บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2552

เพื่อไทยยื่นถอดถอน “อภิสิทธิ์-เทือก”

ที่มา ไทยรัฐ

เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 3 เม.ย.ที่อาคารรัฐสภา 2 ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย นำโดยนายสุรชัย เบ้าจรรยา ส.ส.สัดส่วน นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงศ์ ส.ส.กทม. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมคณะทำงาน ได้เป็นตัวแทนนำลายมือชื่อ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวน 120 คน ยื่นต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้ดำเนินการถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากบุคคลทั้งสอง มีพฤติการณ์ที่ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 270 โดยนายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า มั่นใจในข้อกฎหมายว่าเอาผิดได้แน่นอน เรื่องนี้ถือว่าปลาตายน้ำตื้น และปลาหมอตายเพราะปาก ได้ ปรึกษาทั้งอดีตอัยการ อดีตผู้พิพากษา รวมทั้งอดีตข้าราชการตำรวจระดับสูงแล้ว เห็นว่ามีความผิดแน่นอน นอกจากนี้จะไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการอีกทางหนึ่งด้วย

ชี้กระทำผิด พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำร้องที่ยื่นถอดถอนได้ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งมอบอำนาจให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไปเป็นประธานกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) และประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) แม้จะออกคำสั่งโดยอ้างอำนาจตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินมาตรา 9, 10, 11, 12 มาตรา 15 และมาตรา 38 โดยผ่านความเห็นชอบของ ครม. แต่ได้ พิจารณาแล้วเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย เนื่องจาก พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน เป็นกฎหมายกลางที่ใช้บังคับทั่วไปสำหรับการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ถือเป็นกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับข้าราชการตำรวจ ซึ่ง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับต่างเป็นกฎหมายที่มีลำดับชั้นเท่ากัน ดังนั้น หากเรื่องใดที่ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ได้บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะแล้วก็ต้องใช้บังคับตามนั้น นายอภิสิทธิ์ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ถือเป็นตำแหน่งสูงสุดในฝ่ายบริหาร กลับออกคำสั่งฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติเสียเอง จึงถือได้ว่ามีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 270 สำหรับนายสุเทพนั้นมีตำแหน่งเป็นถึงรองนายกฯ ย่อมทราบถึงระเบียบการบริหาราชการแผ่นดินดี เมื่อรู้ว่าตนเองไม่มีอำนาจเข้าร่วมประชุมในฐานะประธาน ก.ตร. แล้วยังฝ่าฝืนเข้าร่วมประชุมและมีมติในเรื่องต่างๆ โดยไม่มีอำนาจ จึงถือได้ว่ามีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 270 เช่นเดียวกัน

เทือกเจอ 2 เด้งแทรกแซงราชการ

นอกจากนี้ นายสุเทพยังมีพฤติการณ์กระทำการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ จากกรณีมีคำสั่งถึง รมว. วัฒนธรรม เพื่อส่ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และบุคคลอื่นไปช่วยราชการที่กระทรวงวัฒนธรรม ทั้งที่ไม่ได้กำกับดูแลกระทรวงวัฒนธรรม เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 มีเจตนารมณ์ที่จะแยกอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ในลักษณะตรวจสอบถ่วงดุล โดยฝ่ายนิติบัญญัติ นอกจากมีอำนาจตรากฎหมายแล้ว ยังต้องควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินด้วย โดยมาตรา 122 บัญญัติให้ ส.ส. และ ส.ว.ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ หากมีการกระทำฝ่าฝืนอาจส่งผลให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลงด้วย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (6) จึงถือได้ว่านายสุเทพมีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แม้ต่อมาจะอ้างว่าได้ถอนเรื่องดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่ถือว่าเป็นการพฤติการณ์ที่ได้เกิดขึ้นและสำเร็จลงแล้ว จึงสมควรถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง

สาทิตย์เร่งตีปี๊บผลงาน

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.30 น. ที่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกต ประตูน้ำ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ เมื่อรัฐบาลต้องประชาสัมพันธ์ต่อประชาชนจัดโดยหนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ร่วมกับสมาคมประชาสัมพันธ์โรงแรม ว่าสิ่งที่ท้าทายในขณะนี้คือการชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล รัฐบาลจึงต้องใช้วิธีประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้มากขึ้นด้วยการตั้งวอร์รูมเพื่อประสานและบูรณาการข่าว จัดให้มีพื้นที่สื่อเพื่อประชาสัมพันธ์การทำงานของรัฐบาล โดยจะให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงแถลงข่าวเกี่ยวกับหน้าที่ความรับผิดชอบทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 น. โดยเริ่มตั้งแต่ วันเสาร์ที่ 4 เม.ย.นี้ จะเริ่มที่นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ แถลงเรื่องผลงานของกระทรวงพาณิชย์ และจะใช้เวทีการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาที่จะมีขึ้น พลิกสถานการณ์ให้ประชาชนหันมา สนใจการแก้ปัญหาของประเทศด้วยการจัดให้มีเวทีการหารือร่วมกันระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการอังค์ถัด และนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ซึ่งหวังว่าจะได้รับความสนใจจากนักธุรกิจ รัฐบาลยังเชื่อว่าคนอื่นๆที่ไม่ได้อยู่ในเสื้อสีใดต้องเร่งทำจุดยืนทางการเมืองให้ชัดเจน คือ การทำให้คนไทยรักกัน รัฐบาลมีแนวคิดจัดงานคนไทยรักกันในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ ยอมรับว่าช่วง 1-2 สัปดาห์นี้เป็นช่วงทดสอบ ถ้าผ่านไปได้ จะทำให้การแก้ปัญหาต่างๆเดินหน้าต่อไปได้

นายกฯรับร่วมงานเปิดตัว ภท.

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.40 น. ที่พรรคภูมิใจไทย ถนนพหลโยธิน นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงพร้อมพาผู้สื่อข่าวชมที่ทำการพรรคใหม่ของพรรคภูมิใจไทย โดยนายศุภชัยกล่าวว่า จะมีพิธีเปิดตัวพรรคอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 เม.ย. โดยจะมีพิธีสงฆ์ตั้งแต่ เวลา 07.30 น. จากนั้นจะมีพิธีเปิดและเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ แบบที่ไม่เคยมีพรรคไหนทำมาก่อน ยิ่งใหญ่ ตระการตา น่าตื่นตะลึง โดยจะมี ส.ส. สมาชิกพรรค และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของพรรค รวมถึงแขกที่เชิญไว้ ประมาณ 2,000 คนมาร่วมงาน ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ตอบรับมาร่วมงานแล้ว เมื่อถามว่า หากมีเสื้อแดงมาชุมนุมที่พรรคในวันเปิดตัว จะทำอย่างไร โฆษกพรรคภูมิใจไทยตอบว่า ไม่รู้สึกอะไร เพราะเราไม่เกี่ยวอะไรกับเสื้อแดง แต่จะขึ้นบ้านใหม่ จะมาทำไม ไม่ควรเข้ามายุ่ง แต่หากจะมาร่วมงานก็ยินดี แต่ขอให้เป็นดอกไม้ อย่าเอาอย่างอื่นมา

แจงพ่อตา เนวินเจ้าของตึก

นายศุภชัยกล่าวว่า อาคารที่ทำการพรรคมี 2 อาคาร โดยเจ้าของคือบริษัทของนายคะแนน สุภา บิดาของนางกรุณา ชิดชอบ ภรรยานายเนวิน ชิดชอบ หรือพ่อตาของนายเนวิน ดังนั้น อาคารนี้ไม่ใช่ของนายเนวิน ซึ่งทางพรรคได้เช่าจากบริษัทนี้ จ่ายค่าเช่าเดือนละ 400,000 บาท หากรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมเป็นเดือนละ 750,000 บาท ซึ่งทางพรรคกำหนดให้รัฐมนตรีของพรรคบริจาคคนละ 50,000 บาท และ ส.ส.คนละ 10,000 บาท เพื่อนำมาใช้จ่ายในส่วนนี้ ส่วนพื้นที่ทั้งหมดมี 4,000 ตรม. อาคารหลังที่ 1 จะเป็นห้องประชุม ห้องโถงใหญ่สื่อมวลชน ห้องจัดเลี้ยง และห้องโถงใหญ่เพื่อจัดการประชุมใหญ่ ส่วนอาคารที่ 2 จะเป็นอาคารที่ทำงานของหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค ส.ส.และสมาชิกพรรค เมื่อถามว่าพ่อตาของนายเนวินเป็นเจ้าของตึกและบริษัทชิโนไทยเป็นผู้ตกแต่งอาคาร แสดงว่าตึกนี้เป็นของนายเนวิน และนายอนุทิน ชาญวีรกูล ใช่หรือไม่ นายศุภชัยตอบว่า ไม่ได้พูดแบบนั้น แต่บริษัทของพ่อตานายเนวิน และชิโนไทย เป็นผู้สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางผู้บริหารของพรรคได้สั่งให้นำต้นไม้ใหญ่ที่มีชื่อเป็นมงคล มาปลูกไว้ที่บริเวณด้านหน้าพรรค เช่น ต้นมะยม ต้นมะขาม ต้นไกร ต้นขนุน ต้นยอ และสร้างบ่อน้ำด้านหน้าพรรค และใต้บันไดขึ้นอาคาร เพื่อเสริมดวงตามหลักฮวงจุ้ยทุกประการ

