บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553

ไม่ปิดทางคุยแดง พร้อมยุบสภา แต่กติกาต้องชัด

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_73226

นายกรัฐมนตรี ยืนยัน ไม่ปิดทางคุยแกนนำเสื้อแดง และพร้อมยุบสภา หากบ้านเมืองกลับมาสงบสุข และมีการวางกติกาทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้งชัดเจน ว่าจะไม่มีการชุมนุมประท้วงครั้งใหม่อีก...

วันที่ 27 มี.ค. 2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปราศัยในการเปิดประชุมพรรคประชาธิปัตย์ ที่ โรงแรมดุสิตธานี อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยยืนยัน การทำงานตามนโยบายของรัฐบาลบรรลุผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถทำให้เศรษฐกิจของประเทศเริ่มพลิกฟื้นและสามารถขับเคลื่อนไปได้ตามปกติ แต่อย่างไรก็ดีเป็นที่น่าเสียดายว่า การที่มีกลุ่มคนชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง ในช่วงนี้ ได้ทำให้เกิดภาวะชะงักงันในด้านการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกการจองทัวร์ ตั้งแต่เดือน มี.ค. และ เม.ย. เริ่มได้รับผลกระทบ เศรษฐกิจได้รับผลกระทบ และพี่น้องประชาชนในกรุงเทพมหานคร ได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุม

ทั้งนี้ ตนเองขอยืนยันว่า รัฐบาลต้องการเห็นบ้านเมืองสงบและได้ทำทุกวิถีทางในการที่จะพยายามไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และไม่เคยใช้อำนาจรัฐในการคุกคามทำร้ายประชาชนที่ใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าผู้ชุมนุมจะต่อต้านคัดค้านไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลหรือพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยใช้ความรุนแรงหรือใช้อำนาจในทางมิชอบ กับ บุคคลกลุ่มนี้ แม้กระทั่งในการกระทำหลายอย่างที่ถือเป็นการละเมิดสิทธิ กับคนในรัฐบาลหรือพรรคประชาธิปัตย์ เช่นการเทเลือดที่พรรคประชาธิปัตย์ ก็ตาม เพราะพรรคถือว่าความสงบสุขของบ้านเมืองต้องมาก่อนความพึงพอใจหรือความรู้สึกของคนพรรคประชาธิปัตย์

แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายว่า ความพยายามอดทน และการปฏิบัติตามกฎหมาย ก็ยังถูกบิดเบือน มีคนไปทำหลักฐานเท็จ คลิปเสียงว่าพรรคประชาธิปตย์ หรือ รัฐบาล จะใช้ความรุนแรง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างพิสูจน์แล้วด้วยการกระทำตลอด 1 ปี ที่ผ่านมา

ส่วนข้อกล่าวหาทุจริตต่าง ๆ ที่มีต่อรัฐบาลนั้น ตนขอตอบเพียงสั้น ๆ ว่ารัฐบาลนี้ไม่เคยซุกปัญหาการทุจริต มีข้อกล่าวหาเมื่อใด ก็ดำเนินการให้มีการสอบสวนอย่างโปร่งใส ผู้ที่เกี่ยวข้องพร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบ เปิดทางให้มีการสอบสวนอย่างจริงจัง

ขณะที่ข้อกล่าวหาอื่น ๆ ที่พยายามหยิบยกมาเป็นเงื่อนไข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสองมาตรฐาน หรือ เรื่องอื่น ๆ มีคำชี้แจงทั้งสิ้น เพราะรัฐบาลนี้ บอกมาตลอดว่าสำคัญที่สุด คือ การดำรงค์ความเป็นนิติรัฐ และใช้หลักนิติธรรม สองมาตรฐานจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อไม่มีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพียงแต่ข้อเท็จจริงถูกบิดเบือนว่า ไม่มีการดำเนินการเรื่องนั้น หรือไปกลั่นแกล้ง ซึ่งไม่มีทั้งสองกรณี

อย่างไรก็ดีการที่ยังมีประชาชนส่วนหนึ่ง ซึ่งยังชุมนุมเรียกร้องเคลื่อนไหวอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทางรัฐบาลยืนยันว่าสามารถกระทำได้ ตราบเท่าที่การเคลื่อนไหวอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ซึ่งหากข้อเรียกร้องเป็นเพียงแต่ต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจในการคืนอำนาจไปสู่ประชาชน แล้วทำให้บ้านเมืองสงบ ตนเองตอบได้เลยว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยุบสภาแล้วทำให้บ้านเมืองสงบ ทางพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่มีปัญหาและพร้อมทำเพื่อประเทศ แต่ข้อเท็จจริงวันนี้ก็คือว่า จากการเคลื่อนไหวจากข้อเรียกร้องที่มีความสับสนอยู่ตลอดเวลามันบ่งบอกว่าการยุบสภา อาจไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของคนกลุ่มหนึ่ง การยุบสภาท่ามกลางความเป็นไปได้ที่จะมีความรุนแรง การยุบสภาที่อาจจะนำไปสู่การเลือกตั้งที่เป็นไปด้วยความสงบและนานาชาติยอมรับในเรื่องความเป็นประชาธิปไตย มันไม่ใช่คำตอบที่จะสามารถแก้ไขปัญหาให้กับบ้านเมืองได้ ตนเองไม่สามารถที่จะตัดสินใจเพื่อสนองตอบต่อคนกลุ่มหนึ่งที่มาเรียกร้องโดยไม่มีหลักประกันว่าการตัดสินใจนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศชาติ ตนเองจึงพูดอยู่เสมอว่าการยุบสภาไม่ใช่สิ่งที่เราจะปฏิเสธ แต่การยุบสภาเพื่อให้เกิดความสงบ เพื่อเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนและสามารถเดินหน้าได้นั้น มันต้องมีการพูดคุยว่า จะต้องเดินไปสู่การยุบสภาอย่างไร ซึ่งสิ่งนี้ตนเองก็ได้บอกไปแล้วว่า รัฐบาลไม่ปิดทางในเรื่องของการพูดคุย แต่ต้องวางกันให้ชัดว่า ก่อนที่จะมีการยุบสภาเราทำให้บ้านเมืองสงบให้เห็นได้หรือไม่ ทำให้เห็นเพื่อให้ประชาชนคนไทยมั่นใจว่าเศรษฐกิจเดินหน้าฟื้นตัว ว่าความขัดแย้ง 3 ปีที่ผ่านมาไม่ขยายผลไปสู่ความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นช่วงก่อนหรือหลังการเลือกตั้ง ซึ่งต้องมีการทำให้ชัดในรื่องของกติกา ว่าเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายว่า ถ้าไปเลือกตั้งแล้ว เกิดมีการทุจริตการเลือกตั้ง เกิดมีการดำเนินการตามกฎหมาย จะต้องไม่มีการชุมนุมออกมาเรียกร้องประท้วงกันอีก เพราะต้องไม่ลืมว่ากติกาหรือที่มาของรัฐบาลชุดนี้ ก็มาจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 ซึ่งก็ยังใช้อยู่ และที่มาของรัฐบาลนี้ ก็มาจากที่มาเดียวกับ 2 รัฐบาลก่อนหน้านี้ ซึ่งอยู่ในขั้วตรงกันข้าม แต่การชุมนุมก็กลับมาใช้เงื่อนไขการไม่ยอมรับกติกา ที่พรรคการเมืองที่ทุจริตการเลือกตั้ง จะต้องถูกลงโทษและกรรมการบริหารพรรคถูกเพิกถอนสิทธิที่มีผลต่อเสียงในสภา ได้

ซึ่งจุดนี้เห็นชัดว่าจะต้องมีการทำความเข้าใจร่วมกันก่อน ถ้าหากว่าจะมีการยุบสภาแล้วนำไปสู่ความสงบได้ ซึ่งตนเองขอย้ำว่าการเปิดเวทีของการพูดคุย ยังมีความเป็นไปได้ และรัฐบาลจะพูดคุยบนเรื่อง ที่เป็นผลประโยชน์ของส่วนรวมเท่านั้น เพราะรู้ว่าถ้าเมื่อใดมีการเอาเงื่อนไขผลประโยชน์ของบุคคล ของกลุ่มเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง - การยุบสภา เมื่อนั้นก็จะเกิดความวุ่นวายและความไม่สงบสุขในบ้านเมืองอย่างต่อเนื่องต่อไป

เพราะฉะนั้น วันนี้ รัฐบาลจึงต้องเดินหน้าทำงานและพร้อมที่จะพูดคุยในเงื่อนไขของการยุบสภาหากเป็นข้อเรียกร้องที่แท้จริงของผู้ชุมนุมและผู้เกี่ยวข้อง โดยรัฐบาลจะตัดสินใจบนพื้นฐานที่เป็นประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชน เท่านั้น

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวบนเวทีประชุมว่า การเลือกตั้งทั่วไปที่คาดว่าจะในปลายปี 2554 พรรคประชาธิปัตย์ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องได้ผู้แทนราษฎรไม่ต่ำกว่า 280 คน ดังนั้น สมาชิกพรรคทุกคนต้องถือเป็นภาระที่ต้องทำโดยเร่งด่วนตามยุทธศาสตร์ 15 ด้าน อย่างเข้มข้น อาทิ ขยายฐานสมาชิก หาแนวร่วมทางการเมือง นอกจากนั้นแล้ว ตนวางแผนว่าการเลือกตั้งในปลายปี 2554 ว่าจะต้องใช้เงินมากถึง 658 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง จำนวน 440 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 คือ 220 ล้านบาท เบื้องต้น ตั้งเป้าว่าจะเป็นรายได้ที่มาจากการระดมทุน 594 ล้านบาท งบอุดหนุนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 30 ล้านบาท นอกจากนั้นจะเป็นในส่วนของการรับบริจาค ค่าบำรุงสมาชิก ทั้งนี้ในปี 2552ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์มีรายรับ 113 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่าย 81 ล้านบาท

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker