ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
แม้จะเป็นเรื่องที่พอคาดเดาได้ว่า ปฏิบัติการวางระเบิด ขว้างระเบิด ยิงระเบิด เพื่อสร้างสถานการณ์ทางการเมืองจะต้องถี่ยิบมากขึ้น แต่ถึงเวลานี้ต้องถือว่า เกิดเหตุมากเกินไป และเขย่าขวัญประชาชนอย่างรุนแรงจนเริ่มจะรับไม่ไหว
ราว 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเสียงระเบิดเกินกว่า 20 ครั้ง ซึ่งเข้าขั้นวิกฤต
*นี่คือเมืองหลวง ไม่ใช่พื้นที่เขตก่อการร้าย*
จากที่ทำให้ทรัพย์สินตามสถานที่ต่างๆ เสียหาย ตอนนี้เริ่มทำให้มีผู้บาดเจ็บเสียเลือดเนื้อแล้ว
รัฐบาลจะหลบรักษาตัวรอดอยู่ภายในกรมทหาร ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนต่อไป คงไม่ได้แล้วกระมัง
พูดในแง่ประชาชน คงต้องเรียกร้องให้รัฐบาล เร่งคลี่คลายปมเงื่อนทางการเมือง ซึ่งผูกโยงอยู่กับเสียงระเบิด
ถ้าการเมืองลดอุณหภูมิ เสียงระเบิดย่อมซาไปด้วย!
อาจจะยังหาบทสรุปที่ชัดเจนไม่ได้ว่า ต้นตอมือระเบิดป่วนเมือง เป็นฝ่ายไหน สีไหนกันแน่
ต่างฝ่ายต่างโทษกันไปมา
*ฝ่ายม็อบก็หาว่า รัฐบาลสร้างสถานการณ์ เพื่อหาเหตุใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปจนถึงหาเหตุปราบม็อบ*
ฝ่ายรัฐบาลก็โยนกลับไปว่า มือระเบิดต้องการสร้างความระส่ำระสายในบ้านเมือง เพื่อกล่าวหาว่ารัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ รวมทั้งระบุทำนองว่า กลุ่มเสื้อแดงเองก็แตกแยกจนคุมกันไม่ได้
มองในแง่ชาวบ้าน ไม่สามารถเชื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้!
ทุกฝ่ายมีเหตุผลพอจะลงมือสร้างสถานการณ์เพื่อนำไปสู่ผลประโยชน์ของฝ่ายตนบางประการ
ขณะเดียวกัน อาจจะต้องกล่าวโทษประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งตำรวจและทหาร ตั้งด่านกันเต็มเมือง แต่เหตุใดปล่อยให้คนร้ายลงมือในแทบทุกคืน
อย่างรายที่ใช้อาร์พีจี ไม่ใช่อาวุธขนาดเล็ก แถมในรถปิกอัพบรรทุกอาวุธอีกสารพัด ขับผ่านด่านอย่างลอยนวล
แต่ถึงที่สุด ต้องยอมรับว่า การแก้ปัญหาด้วยตำรวจทหารเป็นปลายเหตุ
ต้นเหตุคือต้องแก้ที่การเมือง
ไม่ต้องไปหงอม็อบ ไม่ต้องไปยอมรับแผนทักษิณหรอก
แต่แค่เปิดเจรจาหาทางออกในแนวทางประชาธิปไตย เพื่อคลี่คลายบรรยากาศการเมือง
*ด้วยท่วงทำนองของรัฐบาลที่รับฟังเสียงประชาชนทุกกลุ่ม ทุกสี ไม่ใช่แค่ฟังสีเหลืองสีเดียว*
ยืดอกรับฟังและมีข้อสนองตอบที่เหมาะสม
แค่นี้ก็ทำไม่ได้!
วงค์ ตาวัน
แม้จะเป็นเรื่องที่พอคาดเดาได้ว่า ปฏิบัติการวางระเบิด ขว้างระเบิด ยิงระเบิด เพื่อสร้างสถานการณ์ทางการเมืองจะต้องถี่ยิบมากขึ้น แต่ถึงเวลานี้ต้องถือว่า เกิดเหตุมากเกินไป และเขย่าขวัญประชาชนอย่างรุนแรงจนเริ่มจะรับไม่ไหว
ราว 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเสียงระเบิดเกินกว่า 20 ครั้ง ซึ่งเข้าขั้นวิกฤต
*นี่คือเมืองหลวง ไม่ใช่พื้นที่เขตก่อการร้าย*
จากที่ทำให้ทรัพย์สินตามสถานที่ต่างๆ เสียหาย ตอนนี้เริ่มทำให้มีผู้บาดเจ็บเสียเลือดเนื้อแล้ว
รัฐบาลจะหลบรักษาตัวรอดอยู่ภายในกรมทหาร ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนต่อไป คงไม่ได้แล้วกระมัง
พูดในแง่ประชาชน คงต้องเรียกร้องให้รัฐบาล เร่งคลี่คลายปมเงื่อนทางการเมือง ซึ่งผูกโยงอยู่กับเสียงระเบิด
ถ้าการเมืองลดอุณหภูมิ เสียงระเบิดย่อมซาไปด้วย!
อาจจะยังหาบทสรุปที่ชัดเจนไม่ได้ว่า ต้นตอมือระเบิดป่วนเมือง เป็นฝ่ายไหน สีไหนกันแน่
ต่างฝ่ายต่างโทษกันไปมา
*ฝ่ายม็อบก็หาว่า รัฐบาลสร้างสถานการณ์ เพื่อหาเหตุใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปจนถึงหาเหตุปราบม็อบ*
ฝ่ายรัฐบาลก็โยนกลับไปว่า มือระเบิดต้องการสร้างความระส่ำระสายในบ้านเมือง เพื่อกล่าวหาว่ารัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ รวมทั้งระบุทำนองว่า กลุ่มเสื้อแดงเองก็แตกแยกจนคุมกันไม่ได้
มองในแง่ชาวบ้าน ไม่สามารถเชื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้!
ทุกฝ่ายมีเหตุผลพอจะลงมือสร้างสถานการณ์เพื่อนำไปสู่ผลประโยชน์ของฝ่ายตนบางประการ
ขณะเดียวกัน อาจจะต้องกล่าวโทษประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งตำรวจและทหาร ตั้งด่านกันเต็มเมือง แต่เหตุใดปล่อยให้คนร้ายลงมือในแทบทุกคืน
อย่างรายที่ใช้อาร์พีจี ไม่ใช่อาวุธขนาดเล็ก แถมในรถปิกอัพบรรทุกอาวุธอีกสารพัด ขับผ่านด่านอย่างลอยนวล
แต่ถึงที่สุด ต้องยอมรับว่า การแก้ปัญหาด้วยตำรวจทหารเป็นปลายเหตุ
ต้นเหตุคือต้องแก้ที่การเมือง
ไม่ต้องไปหงอม็อบ ไม่ต้องไปยอมรับแผนทักษิณหรอก
แต่แค่เปิดเจรจาหาทางออกในแนวทางประชาธิปไตย เพื่อคลี่คลายบรรยากาศการเมือง
*ด้วยท่วงทำนองของรัฐบาลที่รับฟังเสียงประชาชนทุกกลุ่ม ทุกสี ไม่ใช่แค่ฟังสีเหลืองสีเดียว*
ยืดอกรับฟังและมีข้อสนองตอบที่เหมาะสม
แค่นี้ก็ทำไม่ได้!