โดย Bugbunny
เหตุการณ์ทหารทั้งกองพันโดนถล่มเละทั้งที่ไปแบบพร้อมรบ เมื่อคืนวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา สร้างความตระหนกตกใจอย่างยิ่งต่อทหารใหญ่หลายคน เนื่องจากสภาพแตกยับเยินแบบนี้ไม่เคยปรากฏในการยกกำลังออกปราบปรามประชาชนมา ก่อนเลย ชัดเจนว่าการเคลียร์พื้นที่โดยกำลังอาวุธในวันนี้จึงไม่ใช่เรื่อง ง่าย ความสูญเสียอาจจะสูงกว่านี้อีก จึงให้ถอยกลับกรมกองกันเป็นแถบ เพราะทหารใหญ่ ๆ เชื่อว่า เหตุการณ์ต่อ ๆ ไป จะขยายตัวเป็นสงครามกองโจรในเมือง ที่่ลำบากต่อการสู้รบ เพราะไม่ใช่การชุมนุมให้เห็น ๆ ตัวกันอย่างในวันนี้
ยกเว้นแต่หัว หน้าทหารหมาบูรพาสุนัข ประยุทธ จันทรโอชา ที่แทบจะโดนละลายไปทั้งหมด หัวฟัดหัวเหวี่ยงพยายามจะเรียกร้องกำลังเสริมเพื่อกวาดล้างคนเสื้อแดงให้ได้ แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือในขณะนี้ (ต่อไปไม่แน่)
เมื่อศึกษา สถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีความเห็นดังนี้
1. ฝ่ายเสนาธิการของบูรพา สุนัขประมาท ประเมินประชาชนต่ำไป เพราะคิดว่าคงเหมือนสงกรานต์เลือดปีที่แล้ว ที่พวกบูรพาสุนัขแค่ถลอก ๆ กันเท่านั้น เพราะคนเสื้อแดงไม่มีอาวุธจะสู้
2. ผู้บังคับบัญชาของ บูรพาสุนัข ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ใด ๆ ได้เลย เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน การโต้กลับด้วยอาวุธทหารราบธรรมดาแบบ M79 เท่านั้น ก็ทำให้ทุกอย่างสับสนวุ่นวายไปหมด การถอยเป็นไปอย่างปราศจากระเบียบวินัย ทิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์ยานพาหนะมากมายให้ถูกยึดเป็นสินสงครามเกลื่อนกลาด
3. ทหาร อื่นในกองทัพเริ่มมองออกกันแล้วว่า ฝ่ายประชาชนไม่ได้ถือตำรวจทหารทั่วไปเป็นศัตรู ศัตรูของประชาชนมีเฉพาะหน่วยที่เป็นสุนัขรับใช้ศักดินาอำมาตย์อย่างสุดจิต สุดใจแบบทหารหมาบูรพาสุนัขและอีกไม่กี่หน่วยในเครือข่ายเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องไปเป็นศัตรูของประชาชน และไม่จำเป็นต้องเข้าไปสู่สถานการณ์สงครามกลางเมือง ใครอยากรบกับประชาชนเชิญไปทำกันเอง
4. การปรับกำลังของหน่วยทหาร หมาบูรพาสุนัขจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง แต่คงไม่นานนัก ทางฝ่ายประชาชนควรมียุทธวิธีต้านก่อนมาถึงพื้นที่ อย่าปล่อยให้พวกนี้เคลื่อนไหวอย่างคล่องตัวอีกต่อไป ระหว่างทางจากราบ 11 บางเขน จาก ราบ 21 ชลบุรี หรือ พล ร.2 ปราจีณบุรี ต้องมีการรบกวนหรือตีฉาบฉวยด้วย
ยุทธวิธีทางการทหารนั้น ไม่เกี่ยวกับ นปช.และเสื้อแดง ฝ่ายการเมืองต้องเดินแนวทางสันติอหิงสาต่อไป แต่ใครจะใช้แนวทางการทหารนั้นก็เรื่องของเขา เพราะวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่รับรู้แล้วว่าการทำ “สงครามที่เป็นธรรม” นั้นต้องทำ เห็นได้จากความชื่นชมที่แสดงออกเมื่อบูรพาสุนัขโดนถล่มจนสิ้นสภาพครั้งนี้ อยู่เฉยอย่างเดียว ชัยชนะจะมาจากไหน ไม่ใช้ยิงข่มเสียบ้าง พวกมันก็จะกร่างทำเราอยู่ข้างเดียว เหมือนสมัยสงกรานต์เลือดปีที่แล้ว
ยกเว้นแต่หัว หน้าทหารหมาบูรพาสุนัข ประยุทธ จันทรโอชา ที่แทบจะโดนละลายไปทั้งหมด หัวฟัดหัวเหวี่ยงพยายามจะเรียกร้องกำลังเสริมเพื่อกวาดล้างคนเสื้อแดงให้ได้ แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือในขณะนี้ (ต่อไปไม่แน่)
เมื่อศึกษา สถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีความเห็นดังนี้
1. ฝ่ายเสนาธิการของบูรพา สุนัขประมาท ประเมินประชาชนต่ำไป เพราะคิดว่าคงเหมือนสงกรานต์เลือดปีที่แล้ว ที่พวกบูรพาสุนัขแค่ถลอก ๆ กันเท่านั้น เพราะคนเสื้อแดงไม่มีอาวุธจะสู้
2. ผู้บังคับบัญชาของ บูรพาสุนัข ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ใด ๆ ได้เลย เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน การโต้กลับด้วยอาวุธทหารราบธรรมดาแบบ M79 เท่านั้น ก็ทำให้ทุกอย่างสับสนวุ่นวายไปหมด การถอยเป็นไปอย่างปราศจากระเบียบวินัย ทิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์ยานพาหนะมากมายให้ถูกยึดเป็นสินสงครามเกลื่อนกลาด
3. ทหาร อื่นในกองทัพเริ่มมองออกกันแล้วว่า ฝ่ายประชาชนไม่ได้ถือตำรวจทหารทั่วไปเป็นศัตรู ศัตรูของประชาชนมีเฉพาะหน่วยที่เป็นสุนัขรับใช้ศักดินาอำมาตย์อย่างสุดจิต สุดใจแบบทหารหมาบูรพาสุนัขและอีกไม่กี่หน่วยในเครือข่ายเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องไปเป็นศัตรูของประชาชน และไม่จำเป็นต้องเข้าไปสู่สถานการณ์สงครามกลางเมือง ใครอยากรบกับประชาชนเชิญไปทำกันเอง
4. การปรับกำลังของหน่วยทหาร หมาบูรพาสุนัขจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง แต่คงไม่นานนัก ทางฝ่ายประชาชนควรมียุทธวิธีต้านก่อนมาถึงพื้นที่ อย่าปล่อยให้พวกนี้เคลื่อนไหวอย่างคล่องตัวอีกต่อไป ระหว่างทางจากราบ 11 บางเขน จาก ราบ 21 ชลบุรี หรือ พล ร.2 ปราจีณบุรี ต้องมีการรบกวนหรือตีฉาบฉวยด้วย
ยุทธวิธีทางการทหารนั้น ไม่เกี่ยวกับ นปช.และเสื้อแดง ฝ่ายการเมืองต้องเดินแนวทางสันติอหิงสาต่อไป แต่ใครจะใช้แนวทางการทหารนั้นก็เรื่องของเขา เพราะวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่รับรู้แล้วว่าการทำ “สงครามที่เป็นธรรม” นั้นต้องทำ เห็นได้จากความชื่นชมที่แสดงออกเมื่อบูรพาสุนัขโดนถล่มจนสิ้นสภาพครั้งนี้ อยู่เฉยอย่างเดียว ชัยชนะจะมาจากไหน ไม่ใช้ยิงข่มเสียบ้าง พวกมันก็จะกร่างทำเราอยู่ข้างเดียว เหมือนสมัยสงกรานต์เลือดปีที่แล้ว