การเมืองพลิกผันรวดเร็วเหลือเกิน แค่เช้าสายบ่ายเย็นการเมืองก็พลิกผันเป็นหนังคนละม้วนไปเลย
เช้านายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยืนยันจะไม่เจรจากับกลุ่มเสื้อแดง
สายนายกฯอภิสิทธิ์ยอมเจรจากับแกนนำ นปช.ด้วยตัวเอง แต่ตั้งเงื่อนไข ให้ม็อบเสื้อแดงที่ล้อมราบ 11 ต้องถอยกลับไป
บ่าย...กลุ่มเสื้อแดงยอมถอนกำลังจากหน้าราบ 11 ตามเงื่อนไขของนายกรัฐมนตรี
เย็น...นายกฯอภิสิทธิ์, ชำนิ ศักดิเศรษฐ กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ นั่งโต๊ะเจรจากับ วีระ มุสิกพงศ์ หมอเหวง โตจิราการ และจตุพร พรหมพันธุ์
การเมืองพลิกจากการเผชิญหน้าเข้า สู่กระบวนการเจรจาในเวลาแค่ 6 ชั่วโมง!!
เป็นครั้งแรกในประวัติที่มีการเจรจาถ่ายทอดสดทางทีวีให้ประชาชนทั้งประเทศได้มีส่วนร่วมโดยตรง
ข้อดีของการถ่ายทอดสดทางทีวีคือเปิดโอกาสให้คนไทยทุกกลุ่มทุกฝ่ายได้เห็นบรรยากาศจริงๆของการเจรจา ได้ยินทุกคำพูด ที่แต่ละคนกล่าวออกมา
แต่ถ้ามองอีกมุม...การถ่ายทอดสดทีวีก็มีข้อเสีย เพราะประเด็นเจรจามีความละเอียดอ่อน ต้องพาดพิงถึงบุคคลอื่นและสถาบันอื่นๆค่อนข้างรุนแรง
แต่เอาเถอะ...เมื่อมีการถ่ายทอดสดผ่านจอทีวี "แม่ลูกจันทร์" เห็นว่าการเจรจา ของรัฐบาลกับแกนนำเสื้อแดงดำเนินไปด้วยบรรยากาศที่ดี
ทั้งสองฝ่ายได้เสนอแนวคิดของตัวเองต่อประเด็นการยุบสภาฯให้ประชาชนได้พิจารณา อย่างละเอียดทุกแง่ทุกมุม
ใครเห็นด้วยกับจุดยืนของรัฐบาล? หรือใครเห็นด้วยกับจุดยืนของแกนนำ นปช.? ก็เชิญตามสบาย
สำหรับ "แม่ลูกจันทร์" เห็นด้วยกับ
ทั้งสองฝ่ายบางประเด็น และไม่เห็นด้วยกับทั้งสองฝ่ายในบางประเด็น
แต่ประเด็นที่เห็นด้วยอย่างยิ่ง คือในสภาวะที่สังคมไทยป่วยหนักเพราะความแตกแยก เกลียดชังฝังลึกเกินเยียวยา
ภายใต้สังคมที่แตกกันยับอย่างนี้... ประเทศชาติเดินหน้าไม่ได้แน่นอน!!
นอกจากเดินหน้าไม่ได้ ยังเดินใกล้จุดแตกหักเข้าไปทุกที
ส่วนประเด็นที่สองฝ่ายมีความเห็นทางเดียวกัน คือเห็นว่าการปฏิวัติ 19 กันยายน สร้าง บาดแผลใหญ่ให้กับประเทศไทย
โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญฉบับมดลูก คมช. หลายประเด็นไม่สอดคล้องหลักการประชาธิปไตย
แต่ประเด็นที่รัฐบาลกับแกนนำเสื้อแดงขัดแย้งกันอย่างจัง...
