เมื่อวันที่ 9 เมษายน พล.ต.นินนาท เบี้ยวไข่มุก คนสนิท พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี บอกว่า ได้รายงานเรื่องที่กลุ่มม็อบเสื้อแดงเรียกร้องให้องคมนตรีลาออก ให้ พล.อ.สุรยุทธ์รับทราบแล้ว แต่ไม่ใช่เรื่องที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จะต้องตัดสินใจทำตามข้อเรียกร้อง เนื่องจากที่ผ่านมา กลุ่มเสื้อแดงก็พูดไปเรื่อย และท่านคงไม่ตัดสินใจลาออก ส่วนการดูแลความปลอดภัยนั้น ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตามปกติ แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ลอบสังหาร นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ก็ตาม รวมทั้งไม่มีการยกเลิกกำหนดการใดๆทั้งสิ้น ยังใช้ชีวิตตามปกติ
ผอ.พระปกเกล้าจี้รัฐบาลยุบสภาฯ
วันเดียวกัน นายพรชัย เทพปัญญา ผอ.วิทยาลัยการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมเตรียมยกระดับการชุมนุมหากข้อเรียกร้องที่เสนอไปก่อนหน้านี้ ไม่ได้รับการตอบสนอง ว่าสิ่งที่รัฐบาลสามารถทำร่วมกันตามที่ได้รับการเรียกร้องว่า อาจจะมีการเสนอคนกลางซึ่งเป็นที่ยอมรับของแต่ละฝ่ายเข้ามาปฏิรูปการเมืองภายใน 40-50 วัน จากนั้นรัฐบาลก็ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ เชื่อว่าข้อเสนอนี้จะเป็นคำตอบของสังคมได้ แต่มีประเด็นปัญหาคือ ผู้มีอำนาจยากที่จะออกจากอำนาจ เพราะรัฐบาลไม่ใช่มีแค่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว แต่ยังรวมถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน ไม่ว่าใครเมื่อได้ขึ้นขี่หลังเสือแล้ว ไม่มีใครอยากลงจากหลังเสือ ส่วนกรณีนายกรัฐมนตรีระบุว่าสถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรงเช่นนี้จะทำให้หาเสียงลำบาก ไม่ใช่ประเด็น ไม่มีใครยอมเสียอำนาจ แต่นำเอาเรื่องอื่นมาเป็นข้ออ้างเท่านั้น ในอดีตพรรคประชาธิปัตย์ เคยเสนอให้รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยุบสภาอย่างเดียว แต่ขณะนี้กลับไม่คิดแล้ว และสถานการณ์ชุมนุมส่อเกิดความรุนแรงเช่นเดียวกัน เพราะมองต่างมุม ยืนกันคนละจุดชัดเจน ถ้าไม่สามารถพูดคุยกัน ก็ควรยุบสภา
สื่อเทศวิเคราะห์ไทยมุ่งไปสู่เหว
วันเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีเผยแพร่บทวิเคราะห์ สถานการณ์การเมืองไทยเมื่อ 9 เม.ย. โดยอ้างความเห็นของนักวิเคราะห์ทั้งไทยและต่างชาติว่า กลุ่มผู้ประท้วงคนเสื้อแดงซึ่งพยายามขับไล่นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี กำลังผลักดันประเทศไทยสู่ขอบเหว ขณะที่พวกตนเข้าตาจนมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้สนับสนุนอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้ทุ่มเค้าพนันกับเสถียรภาพของประเทศ โดยไม่ได้มุ่งเป้าที่รัฐบาลเท่านั้น แต่มุ่งเป้าไปที่เสาหลักของสถาบันอันทรงอำนาจของไทยด้วย แต่ด้วยเหตุที่เศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรงตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณถูกยึดอำนาจเมื่อปี 2549 และความแตกแยกในสังคมไทยถ่างกว้างขึ้นเรื่อยๆ ประเทศ ไทยจึงไม่อาจไร้เสถียรภาพไปมากกว่านี้แล้ว
ด้านนางคริสตินา คาซมี นักวิเคราะห์แห่งสถาบัน “ไอเอชเอส โกลบบัล อินไซต์” ชี้ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงกำลังลอกเลียนแบบยุทธวิธีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) หรือกลุ่มคนเสื้อเหลืองที่เป็นหัวหอกโค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจนำไปสู่จุดแตกหัก ขณะที่เหล่าผู้สังเกตการณ์การเมืองไทยชี้ว่า มูลเหตุหลักของปัญหาทางการเมืองของไทยคือการเผชิญหน้าระหว่างชนชั้นสูงผู้ปกครองบ้านเมืองกับ พ.ต.ท.ทักษิณ อภิมหาเศรษฐีซึ่งประชาชนนิยมชมชอบ
