การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่รุกคืบขับไล่รัฐบาล กดดันให้ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตัดสินใจยุบสภาเป็นคำตอบสุดท้าย เช่นเดียวกับท่าทีของรัฐบาล เช่นเดียวกับกองทัพที่จะรอความชอบธรรมในการดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับคนเสื้อแดง
ใกล้เผชิญหน้า
แม้ต่างฝ่ายพยายามที่จะหลีกเลี่ยงความรุนแรง ไม่ให้กลายเป็นช่องว่างและจุดอ่อน ที่ฝ่ายตรงกันข้ามใช้เป็นข้ออ้างในการเผด็จศึก พยายามที่จะให้เกิดภาพของการต่อสู้ในแนวทางสันติวิธี
จะยื้อไปได้นานแค่ไหน
เมื่อเงื่อนไขการเดิมพันทางการเมืองครั้งนี้หมายถึงอนาคตของแต่ละฝ่าย หมายถึง การเปลี่ยนขั้วการเมือง หมายถึง การเอาแพ้ชนะของประชาธิปไตยอ่อนแอกับเผด็จการซ่อนรูป
รัฐบาลและกองทัพจะยอมแพ้เสื้อแดงไม่ได้เด็ดขาด
ขณะเดียวกัน เสื้อแดงก็จะยอมแพ้ไม่ได้เช่นกัน ยุทธวิธี สงบสยบความเคลื่อนไหวของรัฐบาล ปล่อยให้เสื้อแดงเคลื่อนไหวไปอย่างนี้เรื่อยๆ ตราบใดที่ยังไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น รัฐบาล ก็จะปล่อยไปตามเกม
รอเสื้อแดงอ่อนแรง รอไปจนถึงกลางเดือนเมษายน รอไปจนถึง เทศกาลสงกรานต์ คาดว่าเสื้อแดงก็จะสลายการชุมนุมไปโดยปริยาย ซึ่งแนวโน้มคงเป็นเช่นนั้น ถ้าการกดดันรัฐบาลในลักษณะเช่นนี้ไปเรื่อยๆโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้เข้าร่วมชุมนุมก็คงหมดกำลังใจ อาจจะก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์ด้วยซ้ำไป
และจะเป็นการเสียโอกาสของคนเสื้อแดงครั้งสำคัญ
แต่ถ้ามาตรการของคนเสื้อแดงเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ มีการกระทำไปกระทบกับกล่องดวงใจของรัฐบาลเข้าหรือเปิดช่องที่จะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด รัฐบาลตัดสินใจใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม
ไม่พ้นเหตุการณ์นองเลือด
อย่างที่เคยเกริ่นเอาไว้แล้วว่า บทสรุปของสงครามการ เมืองครั้งนี้ อยู่ที่สองทางเลือกเท่านั้น ไม่ยุบก็ยึด เมื่ออาการล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ เมื่อสถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นนี้แล้ว
เข้าทางอำนาจจากปลายกระบอกปืน
การนำไปสู่การยุติสงครามการเมืองชั่วคราวครั้งนี้ จะต้องก้าวข้ามคราบเลือดและซากศพประชาชนไปมากน้อยแค่ไหน หรืออยู่บนความเสียสละของผู้นำในช่วงแห่งความเป็นความตายของบ้านเมือง
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา สงครามย่อมมีวันยุติ การเคลื่อนทัพครั้งใหญ่ของสองขั้วอำนาจ ย่อมสะเทือนแผ่นดินเป็นธรรมดา ก่อนที่จะทำสงครามขั้นแตกหัก อยากให้จับตาให้ดี
อาจมีเซอร์ไพรส์.
หมัดเหล็ก