“บางกอกทูเดย์” ได้รับจดหมายฉบับนี้ผ่านทาง “อีเมลล์” ซึ่งประชาชนคนหนึ่งได้ส่งเข้ามาที่ “กองบรรณาธิการ” เธอเขียนมาเพื่อ “เปิดอกพูดคุย” และแสดงความในใจของ “คนกรุงเทพฯ” กลุ่มหนึ่ง...ซึ่งสืบเนื่องมาตั้งแต่เหตุการณ์ “ปฏิวัติ” 19 กันยายน 2549เธอเล่าว่า...ดิฉันในฐานะเป็นหนึ่งใน “ไพร่กรุงเทพฯ” และเพื่อนพ้องของดิชั้นอีกจำนวนหนึ่ง...ขอแสดงความในใจของคนกรุงเทพกลุ่มหนึ่งว่า...พวกเราไม่พอใจไม่ต้องการพบเห็น “รัฐประหาร” อีกต่อไปในประเทศไทย ในที่สุดพวกเราจึงไปรวมตัวกันที่เมืองทองธานี...โดยไม่ได้มีใครมาสั่งหรือจ้างให้ไป พวกเราไปสนามกีฬาหัวหมาก สนามกีฬาแห่งชาติ โดยไม่มีใครมา
บังคับ เราฝ่าดงพายุฝนไปวัดไผ่เขียว...ทั้งที่รู้ว่าฝนตกหนักโดยไม่คิดหันกลับ...ไม่สนใจว่ารองเท้าราคาแพงของเราจะพังเสียหายหลังจาก “เมษาเลือด” เพื่อนพ้องของดิชั้นบางคน “ร้องไห้ขมขื่น” เราจึงมาลดความขมขื่นกันด้วยการพบกันที่สนามหลวงอีกครั้งถึงแม้ว่าครั้งนั้นแกนนำจะโดน “จับกุมคุมขัง” แต่พวกเราไม่เคย “ลดละ” และ “ยอมแพ้” ต่อความยากลำบากพวกเราบริจาคเงินเป็นประจำ...ยกเลิกดู “เคเบิ้ล” ของนายทุนที่ให้การสนับสนุน “อำนาจเผด็จ
การ” แล้วเอาเงินค่าเช่าเหล่านั้นมาจ่ายให้บริษัทเพื่อนพ้องน้องพี่ “พีเพิล แชนแนล” นอกจากนี้พวกเรายังร่วม “ลงขัน” ซื้อดาวเทียมให้พี่น้องต่างจังหวัด...เพราะพวกเราเชื่อว่าสิ่งนี้คือการลงทุนที่คุ้มค่าในการ “ให้ปัญญา” กับประชาชนที่กำลังถูกปิดหูปิดตาเมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา...พวกเราได้พากันไป “บริจาคเงิน” ไปนอนข้างถนนราชดำเนินกับพี่น้องจากต่างจังหวัดจนถึงเวลาประมาณตีหนึ่งตีสองจึงกลับมานอนโรงแรมใกล้ๆนั้นบางทียังคิดว่าเป็น
เรื่อง “น่าละอาย” อยู่เหมือนกันที่เอาเปรียบพี่น้องต่างจังหวัด...เพราะพวกเขาเขาต้องใช้ชีวิต “นอนกลางดิน...กินกลางทราย”เรากลับบ้านตอนเช้าเพื่อทำมาหากินทุกวัน...จะเว้นว่างไปก็วันที่มีธุระสำคัญจริงๆ วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม...พวกเราบางคนอยู่ใน “ขบวนพาเหรด” ที่มีประชาชน “คนเสื้อแดง” ทั้งจากกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเข้าร่วมเป็นจำนวนมากดิฉันกับอีกกลุ่มหนึ่งออกจากบ้านไปรอรับพี่น้อง...พบผู้คนมากมายมาจากหลายที่...ซึ่งทุกคนต่างบอก
ว่า “ทนไม่ได้” ต้องออกมาให้กำลังใจพี่น้องเรา เพื่อประสานมือกับพวกเขา...ส่งน้ำส่งขนมพาพวกเขาไปซื้อน้ำซื้อขนมแถวนั้นตั้งแต่สิบเอ็ดโมงจนบ่ายสาม เพื่อนที่อยู่ยมราชก็ยังอยู่เช่นเดิม...ดิชั้นออกไปธุระตอนหกโมงเย็นยังพบว่า “ขบวนคนเสื้อแดง” ยังดำเนินอยู่ต่อไป...เพื่อนที่ยมราชต้องหันกลับไปผ่านฟ้าเราไม่ได้รัก “คุณทักษิณ” เราไม่ได้เกลียด “คุณอภิสิทธ์” แต่เราใช้ความจริงและเหตุผลดูการกระทำของสองท่านนี้ “คุณทักษิณ” พูดบ้านๆ แต่ทำได้...