51 ส.ว.ชงเปิดอภิปรายถล่มเสื้อแดง
เมื่อเวลา 13.15 น. ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา พร้อมคณะ ส.ว.ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม 40 ส.ว. ได้เป็นตัวแทน 51 ส.ว. ที่ร่วมลงชื่อเพื่อยื่นหนังสือถึงนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 โดยมีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิฯเป็นผู้รับหนังสือแทน โดยนายสมชายกล่าวว่า ขณะนี้ได้เกิดกลุ่มผู้ชุมนุมทางการ เมืองประท้วงรัฐบาล โดยอ้างเหตุผลในเรื่องการบริหาร ราชการแผ่นดินบกพร่อง และมีผู้นำที่ก่อให้เกิดและยุยงส่งเสริมให้เกิดการชุมนุมผ่านระบบวีดิโอลิงค์ ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก และได้หลบหนีการบังคับโทษอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งสถานการณ์น่าเป็นห่วงเพราะผู้นำการชุมนุมได้กล่าวพาดพิงจาบจ้างสถาบันศาลและสถาบันองคมนตรี ซึ่งมีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ พวกตนจึงมีความกังวลว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนี้ อาจขยายไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองมากขึ้น และเป็นการซ้ำเติมปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจให้ยากต่อการแก้ไขยิ่งขึ้น ด้านนายนิคมกล่าวว่า ต้องประสานไปยังรัฐบาล เพื่อกำหนดเวลาว่าจะมาชี้แจงได้เมื่อไหร่ คาดว่าอย่างเร็วสุดน่าจะพิจารณาได้ในวันที่ 24 เม.ย.
ซัด “ชัย” สุมหัวร่วมเกมอัปยศ
ด้านนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ระบบรัฐสภาถือเป็นศูนย์อำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งวิปฝ่ายค้านและวิปรัฐบาลได้หารือร่วมกันแล้ว แต่กลับเกิดเหตุอัปยศที่ประธานสภาผู้แทน ราษฎรและ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ล้มองค์ประชุมเสียเอง ทั้งที่ข่าวเรื่องการลอบสังหารถือเป็นเรื่องใหญ่และอันตรายมาก เดชะบุญที่ไม่เกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นจะเหมือนเหตุการณ์ ในปี 2489 ที่เกิดเหตุลอบสังหารบุคคลสำคัญจนนายปรีดี พนมยงค์ ถูกพรรคประชาธิปัตย์ป้ายสีจนต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ ตนไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนี้อีก พรรคฝ่ายค้านต้องการนำเรื่องการลอบสังหารองคมนตรีมาหารือในที่ประชุม เพราะไม่อยากให้มีการป้ายสีกลุ่มเสื้อแดง เพื่อหวังผลให้เกิดการล้อมปราบล้างแผ่นดินกัน อยากขอร้องนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร อย่ากลัวว่าฝ่ายค้านจะนำเรื่องที่นายเนวิน ชิดชอบ บีบน้ำตาขึ้นมาพูดในสภา เพราะบีบมาหลายครั้งแล้ว หากยังจำกันได้ สมัยที่พี่ชายนายเนวินถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีลอบยิงนายปณวัตร เลี้ยงผ่องพันธุ์ ส.ส.บุรีรัมย์ เพราะต้องการได้ ส.ส.ยกจังหวัด สมัยนั้นก็มาบีบน้ำตาต่อหน้าสื่อมวลชน ขอร้องให้พี่ชายมอบตัว แต่จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่เห็นมามอบตัวเลย ดังนั้น นายชัยอย่าคิดแต่เรื่องครอบครัวเป็นหลัก ขอให้เห็นแก่บ้านเมืองใช้เวทีสภาแก้ปัญหา เพื่อลดอุณหภูมิความร้อนของสังคม
“กลุ่มเนวิน” โวยไม่เกี่ยวแลกคดีกล้ายาง
