บทความโดยลูกชาวนาไทย
หลายฝ่ายอาจวิจารณ์ว่า เป้าหมายการให้ "ยุบสภา" เป็นเป้าหมายที่เล็กและไม่เหมาะสม โดยเฉพาะฝ่ายแดงฮาร์ดคอร์ทั้งหลาย แต่หากคิดให้ลึกซึ้งการยุบสภา เป็นเป้าหมายทาง "ยุทธวิธี" เท่านั้น ไม่ใช่เป้าหมายทางยุทธศาสตร์แต่อย่างใด เป้าหมายทางยุทธศาสตร์คือ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองไทยให้เป็นประชาชธิปไตยที่สมบูรณ์
แต่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองใด ๆ ได้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง "โครงทางทางความคิด" ของประชาชนในสังคมนั้นเสียก่อน เพราะหากโครงสร้างทางความคิดของผู้คนยังไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองอย่างไร มันก็ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด ดูได้จาก ประเทศไทยเปลี่ยนจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิ์ราชย์ มาเป็นประชาธิปไตย กว่า 78 ปีแล้ว แต่คนไทยที่ยังนับถือ "ระบอบซาบซึ้ง" อยู่ ในที่สุดประเทศไทย ก็ยังเป็นระบอบ "เทวราชา" หรือระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในความคิดของผู้คนอยู่ หาได้เป็นประชาธิปไตย แต่อย่างใดไม่
อำนาจของราชสำนัก และเครือข่ายของคนที่อยู่ใกล้ชิดสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ยังคงมีมากมายเหนือรัฐธรรมนูญอยู่ แม้ว่าจะมีรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษรที่เป็นประชาธิปไตย แต่ "รัฐธรรมนูญทางจิตใจ" ก็ยังเป็นระบอบราชาธิปไตยอยู่
เมืองไทย เลยไม่ได้มีประชาธิปไตย แต่อย่างใด
แต่สามปีมานี้ โครงสร้างทางความคิดของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปมาก มากกว่าที่เคยเปลี่ยนแปลงมา 75 ปี ก่อนหน้านี้ "รัฐธรรมนูญทางจิตใจ" ของประชาชนได้เปลี่ยนจากระบอบราชาธิปไตยไปแล้ว และหน่อของระบอบประชาธิปไตยได้เติบโตขึ้นแล้ว ระบอบซาบซึ้ง ได้ตายสนิทของไปแล้ว "รัฐธรรมนูญลาลลักษณ์อักษร” ในที่สุดแล้วก็จะเปลี่ยนแปลงตามมาในที่สุด
ดังนั้น การเจรจากับรัฐบาลชองแกนนำเสื้อแดงครั้งนี้ ระหว่างคุณวีระ คุณจตุพร และ คุณหมอเหวง หากมีข้อสรุปว่า จะมีการยุบสภาในเงื่อนไขเวลาใด เช่น 3 เดือน ผมก็ยอมรับได้ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของเราคือ “ต้องการยกระดับสงครามขึ้นไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางจิตใจ” ของประชาชน
ไม่ต้องกลัวว่ารัฐบาลจะโกหก เพราะเราสามารถนัดชุมนุมใหญ่ได้อีกครั้งหนึ่งเมื่อเงื่อนไขเวลานั้นมาถึง เพื่อที่จะทวงถาม
ในระหว่างนี้ คนเสื้อแดงจะได้เดินยุทธวิธี การจัดตั้งเครือข่ายต่อไป โดยใช้ โรงเรียน นปช.เป็นแกนหลักในการจัดตั้งเครือข่ายติดอาวุธทางความคิด และให้ผู้ที่เข้ามาร่วมชุมนุมทั้งหมดแปรสภาพเป็น “ผู้ปฎิบัติงานทางความคิด” ของคนเสื้อแดงต่อไป
ต้องยอมรับว่าสงครามนี้เป็น “สงครามยืดเยื้อ” การต่อสู้กับอาณาจักรเทพเจ้า ต้องทำลายความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ และอุปสรรคทางด้านจิตใจให้หมดเสียก่อน
ก็อย่างที่ผมเคยเขียนบทความไว้ว่า แนวรบของคนเสื้อแดงมี 2 แนวรบ ที่ไม่ประสานงานกัน คือ แนวรบบนดินของ นปช. และแนวรบใต้ดินต่างๆ เช่น นปช.ยูเอสเอ+ชูพงษ์ เป็นต้น ผมให้น้ำหนักของแนวรบใต้ดินในการทำสงครามทางความคิด ต่าง ๆ เช่น การแจกซีดี หรือ เผยแพร่ความคิดผ่านช่องทางต่างๆ แนวรบนี้เป็นการมุ่งทำลาย “อาณาจักรเทพเจ้า” และความศักดิ์สิทธิ์ลง และมุ่งสถาปนา “รัฐธรรมนูญทางจิตใจ” ของผู้คนให้สมบูรณ์
ส่วนแนวรบบนดินนั้น มุ่งสร้างเครือข่ายการจัดตั้ง และผู้ปฎิบัติงานต่างๆ ของคนเสื้อแดง เพื่อเอาชนะทางการเมืองอาจจะผ่านการเลือกตั้งหรืออย่างอื่นก็ตามแต่มันคือ พรรคการเมืองมวลชนของคนเสื้อแดง
เมื่อกำลังการจัดตั้งสมบูรณ์ การสถาปนารัฐธรรมนูญทางจิตใจสมบูรณ์ ชัยชนะทางการเมือง ก็มองเห็นได้อยู่แล้ว เพราะประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางความคิดไปแล้ว โครงสร้างทางการเมือง ก็จะเปลี่ยนแปลงตามมาในที่สุด
การเปลี่ยนแปลงใหญ่ใดๆ ต้องการเวลา การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยในขณะนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคน ไม่มีที่ทางให้กับระบอบซาบซึ้งอีกต่อไป ก็ต้องการเวลาสำหรับการเปลี่ยนโครงสร้างทางความคิดของผู้คนอีกต่อไป
เครือข่ายของคนเสื้อแดง ซึ่งในขณะนี้ ผมคิดว่ามีความสมบูรณ์มากแล้ว แม้แต่โครงสร้างทางความคิดของคนเสื้อแดงที่เข้ามาร่วมชุมนุมจะเปลี่ยนแปลงมากแล้ว แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์อย่างแท้จริง บางคนก็ยังไม่ตาสว่างอย่างแท้จริง แต่ก็พอจะทราบข้อมูลมากแล้ว เพราะการชุมนุมที่ผ่านมา16 วัน การไหลเวียนของข้อมูลในระดับวงการสนทนาย่อยนั้น มีมากมายมหาศาลแล้ว และรู้ว่า “ใครคือตัวปัญหาที่แท้จริงในขณะนี้แล้ว”