได้ก็จะเป็นการตบหน้ารัฐบาลชุดนี้ว่าไม่มีปัญญา ตัดสัญญาณของดีทีวีครั้งนี้ เพราะรัฐบาลต้องการที่ จะตัดสัญญาณวีดิโอลิงค์ แต่จัดการไม่ได้จึงใช้วิธีการตัดสัญญาณของดีสเตชั่นแทน และในส่วนของการใช้ มาตรการทางกฎหมายนั้น ทางบริษัทเพื่อนพ้องน้องพี่กำลังหารือกันเพื่อเตรียมการยื่นฟ้องร้องอยู่” นายณัฐวุฒิ กล่าวอย่างมีอารมณ์
ขู่ยิ่งปิดตา ปชช.คนยิ่งออกมา
นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิยังระบุด้วยว่า พบหนังสือจากกรมการขนส่งจังหวัดชลบุรี มาถึงผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนในจังหวัดชลบุรี อ้างว่าไม่ให้มีการใช้รถโดยสารเอกชนขนส่งคนเสื้อแดงที่จะมาชุมนุม ทั้งขู่ว่าถ้าใครฝ่าฝืนจะถอนใบอนุญาต และไม่ใช่แค่จังหวัดชลบุรี จังหวัดอื่นก็มี จึงขอถามว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด กรมการขนส่ง และกระทรวงมหาดไทย มีอำนาจอะไร การกระทำแบบนี้เท่ากับรัฐบาลแทรกแซงการประกอบธุรกิจของประชาชน จากนี้สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ คือ การขับเคลื่อน ของคนเสื้อแดงคงมากขึ้น โดยอาจจะต้องนำผู้ชุมนุมไปเยี่ยมให้เห็นหน้าเห็นตากัน ส่วนเงินบริจาคนั้น ตั้งแต่ วันที่ 26 มี.ค.เป็นต้นมา มีทั้งสิ้นกว่า 4 ล้านบาท จึงยืนยันว่าเราสามารถชุมนุมยืดเยื้อกี่วันก็ได้ เพราะพลังประชาธิปไตยจะไหลเข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งรัฐบาลจะสลายการชุมนุมยอดบริจาคยิ่งเพิ่มขึ้น
ลั่นจะปิดบัญชีก่อนสงกรานต์
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า การนัดหมายระดมพลเสื้อแดงครั้งใหญ่ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ เป้าหมายคือจะมีคนเสื้อแดงมามากกว่า 3 แสนคน และปลายแถวของการชุมนุมจะอยู่ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ระหว่างถนนหรือสถานที่ต่างๆก่อนจะถึงบ้านสี่เสาฯ จะเต็มไปด้วยคนเสื้อแดง ดังนั้น การที่รัฐบาลปิดสัญญาณดีสเตชั่น ก็เหมือนการเอาฝ่ามือไปปิดแผ่นฟ้า ถ้าดูประวัติศาสตร์แล้ว เมื่อครั้งคณะปฏิวัติปิดกั้นสื่อส่วนมาก ยิ่งทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นของประชาชนเพิ่มขึ้น ดังนั้น เราต้องปิดบัญชีรัฐบาล และ พล.อ.เปรม ก่อนสงกรานต์แน่นอน วันนี้ไม่มีการเจรจาใดๆ เพราะมาขับไล่เท่านั้น พล.อ.เปรม ก็เช่นกัน ถ้าไม่อยากเป็นก้อนกรวดในรองพระบาทต้องลาออกไป