วันเดียวกันเมื่อเวลา 12.00 น. นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โฆษกพรรคภูมิใจไทยกล่าวถึงกรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน พรรคเพื่อไทย ตั้งคำถามถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นแกนนำหลักในการขับไล่ โจมตีประธานองคมนตรี และเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจหรือไม่ การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้แสดงว่ายอมรับใช่หรือไม่ และรัฐบาลควรต้องเร่งพิจารณาว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดเข้าข่ายความผิดหรือไม่ ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่านายเนวินออกมาแถลงเพื่อแลกกับการหลุดคดีกล้ายาง โฆษกพรรคภูมิใจไทยตอบว่าไม่ใช่ เพราะหากศาลตัดสินว่าผิด ก็ต้องผิดด้วยกันทุกคน แต่หากศาลจะยกฟ้องนายเนวินคนเดียว อาจจะเป็นเพราะพยานหลักฐาน ตามที่นายเนวินมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา ส่วนที่ออกมาแถลงข่าวนั้น เพียงเพราะว่านายเนวินได้พูดว่าใครที่ ต้องการจะล้มล้างสถาบันต้องข้ามศพนายเนวินไปก่อน จึงมีการนำเรื่องนี้มากล่าวโจมตี และนายเนวินต้องการที่จะชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจเท่านั้น
“บุญจง” ซัดเพื่อไทยจัดคนร่วมป่วน
ด้านนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กล่าว ว่า ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม ขณะนี้มีหลายจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย อย่างที่ทราบว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นผู้จัดคนเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ จึงได้สั่งการให้ทางจังหวัดทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ส่วนการที่มีผู้ชุมนุมจะไปปิดล้อมศาลากลางจังหวัดนั้น ขณะนี้มีเพียงรายงานจาก จ.หนองคาย ว่า มีผู้ชุมนุมบุกเข้าไปในศาลากลางประมาณ 100 คน แต่ไม่มีเหตุรุนแรงอะไร โดยหากมีการกระทำที่ผิดกฎหมายบ้านเมืองก็จะต้องถูกดำเนินคดี ดังนั้น ผวจ. นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่า การชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพ แต่ต้องอยู่บนขอบเขตของกฎหมาย ซึ่งตนเชื่อว่า ผวจ.ทำงานอย่างเต็มที่ ดังนั้น จึงไม่มีการคาดโทษแต่อย่างใด แต่หากพบว่าจงใจละเลยหน้าที่ ผวจ.ต้องรับผิดชอบ
ชี้ม็อบไปสงกรานต์แล้วกลับมาใหม่
นายบุญจงกล่าวว่า จากการประเมินตัวเลขของผู้ชุมนุมในวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ชุมนุมประมาณ 8-9 หมื่นคน และในช่วงเช้าของวันที่ 9 เม.ย. มีผู้ชุมนุมอยู่ประมาณ 1 หมื่นคน ซึ่งเชื่อว่าจำนวนผู้ชุมนุมจะน้อยลง และจะกลับภูมิลำเนาช่วงสงกรานต์ อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังสงกรานต์คงจะกลับมาชุมนุมอีก ทั้งนี้ประเทศต้องการสร้างความสามัคคี ประชาชนควรใช้วิจารณญาณ ควรจะอยู่ที่บ้าน เพราะเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญต้องหาทางออกร่วมกัน ไม่ใช่ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ เพียงเพื่อจะช่วยเหลือคนเพียงคนเดียว ส่วนเกรงว่าจะมีมือที่สามทำให้สถานการณ์รุนแรงนั้น เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะการที่มีคนมาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก ทำให้ ไม่สามารถที่จะควบคุมมวลชนได้ทั้งหมด อย่างที่เกิดเหตุการณ์มีคนขับรถพุ่งเข้าใส่ผู้ชุมนุม จึงเป็นเรื่องยากที่จะควบคุม ดังนั้นหากเห็นแก่ประเทศชาติก็ควรที่จะทำความดีเพื่อในหลวงฯ