คือนายกฯอภิสิทธิ์ยังไม่พร้อมยุบสภาฯ
เพราะไม่เชื่อว่าการยุบสภาฯเป็นยาวิเศษ ที่ทำให้ประเทศก้าวพ้นวิกฤติได้จริง
ในฐานะรัฐบาล ต้องฟังความเห็นทุกฝ่าย ไม่ใช่ฟังเสื้อแดงกลุ่มเดียว
ส่วนแกนนำเสื้อแดงยืนยันข้อเรียกร้องเดิม คือขอให้ "อภิสิทธิ์" ตัดสินใจยุบสภาฯ ภายใน 15 วัน
เพราะการยุบสภาฯ คือการยุติความขัดแย้งด้วยการคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินอนาคตตัวเอง
ถ้า อภิสิทธิ์ ยุบสภาฯ ม็อบเสื้อแดงจะ สลายตัวกลับบ้านทันที
นายกฯอภิสิทธิ์ จะไปหาเสียงที่ไหนก็จะไม่มีเสื้อแดงตามรังควาน
ถ้าประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล "อภิสิทธิ์" จะกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งอย่างสง่างาม และกลุ่มเสื้อแดงจะเคารพการตัดสินใจของประชาชน
เมื่อจุดยืนสองฝ่ายขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง การนั่งโต๊ะเจรจาเพื่อยุติวิกฤติอันตรายก็เจอทางตัน
ในความเห็น "แม่ลูกจันทร์" การเจรจาครั้งนี้ นายกฯอภิสิทธิ์แสดงความเป็นผู้นำรัฐบาล ได้เหมาะสม รักษาระดับอารมณ์ได้ดี
สำหรับกลุ่มเสื้อแดง ถึงแม้ไม่สามารถกดดันให้ "อภิสิทธิ์" ยุบสภาฯ
แต่ได้ใช้โอกาสถ่ายทอดสดผ่านจอทีวีโจมตีบทบาทกองทัพที่เข้ามาแทรกแซงการเมืองอย่างจั๋งหนับบุเรงนอง
บวกลบคูณหารแล้วยังได้กำไร.
แม่ลูกจันทร์
เช้านายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยืนยันจะไม่เจรจากับกลุ่มเสื้อแดง
สายนายกฯอภิสิทธิ์ยอมเจรจากับแกนนำ นปช.ด้วยตัวเอง แต่ตั้งเงื่อนไข ให้ม็อบเสื้อแดงที่ล้อมราบ 11 ต้องถอยกลับไป
บ่าย...กลุ่มเสื้อแดงยอมถอนกำลังจากหน้าราบ 11 ตามเงื่อนไขของนายกรัฐมนตรี
เย็น...นายกฯอภิสิทธิ์, ชำนิ ศักดิเศรษฐ กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ นั่งโต๊ะเจรจากับ วีระ มุสิกพงศ์ หมอเหวง โตจิราการ และจตุพร พรหมพันธุ์
การเมืองพลิกจากการเผชิญหน้าเข้า สู่กระบวนการเจรจาในเวลาแค่ 6 ชั่วโมง!!
