คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
เขียนไปเมื่อวานว่า รัฐบาลต้องเร่งเจรจาหาทางออกเพื่อคลี่คลายบรรยากาศทางการเมือง เพราะระเบิดสร้างสถานการณ์ได้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นจนเข้าขั้นวิกฤตแล้ว
น่ายินดีที่นายกฯได้ตัดสินใจยอมเปิดโต๊ะพูดคุยกันแล้ว เริ่มยกแรกเมื่อวันอาทิตย์
แม้ว่าตอนเช้าวันนั้นจะออกโทรทัศน์แถลงการณ์พิเศษอย่างแข็งกร้าว
แต่พอช่วงเที่ยง มีอาการอ่อนระทวย ยอมรับนัด
การเจรจาคงจะให้จบง่ายๆ ในวันเดียว รอบเดียว ย่อมเป็นไปไม่ได้
แต่ยังไงก็ดีกว่า การดื้อดึงไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว นั่นจะมีแต่ทำให้ทุกอย่างตึงเครียดขึ้น
เอ็ม 26 เอ็ม 67 เอ็ม 79 และอีกสารพัดเอ็มจะทำงานถี่ยิบขึ้น สร้างความสูญเสียให้กับประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้อง พลอยบาดเจ็บเสียเลือดเนื้อไปด้วย!
เพราะเรื่องการตั้งด่านสกัดกั้นป้องกัน เรื่องการสืบจับหลังก่อเหตุ
สรุปแล้วไม่ได้ผลเพียงพอ
การแก้ที่ดีที่สุด คือ ต้องว่ากันที่ต้นตอความขัดแย้ง นั่นคือต้องคลี่ปมปัญหาทางการเมือง
อันนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล เพราะข้อเรียกร้องของฝ่ายม็อบ ไม่ขัดแย้งกับหลักประชาธิปไตย นั่นคือการยุบสภา
ขณะที่นายกฯเองก็ไม่เคยปิดกั้นหนทางยุบสภา เพียงแต่จะให้ม็อบมาบีบแล้วยอมง่ายๆ คงไม่ได้ แต่สุดท้ายเมื่อยอมคุยกัน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี!
มาตรการที่ผ่านมา ใช้การระดมตำรวจและทหาร ออกตั้งด่าน ไปจนถึงตั้งจุดปฏิบัติการทั่วเมืองกรุง
ยิ่งกลายเป็นเป้านิ่งให้มือระเบิดทดสอบฝีมือทุกค่ำคืน
ช่วงระยะ 2 วันหลัง ดูเหมือนเป้าหมายของระเบิดมุ่งเน้นๆ ไปที่ทหารโดยตรง!!
ขณะที่ม็อบเสื้อแดงเอง ก็เข้ารุกไล่ทหารที่มาตั้งจุดปฏิบัติการตามที่ต่างๆ ไปจนถึงการนัดเคลื่อนทัพใหญ่ไปล้อมราบ 11
ฝ่ายทหารคงคิดไปคิดมาแล้วสรุปได้ว่า เรื่องอะไรจะต้องกลายเป็นคู่ชกกับม็อบและมือระเบิดลึกลับ
เช้าวันนั้นนายกฯ อาจจะแถลงแข็งกร้าว ไม่ยุบ และถ้าบุกมาราบ 11 อาจจะเจอกฎอัยการศึก
แต่พอเที่ยงๆ กลับอ่อนข้อดื้อๆ
ลือกันว่าเจ้าของสถานที่พักพิงของนายกฯและรัฐบาลนั้น ชักทนไม่ไหว
ล่าสุดม็อบเสื้อแดงระดมได้เกือบ 3 แสน มากันมืดฟ้ามัวดินขนาดนี้
คงมีใครกระซิบว่าต้องคุยกับเขาแล้วละท่านนายกฯ!
วงค์ ตาวัน
เขียนไปเมื่อวานว่า รัฐบาลต้องเร่งเจรจาหาทางออกเพื่อคลี่คลายบรรยากาศทางการเมือง เพราะระเบิดสร้างสถานการณ์ได้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นจนเข้าขั้นวิกฤตแล้ว
น่ายินดีที่นายกฯได้ตัดสินใจยอมเปิดโต๊ะพูดคุยกันแล้ว เริ่มยกแรกเมื่อวันอาทิตย์
แม้ว่าตอนเช้าวันนั้นจะออกโทรทัศน์แถลงการณ์พิเศษอย่างแข็งกร้าว
แต่พอช่วงเที่ยง มีอาการอ่อนระทวย ยอมรับนัด
การเจรจาคงจะให้จบง่ายๆ ในวันเดียว รอบเดียว ย่อมเป็นไปไม่ได้
แต่ยังไงก็ดีกว่า การดื้อดึงไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว นั่นจะมีแต่ทำให้ทุกอย่างตึงเครียดขึ้น
เอ็ม 26 เอ็ม 67 เอ็ม 79 และอีกสารพัดเอ็มจะทำงานถี่ยิบขึ้น สร้างความสูญเสียให้กับประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้อง พลอยบาดเจ็บเสียเลือดเนื้อไปด้วย!
เพราะเรื่องการตั้งด่านสกัดกั้นป้องกัน เรื่องการสืบจับหลังก่อเหตุ
สรุปแล้วไม่ได้ผลเพียงพอ
การแก้ที่ดีที่สุด คือ ต้องว่ากันที่ต้นตอความขัดแย้ง นั่นคือต้องคลี่ปมปัญหาทางการเมือง
อันนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล เพราะข้อเรียกร้องของฝ่ายม็อบ ไม่ขัดแย้งกับหลักประชาธิปไตย นั่นคือการยุบสภา
ขณะที่นายกฯเองก็ไม่เคยปิดกั้นหนทางยุบสภา เพียงแต่จะให้ม็อบมาบีบแล้วยอมง่ายๆ คงไม่ได้ แต่สุดท้ายเมื่อยอมคุยกัน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี!
มาตรการที่ผ่านมา ใช้การระดมตำรวจและทหาร ออกตั้งด่าน ไปจนถึงตั้งจุดปฏิบัติการทั่วเมืองกรุง
ยิ่งกลายเป็นเป้านิ่งให้มือระเบิดทดสอบฝีมือทุกค่ำคืน
ช่วงระยะ 2 วันหลัง ดูเหมือนเป้าหมายของระเบิดมุ่งเน้นๆ ไปที่ทหารโดยตรง!!
ขณะที่ม็อบเสื้อแดงเอง ก็เข้ารุกไล่ทหารที่มาตั้งจุดปฏิบัติการตามที่ต่างๆ ไปจนถึงการนัดเคลื่อนทัพใหญ่ไปล้อมราบ 11
ฝ่ายทหารคงคิดไปคิดมาแล้วสรุปได้ว่า เรื่องอะไรจะต้องกลายเป็นคู่ชกกับม็อบและมือระเบิดลึกลับ
เช้าวันนั้นนายกฯ อาจจะแถลงแข็งกร้าว ไม่ยุบ และถ้าบุกมาราบ 11 อาจจะเจอกฎอัยการศึก
แต่พอเที่ยงๆ กลับอ่อนข้อดื้อๆ
ลือกันว่าเจ้าของสถานที่พักพิงของนายกฯและรัฐบาลนั้น ชักทนไม่ไหว
ล่าสุดม็อบเสื้อแดงระดมได้เกือบ 3 แสน มากันมืดฟ้ามัวดินขนาดนี้
คงมีใครกระซิบว่าต้องคุยกับเขาแล้วละท่านนายกฯ!