มท. 1 เชื่อไม่มีการยุบสภา
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ จ.สมุทรสาคร นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ ภายหลังเปิดงานปกป้องสถาบันหลักของชาติว่า เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ยุบสภาตามข้อเรียกร้องของกลุ่มเสื้อแดง แต่ผู้ที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุดคือนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องยุบสภาตอนนี้ และคิดว่าเสื้อแดงมีสิทธิอะไรที่ปิดถนน สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์รุนแรงเกินความควบคุม อาจมีการประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ถึงขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีการหารือในเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายชวรัตน์ทำการเปิดงานอยู่นั้น มีกลุ่มเสื้อแดงประมาณ 20 คน มายื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก โดยให้เหตุผลว่าเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง และนายชวรัตน์รับหนังสือด้วยตัวเอง และกล่าวว่าไม่เป็นไร ทั้งนี้เมื่อยื่นหนังสือเสร็จนายชวรัตน์เดินทางออกจากพื้นที่ ท่ามกลางการอารักขาของตำรวจและ อส.กว่า 100 นาย
“ชุมพล” ยันต้องใช้การเมืองแก้ปัญหา
วันเดียวกัน นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เมื่อบรรยากาศทางการเมืองเป็นแบบนี้ แม้ไม่มีการปิดสนามบินก็กระเทือนกับธุรกิจท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นการเมืองต้องลงตัวและต้องเป็นตัวนำ ไม่เช่นนั้นไม่มีทางทำอะไรได้ ต้องแก้ที่การเมืองก่อนไม่เช่นนั้นทุกอย่างไปหมด และจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เขา ซึ่งไม่ใช่เพื่อส่วนตัว แต่ต้องแก้ให้สังคมเป็นธรรมและแก้ให้กับคนที่ไม่ได้ผิด เพราะ 220 คนที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไม่ได้ผิดทุกคน เป็นแบบนี้เลยทำให้ออกมากันเต็มบ้านเต็มเมือง อย่างไรก็ตาม อะไรที่ติดกับกระบวนการยุติธรรมก็ต้องเคารพ และหากจะแก้ไขเรื่องการถูกถอดสิทธิทางการเมือง ก็ต้องไปพิสูจน์โดยให้ กกต.เป็นโจทก์ และให้นักการเมือง 220 คนเป็นจำเลย และต้องไปพิสูจน์กันที่ศาลฎีกา เพราะเวลานี้เขาต้องการสมบัติคืนและถอดล็อกทางการเมือง อะไรต้องแก้ก็ต้องแก้ และหาทางที่ดีที่สุดเพื่อประเทศชาติ และหาทางออกให้กับคนที่ไม่ได้ทำผิดด้วย และเมื่อจะแก้การเมือง ไม่ใช่ไปรื้อฟื้น สมบัติ อะไรที่ผิดจริงก็เอาเข้าคลังไป แต่อะไรไม่ใช่ก็ปล่อยเขาไป สำคัญที่สุดตอนนี้ไม่ใช่ไปปฏิรูปการเมือง หากไปเข้าข้างแดงมากสีเหลืองก็มาอีก
วิป รบ.ซัด พท.ขึ้นเวทีผิดกฎหมาย
เมื่อเวลา 11.55 น. ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ได้แถลงถึงการติดตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงว่า การที่แกนนำยกระดับการต่อสู้ เรียกร้องให้ 3 องคมนตรีลาออก และให้นายกรัฐมนตรีลาออกภายในเวลา 24 ชั่วโมงนั้น เป็นข้อเรียกร้องที่รัฐบาลและบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่สามารถดำเนินการได้ โดยเฉพาะองคมนตรี เป็นไปตามพระราชอัธยาศัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นเรื่องที่ไม่ควรก้าวล่วงเบื้องพระยุคลบาท ส่วนนายกรัฐมนตรีก็มาจากความเห็นชอบตามระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ การลาออกจึงไม่ใช่การแก้ปัญหาได้ และไม่มีอะไรยืนยันว่าการชุมนุมจะยุติลง ที่แกนนำยกระดับการชุมนุมไม่ชัดเจนว่าจะต่อสู้กับอะไรแต่จะนำไปสู่ความรุนแรง โดยคนบางกลุ่มได้ประโยชน์ โดย เฉพาะพรรคเพื่อไทยที่มี ส.ส.ไปขึ้นเวทีปราศรัย จนองค์ประชุมสภาล่ม ซึ่งอาจขัดต่อกฎหมายพรรคการเมืองด้วย
ยื้อถกญัตติเปิดสภาฯแก้วิกฤติ
นายชินวรณ์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านหยิบยกการเสนอญัตติด่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาการชุมนุมนั้น วิปรัฐบาลเห็นด้วย จะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านเต็มที่ รวมถึงจะเปิดให้เข้าร่วมในการปฏิรูปการเมือง และศึกษาผลกระทบจากการใช้รัฐธรรมนูญ รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการเสนอร่างกฎหมายปรองดองแห่งชาติ แต่ต้องใช้ระบบรัฐสภาดำเนินการ ทั้งนี้ขอชื่นชม 51 ส.ว.ที่เข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ขอให้รัฐบาลเปิดการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ เพื่อใช้เวทีสภาให้เป็นประโยชน์ ในการแก้ปัญหาของบ้านเมืองขณะนี้ เชื่อว่ารัฐบาลและคณะรัฐมนตรีพร้อม คาดว่าจะบรรจุญัตติดังกล่าวพิจารณาในเดือนพฤษภาคมนี้
“ประวิตร” เชื่อไม่ถึงขั้นล้มสถาบัน
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 12.00 น. ที่องค์การทหารผ่านศึก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงขู่จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด หากประธานองคมนตรีไม่ลาออกตามคำเรียกร้องว่า คงต้องแก้ปัญหากันไป เชื่อว่าสถานการณ์จะไม่มีการแตกหัก และไม่น่าจะมีอะไรรุนแรง คงจะพูดจากันได้ และคงไม่พลิกผันถึงขั้นล้มสถาบัน อย่าไปคิดไกลมาก ซึ่งเป็นเรื่องของรัฐบาล หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องดูแลความเรียบร้อยให้ได้ คนไทยด้วยกันไม่ใช่ เรื่องที่จะต้องมาแตกหักหรือไม่แตกหัก ส่วนกรณีที่คนในตระกูลชินวัตรเดินทางออกนอกประเทศ มีนัยจะเกิดความรุนแรงหรือไม่นั้น ไม่คิดว่าจะเกี่ยวกับความรุนแรง เมื่อถามว่า ประชาชนควรตั้งสติดูว่าตระกูลชินวัตรหนีออกนอกประเทศ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็อยู่ต่างประเทศ ประชาชนคนเสื้อแดงจะต่อสู้เพื่อใคร พล.อ.ประวิตรตอบว่า ประชาชนจะต้องใช้วิจารณญาณดูว่าบ้านเมืองขณะนี้ได้รับความลำบาก รัฐบาลพยายาม แก้ไขปัญหาอย่างเต็มความสามารถ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พยายามดูแลประธานองคมนตรีอย่างดีที่สุด
เตือนระวังคล้ายเสียกรุงศรีฯ
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 08.00 น. ที่กองทัพอากาศ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุม ของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ทุกเหล่าทัพจะเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน และคงไม่มีการถืออาวุธออกไปเพื่อดำเนินการอะไรที่ไม่ถูกต้อง และคงยืนยันไม่มีการใช้กฎหมายพิเศษ คงจะปฏิบัติเหมือนเดิมเช่นเดียวกับทุกฝ่าย แต่เราคงยอมไม่ได้ถ้ามีการทำอะไรนอกเหนือกฎหมายบ้านเมือง ถ้าไม่มีใครยอมรับกติกา ไม่มีการยอมรับกฎหมายบ้านเมือง คงอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อย การเจรจาอะไรจะต้องอยู่บนพื้นฐานของกรอบกฎหมายเท่านั้น เมื่อถามว่า การเรียกร้องให้ประธานองคมนตรี และองคมนตรี ลาออก เป็นข้อเรียก ร้องเกินไปหรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพรตอบว่า คนที่เรียกร้อง จะต้องไปคิดดูให้ดีว่ารัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทยทุกฉบับเขียนไว้ และมีหมวดองคมนตรีตลอด อะไรก็แล้วแต่ที่จะไปเกี่ยวข้องอะไรที่ไม่บังควรต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่ ประเทศไทยเคยมีวิกฤติมาหลายครั้ง และเคยเสียกรุงครั้งแรกเมื่อปี 2112 จากนั้นประมาณปี 2310 ก็เสียกรุงครั้งที่สอง ทั้งสองครั้งเกิดจากการที่คนไทยไม่มีความสามัคคี และตอนที่เสียกรุงคือวันสงกรานต์ของปี 2310 ดังนั้น คงจะต้องคิดให้ดี เพราะใกล้ช่วงสงกรานต์แล้ว หากเรายังมัวทะเลาะกันประเทศชาติคงมีปัญหาตลอด
จวกเสื้อแดงปลุกผีคอมฯคืนชีพ
ผบ.ทอ.กล่าวว่า คนที่สร้างเงื่อนไขอะไรต่างๆ คนไทยคงจะนึกถึงและย้อนไปในอดีตว่าศัพท์ที่พูดว่าวันเสียงปืนแตก หรือปฏิวัติประชาชนเป็นศัพท์ของคอมมิวนิสต์เก่าทั้งนั้น ซึ่งเหมือนเป็นขบวนการ หรืออุดมการณ์เก่าๆ ที่กำลังจะกลับมาใหม่ โดยใช้เงื่อนไขที่มีผลประโยชน์สอดคล้องกัน วันเสียงปืนแตกเป็นวันที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่ได้ดำเนินการกองโจร ที่ดำเนินการจรยุทธ์ และหลังจากนั้นประเทศไทยก็เกิดปัญหาเกี่ยวกับต่อสู้กับการก่อการร้าย ที่พยายามล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และต้องการเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์ ดังนั้น อยากฝากให้ประชาชนคิดให้ดี ว่าสิ่งที่เขาเรียกร้องเพื่อผลประโยชน์ของประเทศหรือไม่ หรือว่าเพื่อกลุ่มใคร “ผมพูดในฐานะคนไทยคนหนึ่งว่าเป็นห่วงประเทศชาติ” พล.อ.อ.อิทธพรกล่าว เมื่อถามว่าการเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เมื่อวานนี้ ได้ฝากอะไร ในการดูแลสถานการณ์บ้าง พล.อ.อ.อิทธพรตอบว่า ท่านไม่ได้ฝากอะไร แต่เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเป็นแบบนี้ ท่านก็เป็นห่วง และไม่สบายใจ
“เปรม-สุรยุทธ์” ยกเลิกภารกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามกำหนดเดิม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ จะเดินทางไปปิดโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ แห่งชาติคลอง 5 จ.ปทุมธานี และจะมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ร่วมเดินทางไปร่วมงานด้วย แต่ภายหลังจากที่กลุ่มคนเสื้อแดงปิดล้อมที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เพื่อ เรียกร้องให้ “ลาออก” ทำให้ พล.อ.เปรม และ พล.อ.สุรยุทธ์ ยกเลิกภารกิจดังกล่าวทันที เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย โดยเฉพาะมีกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางไปปิดล้อมที่บริเวณทางเข้าพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ แห่งชาติตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ทั้งนี้ มีรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.คลองหลวง และเจ้าหน้าที่ตำรวจใกล้เคียง จัดกำลังไปดูแลความเรียบร้อยแล้ว
ตามบี้ ปชป.เล่นเกมหนีญัตติร้อน
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภาได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบเหงาโดยนายกรัฐมนตรีได้แวะเข้ามาเซ็นชื่อประชุมสภาฯ เพียงครู่เดียวก็เดินทางออกจากรัฐสภาทันที ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็มิได้เข้าร่วมประชุมสภาฯ ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมาแล้ว โดยไปปักหลักรอดูสถานการณ์อยู่ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ถนนพระราม 4 แทน ทั้งนี้ ทันทีที่เริ่มประชุม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้ขอหารือกรณีองค์ประชุมสภาฯล่มเมื่อวันพุธที่ 9 เม.ย. ว่าเป็นเพราะฝ่ายเสียงข้างมากพยายามหลบเลี่ยงล้มองค์ประชุมเสียเอง เพื่อต้องการหนีญัตติที่ตนจะเสนอต่อที่ประชุมสภาฯ จึงขอประณามการใช้วิธีการเช่นนี้ เพราะเท่ากับเป็นการปิดโอกาสในการใช้เวทีสภาฯ พูดคุยเพื่อหาทางออก