ส่วน “คุณอภิสิทธ์” พูดดีกว่าคุณทักษิณ แต่ไม่เคยทำได้ ที่สำคัญคือ “มาไม่ถูกต้อง” ขาดภาวะความเป็นผู้นำในยามที่ประเทศชาติมีเหตการณ์วิกฤติ...ไม่กล้าเผชิญหน้า กลับหลบหนี ไม่รู้จักชีวิตที่ติดดินของผู้คน พวกดิชั้นไม่ใช่คนยากไร้มีรายได้ที่มากมาย...มีเงินเสียภาษีปีละหลายล้าน! เราเสียดาย “ค่าภาษี” ที่เอาไปให้รัฐบาลนี้ใช้ในทางที่ผิด...คนกรุงเทพฯ มากมายที่เริ่มหวั่นไหวไม่มั่นใจใน “ผู้นำประเทศ” เพราะไปซ่อนตัวในค่ายทหาร ทำให้พวกเขาเริ่มเห็นด้วยกับ
การ “ยุบสภา” วันนี้การออกข่าวว่า “คนเสื้อแดง”เหลือน้อยแล้ว...ทำให้คนกรุงเทพเริ่มสงสารว่าจะโดน “ทหารล้อมกรอบ” คนกรุงเทพฯ จำนวนมากหันมาเห็นใจม็อบ...ยกเว้นคนที่ถึงอย่างไรก็จะเกลียดคุณทักษิณแม่บ้านของดิชั้นเป็นคนจังหวัดหนึ่งทาง “ภาคอีสาน” ซึ่งเป็นพื้นเพของนักการเมือง “คนดัง” ที่มีอิทธิพลอย่างมากในเกือบทุกรัฐบาลที่ผ่านมาไม่เว้นแม้แต่การส่ง “พรรคประชาธิปัตย์” ขึ้นเป็นรัฐบาลในวันนี้เธอเพิ่งกลับไปเยี่ยมบ้าน...มีการเลือกตั้งครั้งใด
พวกเธอและพี่น้องจะมีรถตู้มารับ และได้รับเงิน “ห้าร้อยบาท” มาตอนนี้เธอบอกว่าที่นั่นมีทั้งรักและไม่รักคนดังที่นั่น...ไม่รักเป็นส่วนใหญ่ ที่รักเป็นส่วนน้อยคือ “หัวคะแนน” ตอนนั้นราคาของพวกเธอพุ่งจากห้าร้อยเป็นหนึ่งพันบาท...แต่ไม่ทราบว่ารับเงินแล้วจะทำตามไหมสุดท้ายนี้...ดิฉันขอเพียงคนเสื้อแดงเชื่อผู้นำ สงบสันติอหิงสา ขอบางส่วนอย่าหยาบคาย บุ่มบ่าม อย่าด่าหรือเหยียบย่ำใครก็ตามที่มีอันต้องล้มลงตรงหน้า ชนะแล้วคือจบ! อย่าทำเหมือนอย่างกับที่ฝ่าย
รัฐบาลทำกับคุณทักษิณ เพราะคนไทยมักสงสาร “คนแพ้เสมอ” อยากให้มองว่า “คุณอภิสิทธิ์” เป็นจุดเปราะบางที่จะทำให้คนไทยสงสารได้ง่ายกว่า “คุณทักษิณ” สุดท้ายไพร่กรุงเทพอย่างพวกเราก็ต้องการให้คุณอภิสิทิ์ “ยุบสภา” เพื่อมาเลือกตั้งกันใหม่วันที่ 27 นี้พวกเราไปผ่านฟ้าแน่นอน! ด้วยความเคารพ ไพร่กรุงเทพและเพื่อนจำนวนหนึ่ง