เป็นครั้งแรกในประวัติที่มีการเจรจาถ่ายทอดสดทางทีวีให้ประชาชนทั้งประเทศได้มีส่วนร่วมโดยตรง
ข้อดีของการถ่ายทอดสดทางทีวีคือเปิดโอกาสให้คนไทยทุกกลุ่มทุกฝ่ายได้เห็นบรรยากาศจริงๆของการเจรจา ได้ยินทุกคำพูด ที่แต่ละคนกล่าวออกมา
แต่ถ้ามองอีกมุม...การถ่ายทอดสดทีวีก็มีข้อเสีย เพราะประเด็นเจรจามีความละเอียดอ่อน ต้องพาดพิงถึงบุคคลอื่นและสถาบันอื่นๆค่อนข้างรุนแรง
แต่เอาเถอะ...เมื่อมีการถ่ายทอดสดผ่านจอทีวี "แม่ลูกจันทร์" เห็นว่าการเจรจา ของรัฐบาลกับแกนนำเสื้อแดงดำเนินไปด้วยบรรยากาศที่ดี
ทั้งสองฝ่ายได้เสนอแนวคิดของตัวเองต่อประเด็นการยุบสภาฯให้ประชาชนได้พิจารณา อย่างละเอียดทุกแง่ทุกมุม
ใครเห็นด้วยกับจุดยืนของรัฐบาล? หรือใครเห็นด้วยกับจุดยืนของแกนนำ นปช.? ก็เชิญตามสบาย
สำหรับ "แม่ลูกจันทร์" เห็นด้วยกับ
ทั้งสองฝ่ายบางประเด็น และไม่เห็นด้วยกับทั้งสองฝ่ายในบางประเด็น
แต่ประเด็นที่เห็นด้วยอย่างยิ่ง คือในสภาวะที่สังคมไทยป่วยหนักเพราะความแตกแยก เกลียดชังฝังลึกเกินเยียวยา
ภายใต้สังคมที่แตกกันยับอย่างนี้... ประเทศชาติเดินหน้าไม่ได้แน่นอน!!
นอกจากเดินหน้าไม่ได้ ยังเดินใกล้จุดแตกหักเข้าไปทุกที
ส่วนประเด็นที่สองฝ่ายมีความเห็นทางเดียวกัน คือเห็นว่าการปฏิวัติ 19 กันยายน สร้าง บาดแผลใหญ่ให้กับประเทศไทย
โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญฉบับมดลูก คมช. หลายประเด็นไม่สอดคล้องหลักการประชาธิปไตย
แต่ประเด็นที่รัฐบาลกับแกนนำเสื้อแดงขัดแย้งกันอย่างจัง...
คือนายกฯอภิสิทธิ์ยังไม่พร้อมยุบสภาฯ
เพราะไม่เชื่อว่าการยุบสภาฯเป็นยาวิเศษ ที่ทำให้ประเทศก้าวพ้นวิกฤติได้จริง
ในฐานะรัฐบาล ต้องฟังความเห็นทุกฝ่าย ไม่ใช่ฟังเสื้อแดงกลุ่มเดียว
ส่วนแกนนำเสื้อแดงยืนยันข้อเรียกร้องเดิม คือขอให้ "อภิสิทธิ์" ตัดสินใจยุบสภาฯ ภายใน 15 วัน
เพราะการยุบสภาฯ คือการยุติความขัดแย้งด้วยการคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินอนาคตตัวเอง
ถ้า อภิสิทธิ์ ยุบสภาฯ ม็อบเสื้อแดงจะ สลายตัวกลับบ้านทันที
นายกฯอภิสิทธิ์ จะไปหาเสียงที่ไหนก็จะไม่มีเสื้อแดงตามรังควาน
ถ้าประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล "อภิสิทธิ์" จะกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งอย่างสง่างาม และกลุ่มเสื้อแดงจะเคารพการตัดสินใจของประชาชน
เมื่อจุดยืนสองฝ่ายขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง การนั่งโต๊ะเจรจาเพื่อยุติวิกฤติอันตรายก็เจอทางตัน
ในความเห็น "แม่ลูกจันทร์" การเจรจาครั้งนี้ นายกฯอภิสิทธิ์แสดงความเป็นผู้นำรัฐบาล ได้เหมาะสม รักษาระดับอารมณ์ได้ดี
สำหรับกลุ่มเสื้อแดง ถึงแม้ไม่สามารถกดดันให้ "อภิสิทธิ์" ยุบสภาฯ
แต่ได้ใช้โอกาสถ่ายทอดสดผ่านจอทีวีโจมตีบทบาทกองทัพที่เข้ามาแทรกแซงการเมืองอย่างจั๋งหนับบุเรงนอง
บวกลบคูณหารแล้วยังได้กำไร.
แม่ลูกจันทร์