ฝ่ายค้านร่วมม็อบ-รัฐบาลเผ่นหนี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาในช่วงบ่ายบรรดา ส.ส. ของพรรคเพื่อไทยหลายคนได้ออกจากรัฐสภาเพื่อไปร่วมสมทบกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่อยู่บริเวณทำเนียบรัฐบาลและหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ขณะที่ ส.ส.ของพรรค ร่วมรัฐบาลก็เริ่มทยอยออกจากรัฐสภาหลังทราบข่าวว่ากลุ่มคนเสื้อแดงประกาศจะเคลื่อนขบวนมาปิดล้อมหน้ารัฐสภาเช่นกัน ทำให้มี ส.ส.เข้าร่วมประชุมสภาฯ กันค่อนข้างโหรงเหรง จนกระทั่งนายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรค ประชาธิปัตย์ ได้ตั้งกระทู้ถามสดเรื่องนโยบายและมาตรการสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบธุรกิจและการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน มาตรการรองรับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน
“ชัย” ชิงปิดสภาอ้างสถานการณ์ไม่ดี
จากนั้นนายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้ถามสดเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินไม่เป็นไปตามนโยบายที่แถลงและมีการปิดบังบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตอบ แต่นายสาทิตย์ถูกม็อบเสื้อแดงปิดล้อมที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่สามารถเดินทางมาตอบได้ต้องเลื่อนออกไป จากนั้นนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า เนื่องจากสภาวการณ์ขณะนี้ไม่ค่อยดี จึงขอปิดการประชุมทันทีเมื่อเวลา 13.50 น.
ส.ส.หวิดวางมวยกลางห้องประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาด้วยว่า ทันทีที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนฯ กล่าวตัดบทชิงปิดประชุม ทำให้ ส.ส.ฝ่ายค้านได้ตะโกนร้องโห่ลั่นห้องประชุมขึ้นทันที พร้อมกับไล่ว่า “ยุบสภาไปเลย” ทำให้นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.สัดส่วน ประชาธิปัตย์ ตะโกนตอบโต้ฝ่ายค้านว่า“ไอ้พวกล้มล้างสถาบัน พวกขายแผ่นดิน” ทำให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่อยู่ในห้องประชุมประมาณ 10 คน รวมถึงนายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี ก็ได้ตะโกนตอบโต้กันไปมาว่า “ไอ้ควาย ไอ้พวกสถาบันเปรม” พร้อมทำท่าฮึดฮัดจะเดินเข้าใส่นายอรรถพร จนเพื่อน ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่เหลืออยู่ไม่ถึง 10 คน ต้องประคองตัวนายอรรถพรออกไปจากห้องประชุมก่อนที่สถานการณ์จะรุนแรงกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ส.ส.พรรคเพื่อไทยกลุ่มดังกล่าว ยังคงยืนตำหนินายชัย ที่เร่งปิดประชุมโดยตะโกนว่า “ทำไมไม่ให้พูด ถ้าสภาไม่เป็นที่พูด ก็ยุบแม่งเลย”
นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรค เพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะสอบถามประธานสภาฯว่าจะเปิดเวทีให้ฝ่ายค้านหรือไม่ เพราะพฤติกรรมส่อไม่เป็นกลางหลายครั้งแล้วหากเป็นเช่นนี้อีกฝ่ายค้านจะไม่ร่วมสังฆกรรมเข้าร่วมทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติในสภา