เป็นเรื่องแปลก ที่อธิบายได้ถึง..วัยวุฒิของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ...ทันทีที่มีประโยคที่ว่า...ฝ่าย นปช.นั้น ต้องการการเมืองข้างถนนหรือการปฏิวัติ ประโยคเช่นว่านี้..มันไม่ใช่คำถาม..คำถาม..แต่มันเป็นคำขู่..และก็ไม่แปลกอะไร..หากว่า นายกรัฐมนตรีที่กล่าวคำขู่นี้..คือนายกรัฐมนตรีที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร
หรือมาจากการเมืองรูปแบบอื่น...แต่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาจากการเลือกตั้งของประชาชน..สถานะของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในที่ตั้งทางทหารนั้น..ท่านมิใช่ผู้นำแห่งกองทัพ เช่น...อเล็กซานเดอร์มหาราช หรือจอมจักรพรรดิ์นโปเลียน..ท่านอยู่ในฐานะ “ผู้ลี้ภัย” จากประชาชนคนไทยจำนวนหนึ่ง..ที่ไม่สนับสนุนท่านในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี..ประชาชนที่เห็นว่า..การได้มาซึ่งตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีของท่านนั้น..ถึงมันจะเกิดขึ้นจาก...ผู้แทนจำนวนมากในสภา
ผู้แทนก็จริง..แต่มันไม่ได้ก่อเกิดจากพรรคหรือสภา..แต่มันเกิดจาก..การจัดการและอำนวยการของทหาร..และใช้ค่ายทหารเป็นสถานที่ปรุงแต่งนักการเมืองบางท่านโดนต่อรองด้วยคดีความ..มีคุกตารางเป็นเดิมพัน..พรรคการเมืองใหญ่..แกนนำอย่างประชาธิปัตย์..ยอมทิ้งเก้าอี้กระทรวงสำคัญ...เพื่อหวังเพียงอย่างเดียวคือการเป็นนายกรัฐมนตรี..สภาพเช่นว่านั้น..ผู้สนใจในระบอบประชาธิปไตยจึงยอมรับไม่ได้..และกลายเป็นปฏิกิริยาต่อต้าน..นายกรัฐมนตรี..ถามว่า..ผู้ต่อต้าน
นั้นจะได้รับการตอบกลับที่การปฏิวัติ..การยึดอำนาจ..นายกรัฐมนตรีคงลืมไปว่า..อำนาจที่ถูกยึดนั้นเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี..เป็นอำนาจของเสียงส่วนใหญ่ในสภา..ไม่ใช่อำนาจของประชาชนที่กำลังปฏิเสธท่าน..ประชาชนเหล่านี้..จึงไม่ใช่ผู้เสียหายจากการปฏิวัติ..แต่กลับได้ประโยชน์จากการปฏิวัติ..เพราะนั่นคือการสิ้นสุดอำนาจของรัฐบาลเช่นเดียวกันกับการยุบสภา..และเชื่อได้อย่างแน่นอนว่า..คณะปฏิวัติที่ท่านกล่าวถึง คงจะไม่นำท่านกลับมาเป็นนายก
รัฐมนตรี..เช่นเดียวกับประชาชนของพรรคประชาธิปัตย์..ซึ่งเป็นประชาชนในระบอบประชาธิปไตยตรงกันข้าม..ที่ประชาชนจะถามกลับไปที่ท่านนายกรัฐมนตรีนั้น..ท่านไม่รู้หรือว่า..การปฏิวัตินั้นในประวัติศาสตร์ของโลกแล้ว..มีอยู่หลายวิธี..แต่หนึ่งวิธีในนั้นคือ..การปฏิวัติของประชาชน..หรือประชาชนเป็นผู้นำในการปฏิวัติกินนอนในเรือรบ..อ่านประวัติศาสตร์ให้มากๆ อนาคตของท่านอยู่ในนั้น