คอลัมน์ |
คิดเหนือข่าว |
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ |
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2766 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 26 มีนาคม 2010 |
โดย เรืองยศ จันทรคีรี |
เรื่องของไพร่กับอำมาตย์ดูจะเป็นที่ตระหนกตกใจและไม่เข้าใจของหลายคน จะเป็นคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือจะเป็นคุณชวน หลีกภัย ก็ตาม... ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาหลายวงสนทนาจึงมีปัญหาถกเถียงกันมากถึงนิยามเกี่ยวกับไพร่...
ขณะที่คุณอภิสิทธิ์ตั้งข้อสงสัยถึงฐานะมหาเศรษฐีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เลยตั้งคำถามว่า “แล้วทักษิณจะเป็นไพร่ได้อย่างไร?” คำถามตรงนี้ก็น่าสนใจ พอๆกับคำถามของคุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งมองว่าคุณชวน หลีกภัย ความจริงท่านก็เป็นไพร่ เพียงแต่ไปรับใช้อำมาตย์ ได้ประโยชน์จากระบอบอำมาตย์ ก็เลยเปลี่ยนจิตสำนึกที่ไม่เห็นใจและไม่เข้าใจชนชั้นไพร่ด้วยกัน ผมว่าคำอธิบายต่างๆเกี่ยวกับไพร่มีอยู่หลายแง่มุมที่จะต้องถกแถลงกันต่อไป แต่สำหรับเบื้องต้นเอาความหมายของคุณจตุพร พรหมพันธุ์ มาปูเป็นภาพความเข้าใจพื้นฐาน ผมว่าก็พอจะสร้างความเข้าใจได้ เขาบอกว่า “ไพร่คือคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรม จะมีความผิดถ้าไม่ยินยอมไปสวามิภักดิ์กับพวกอำมาตย์” อธิบายอย่างนี้และความเข้าใจในช่วงสมัยปัจจุบันยังนับว่าใช้ได้ สรุปไพร่คือขั้วตรงข้ามกับอำมาตย์ เช่นนี้คงชัดดีนะครับ?
ปัญหาความไม่ยุติธรรมที่แบ่งให้เกิดชนชั้นผู้กดขี่และถูกกดขี่ เรื่องราวเช่นนี้มีมาทั่วโลก จะย้อนประวัติศาสตร์กลับไปนับพันปีเราก็จะพบเหตุการณ์เช่นนั้นได้มากมายทีเดียว อาจยกตัวอย่างที่เป็นประวัติของ “สปาร์ตาคัส” เขาเกิดเป็นทาสชาวธเรส ...เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนจะมีการเลิกทาสโรมันในราว 200 ปี ยุคนั้นพวกทาสต้องทำงานหนัก อดอยาก โดนเฆี่ยนตีถ้าไม่เชื่อฟัง อาจถูกขายต่อไปให้ใครก็ได้ที่เสนอราคาเป็นที่พึงพอใจ ทาสผู้ชายใช้แรงงาน ส่วนผู้หญิงทำงานทุกอย่างที่ได้รับคำสั่ง ลูกที่เกิดมาก็จะเป็นทาส ครั้นโตขึ้นพอทำงานได้เขาจะขายออกไป... ทาสในสมัยโรมันจำต้องยอมรับสภาพเช่นนี้ แต่ไม่ใช่สปาร์ตาคัส โดยมีนิสัยชอบขัดขวางกฎต่างๆอยู่เสมอ ผลสุดท้ายทำให้สปาร์ตาคัสถูกลงโทษและถูกขายออกไปกลายเป็น “แกลดิเอเตอร์” หมายถึงเป็นทาสที่ใช้ต่อสู้เพื่อประลองสำหรับความสนุกสนานของคนดู คือกลายเป็นสัตว์เลี้ยงอีกชนิดหนึ่ง ถ้าแพ้ก็ตายคาสนาม แม้พวกพ่อค้าทาสจะไม่อยากให้ทาสต้องต่อสู้จนถึงตาย เพราะถือว่าเป็นการขาดทุน...
สปาร์ตาคัสกลายเป็นแกลดิเอเตอร์ที่มีชื่อเสียง จนสุดท้ายเขาสามารถสร้างกองกำลังของตัวเอง แล้วช่วยเหลือทาสที่ถูกกักขังใช้งานตามเมืองหลายๆแห่ง เพิ่มกองกำลังทาสขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายสปาร์ตาคัสกลายเป็นศัตรูตัวยงของกรุงโรม เขาเองหนีไม่รอดชะตากรรมในที่สุด ถูกสังหารตรึงกับกางเขน... อาจจะบอกได้ว่าสปาร์ตาคัสเกิดมาอย่างทาส สู้อย่างทาส และตายไปอย่างทาส ชีวิตของทาสโรมันยุคนั้นไม่มีอะไรจริงๆ อย่างมากแค่ได้สู้?
ทาสโรมันกับทาสไทยในสมัยสุโขทัยหรือรวมทั้งพวกไพร่ เมื่อเปรียบเทียบแล้วสังคมของเรายังดีกว่าเยอะ อาจวิเคราะห์โดยทฤษฎีเศรษฐศาสตร์การเมืองต้องบอกว่า “โรมันนั้นเป็นสังคมทาส จึงต้องใช้แรงงานทาส ส่วนไทยเราไม่น่าจะเป็นสังคมทาสเมื่อช่วงสุโขทัย อาจกล่าวได้เพียงเป็นสังคมที่มีทาสเท่านั้น” ความหมายของทาสและไพร่สำหรับสยามเห็นจะไปเปรียบเทียบกันไม่ได้กับชีวิตของสปาร์ตาคัส แล้วถ้าเจาะลึกลงไปในรายละเอียด เรื่องของทาสและไพร่ก็มีพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไป
ในสมัยอยุธยาดูว่าพวกทาสและไพร่จะถูกกดขี่ข่มเหง มีความเป็นอยู่ที่ยากลำบากมากกว่าสมัยสุโขทัย ชี้ให้เห็นระบบของโครงสร้างอำนาจรัฐไทยย่อมมีอิทธิพลอย่างแยกไม่ออกจากวิถีของทาสและไพร่ โดยเฉพาะไพร่นั้นเป็นฐานเพื่อรองรับอำนาจบารมีของมูลนาย รวมจนถึงพระมหากษัตริย์เมื่อสมัยนั้น...
มาจนถึงปัจจุบันเราไม่มีทั้งทาสและไพร่อีกแล้ว แต่โดยความเข้าใจผมคิดว่าเรื่องเหล่านี้ยังคงอยู่ในลักษณะของการเป็นจิตสำนึกที่ครอบงำระบบคิด ซึมอยู่ในวัฒนธรรมอำนาจ แม้ไพร่จะไม่มีให้เห็น หรือเราอาจบอกว่าสภาพของไพร่เปลี่ยนไป เช่นเดียวกับความหมายและความเข้าใจก็จะต้องอธิบายให้แตกต่างไปจากสมัยสุโขทัย อยุธยา หรือรัตนโกสินทร์ตอนต้น... ถึงปัจจุบันนี้เราคงเหลือแต่อุปาทานและจิตสำนึกไพร่ ซึ่งยังไม่ได้เจือจางไปไหนโดยสิ้นเชิง...
อย่างไรก็ตาม ผมยังเห็นด้วยว่าปัญหาของไพร่ในสังคมไทยทุกวันนี้ยังมีอยู่ เรื่องของชนชั้นทางเศรษฐกิจคงเกี่ยวข้องและมีส่วนอยู่เหมือนกัน แต่ตรงนี้ไม่ได้เป็นเส้นแบ่งหลัก เส้นแบ่งความเป็นไพร่จริงๆเห็นจะเป็นการถูกรังแกข่มเหง ไม่ได้รับความยุติธรรมจากผู้ปกครองซึ่งเราระบุให้เป็นอำมาตย์... อาจมองตรงนี้ได้ว่าไพร่คือชนชั้นที่อยู่ต่ำลงมาจากบรรดาอภิสิทธิ์ชน ทำให้ไพร่ไม่มีอภิสิทธิ์ เอาเรื่องเส้นแบ่งของอภิสิทธิ์และการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรมภายใต้เครือข่ายอุปถัมภ์ของอำมาตย์ ถ้าอธิบายอย่างนี้เราก็จะเข้าใจถึงความหมายของสภาวะไพร่ภายใต้สังคมโลกาภิวัตน์ปัจจุบัน?
ยิ่งเอาเรื่องยุติธรรม 2 มาตรฐานมาจัดแบ่งชนชั้น เราก็จะพบว่าชนชั้นไพร่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเสียยิ่งกว่าไปจัดแบ่งโดยเหตุผลของชนชั้นทางเศรษฐกิจ ความหมายไพร่จึงเป็นเรื่องของจิตสำนึกที่ได้รับจากการถูกกดขี่ข่มเหงครับ...