เชื่อ เสนาะรู้ควรเลือกทางไหน

นายศุภชัยยังกล่าวถึงกรณีกระแสข่าวพรรคประชาราชจะเข้าร่วมกับพรรคภูมิใจไทยว่า เรื่องนี้ยังไม่มีการหารือ ระหว่างนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กับแกนนำพรรคภูมิใจไทย แต่อนาคตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง นายเสนาะเป็นผู้ใหญ่ และเป็นกูรูทางการเมือง หากจะตัดสินใจอะไร นายเสนาะก็รู้ว่าอะไรถูกอะไรควร คงรู้ว่าใครจะพาประเทศไปได้ โดยพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคหนึ่งที่เป็นทางเลือก ดังนั้น ก็สามารถที่จะเป็นไปได้ แต่อนาคตทางการเมือง ต้องดูกันอีกครั้ง

โฆษก ภท.แนะรัฐยอมรับเงื่อนไข

โฆษกพรรคภูมิใจไทยกล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 8 เม.ย.นี้ ว่าเกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายเกินสมควร พรรคภูมิใจไทยไม่สบายใจ เพราะกลุ่มเสื้อแดงควรเข้าสู่กระบวนการต่อสู้ทางสภา หากยังมีการชุมนุม ปัญหาจะไม่สามารถยุติได้ ส่วนที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ระบุว่าจะมีคนกลางออกมาไกล่เกลี่ยหลังสงกรานต์นั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เห็นด้วยและหากสามารถเรียกร้องได้ อยากขอให้ยุติการชุมนุม และใช้กระบวนการอื่น เมื่อถามว่า วิธีการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เจรจากับรัฐบาล เห็นด้วยหรือไม่ นายศุภชัยตอบว่า การคุยกัน เป็นแนวทางที่ดี ขณะนี้กำลังดูกันอยู่ว่าจะหาทางเจรจากันอย่างไร โดยหากมองในแง่ของรัฐบาล ถ้าต้องการจะลดเงื่อนไข ก็ไม่ควรละเลย ข้อเสนอของเสื้อแดง ต้องยอมรับว่าเงื่อนไขเหล่านี้ยังมีอยู่ เช่นความไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติ

สดศรีเผยต้องให้ดีเอสไอแจง

วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ส่งสำนวนเงินบริจาคพรรคการเมืองจำนวน 258 ล้านบาท และเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์มาให้ กกต.ตรวจสอบว่าการโอนสำนวนของดีเอสไอที่ส่งมาให้เพียง 6 แผ่น เมื่อวันที่ 27 มีนาคมนั้น ไม่ใช่ส่งเพียงเท่านี้ แต่สำนวนที่จะส่งมาต้องระบุว่ามีการสอบสวนอย่างไร ใครเป็นผู้ร้อง อีกทั้งเอกสารที่ส่งมา 3 พันกว่าหน้านั้น กกต.ยังไม่ทราบว่ามีความเป็นมาอย่างไร เพราะเรื่องนี้ต้องสอบปากคำทางดีเอสไออีกว่าเอกสารบางชุดเกี่ยวพันอะไร เพราะหากดีเอสไอนำสำนวนมาให้ทั้งหมดคงไม่มีปัญหา ทั้งนี้ การที่รัฐบาลบอกว่าสำนวนดังกล่าวควรส่งให้ศาลพิจารณานั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องเพราะศาลเป็นองค์กรที่มีภูมิคุ้มกันอยู่แล้ว ส่วนจะให้พิจารณาให้เสร็จภายใน 7 วันก็คงทำ ไม่ได้ เพราะเอกสารมีเป็นจำนวนมาก และสำนวนที่ส่งมาภายหลังก็ไม่สมบูรณ์ด้วย เมื่อถามว่า กลุ่มคนเสื้อแดงบอกว่า กกต.ถ่วงเวลาและอาจนำม็อบมาประท้วงถึง กกต. นางสดศรีตอบว่า ยินดีหากกลุ่มคนเสื้อแดงจะนำม็อบมายัง กกต. ถ้าจะเผา กกต.ก็ได้ เพราะตอนนี้อาคารมีฝุ่นเต็มไปหมด

ชงสำนวน กกต.หลังสงกรานต์

ด้านนายปกครอง สุนทรสุทธิ์ รองเลขาธิการ กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบเอกสารสำนวนเงินบริจาค 258 ล้านบาทและเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คณะทำงานตรวจสอบเพิ่งได้รับเอกสารสรุปสำนวน และขั้นตอนในขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างชั้นธุรการที่จะต้องสรุปเรื่องถึงเลขาธิการ กกต.ก่อนจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม กกต.ว่าสำนวนดังกล่าวอยู่ในขอบอำนาจของ กกต.และสำนวนดังกล่าวมีมูลหรือไม่ที่ กกต.จะต้องพิจารณา กรอบเวลาของคณะทำงานนั้นคงไม่ใช่ดูเอกสารเพียง 6 หน้า เพราะต้องดูประกอบกับเอกสาร 3 พันกว่าหน้าที่ดีเอสไอได้ส่งมา อีกทั้งเอกสารที่สรุปสำนวนมา 6 หน้า คณะทำงานอ่านแล้วก็ยังไม่เข้าใจด้วยจึงต้องดูเอกสารที่ส่งมาก่อนหน้านี้ประกอบ คาดว่าน่าจะเสนอเรื่องไปยัง กกต.ได้หลังวันสงกรานต์ และคณะทำงานก็ได้ส่งหนังสือเชิญอธิบดีดีเอสไอให้มาตรวจสอบเอกสารที่ส่งมายัง กกต.ในวันที่ 7 เมษายนนี้แล้ว

เรืองไกรดี๊ด๊าทวงเงินเดือน ส.ว.

อีกด้านหนึ่ง ในการประชุมวุฒิสภาที่มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม นายประสพสุขได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า บัดนี้องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาได้มีคำสั่งให้ยกคำร้องที่ กกต.ขอให้ เพิกถอนสิทธินายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ จากสมาชิกวุฒิสภาสายแต่งตั้งแล้ว จึงแจ้งให้ที่ประชุมทราบโดยทั่วกัน จากนั้นนายเรืองไกรได้ลุกขึ้นขอบคุณเพื่อน ส.ว.ที่เป็นกำลังใจการต่อสู้ในชั้นศาล พร้อมทั้งได้สอบถามสิทธิในการรับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งของตนว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภายังให้เพียงแค่เบี้ยประชุมครั้งละ 1,000 เท่านั้น ทำให้ตนไม่พอใช้ ขอให้ประธานวุฒิสภาได้ตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย

ปชป.เปลี่ยนสไบแม่ธรณีแก้เคล็ด

อีกเรื่องหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่พรรคประชาธิปัตย์ได้นำผ้าสไบสีทอง มาห่มที่แม่พระธรณีบีบมวยผมแทนสไบเดิมที่ใช้สีชมพู โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆทั้งนี้ นายภาณุวัฒน์ พันธ์วิชาติกุล หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง กล่าวว่า การเปลี่ยนสไบห่มแม่พระธรณีบีบมวยผมจากสีชมพูเป็นสีเหลืองทองนั้น เป็นไปได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจถือเคล็ดที่ว่าปีนี้เป็นปีฉลู ธาตุดิน ซึ่งจะถูกโฉลกกับสีเหลืองที่สุด จึงคิดว่าจะนำความเป็นมงคลมาให้กับพรรค ขณะที่เดิมแม่พระธรณีฯห่มสไบสีชมพู ซึ่งเป็นธาตุไฟ และอยู่ในโทนแดง จึงอาจคิดได้ว่าเป็นการทำให้สีเหลืองเด่นกว่าสีแดง ซึ่งตรงกับสถานการณ์ ขณะนี้ที่มีปรากฏการณ์สีเหลืองสีแดงอยู่

ล้างอมาตยาธิปไตยเรื่องเลอะเทอะ

วันเดียวกัน นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ปัญหาการเมืองไทยไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นแต่มีมาตั้งแต่ 3-4 ปีก่อนแล้ว แต่ในขณะนี้ยังเชื่อว่าปัญหาดังกล่าวยังอยู่ในวิสัยทัศน์ที่คนไทยจะแก้ปัญหาได้ เนื่องจากปัญหานี้เกิดขึ้นจากคนไทยไม่ ได้เกี่ยวกับต่างประเทศ ส่วนการชุมนุมที่มีอยู่ในขณะนี้จะถือเป็นที่เพิ่มความยุ่งยากให้กับการบริหารประเทศ แต่ก็เชื่อว่าปัญหานี้จะสามารถแก้ไขได้ ส่วนกรณีมีข่าวลือว่ามีบุคคลบางกลุ่มพยายามที่จะล้มล้างระบบอมาตยาธิปไตยนั้น นายอานันท์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เลอะเทอะก็ต้องใช้วิจารณญาณว่าใครพูดเลอะเทอะ ซึ่งถ้ายิ่งพูดกันไปก็เหมือนกับเป็นมัลติไพร์เอฟเฟกต์ โดยในที่สุดประชาชนทุกคนจะต้องเรียนรู้ปัญหาที่แท้จริงและวิเคราะห์เชิงตรรกกะก็จะสามารถเดินหน้าไปได้

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker