คำว่า “งบประมาณ” คำเดียว...ทำเอา “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เลี้ยวไม่เป็นกระบวนท่า!จบสิ้นลง! กับการประชุมตั้งโต๊ะเจรจาระหว่าง “แกนนำคนเสื้อแดง” กับ “ฝ่ายรัฐบาล” รอบที่ 2ซึ่งประชาชนที่นั่งดูนั่งฟังต่างสงสัยว่า...สุดท้ายแล้ว “ข้อสรุป” ในการหารือคืออะไร? เพราะดูเหมือนว่า...ข้อเรียกร้องเดียวของ “กลุ่มคนเสื้อแดง” นั่นคือ “การยุบสภา” จะไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควรจากนายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “แกนนำเสื้อ
แดง” ทั้ง วีระ มุสิกพงศ์ จตุพร พรหมพันธุ์ และ นพ.เหวง โตจิราการ จึงตัดสินใจให้ “การเจรจายุติลง”แต่จนแล้วจนรอด “รัฐบาล” ก็ยังอยากให้มีการเจรจากับ “คนเสื้อแดง” ต่อไปใน รอบที่ 3 ซึ่งคอการเมืองมองแล้วมันต้องมี “เงื่อนงำลึกๆ”ห่วงแรกพรรคการเมืองที่ขึ้นชื่อพะยี่ห้ออย่าง “ประชาธิปัตย์” หากไม่เป็นต่อและถือไพ่เหนือกว่า...มีหรือจะ “เดินตัวงอ” เป็น ป.กุ้งเผา เข้ามาพุดคุยกับกลุ่มคนที่ต้องการทำให้พวกเขาลงจากอำนาจนี่จึงเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่การเจรจา
ไม่ได้ข้อยขุติ...เพราะฝ่ายผู้มีอำนาจต้องการ “ยืดเยื้อ” ไว้ให้ได้ยาวนานที่สุดเปรียบเสมือนการที่พรรคประชาธิปัตย์ยอมรับการเจรจา...แต่มี “บ่วงรัดคอ” ซึ่งผู้อยู่เบื้องหลังคอยกระตุกและชักใยอยู่นั่นแปลว่า “ประชาธิปัตย์” อยู่ในจุดเสียเปรียบ...ดังนั้นจึงต้องมีการ “ประนีประนอม” ยอมความมิเช่นนั้นเราคงได้เห็นยุทธศาสตร์ “บี้จนแบน” ที่พรรคประชาธิปัตย์นิยมใช้ทำลาย “คู่แข่ง” ทางการเมือง...เสียดายแต่ว่า “ครั้งนี้มิอาจทำได้”ห่วงที่สองเมื่อรัฐบาลตกลงรับปากจะ
ยุบสภาในอีก 9 เดือนข้างหน้า...แต่แกนนำคนเสื้อแดง “ส่ายหน้า” เป็นพัดลม...ขอเวลา 15 วันก็พอเพียงเพราะไม่ใช่เพียง “แกนนำ” ที่คลุกคลีในวงการเมืองแล้วจะรู้ว่านี่คือ “การซื้อเวลา” แต่ประชาชนก็รู้ว่า “ประชาธิปัตย์” คิดจะทำอะไรประเด็นนี้คนไทยทั้งประเทศเห็นแล้วว่า...ฝ่ายใดที่ต้องอ้ำๆ อึ่งๆ ในการชี้แจง “ข้อเท็จจริง” นี่เป็นเพราะสายระโยงระยางที่ชักท่านเป็น “หุ่นกระบอก” ให้ทำตามสุ่มเสียงของพวกเขามิใช่หรือ...เสียงของบุคคลเหล่านั้น “ดังกว่า” เสียง
ของประชาชนนายกรัฐมนตรีได้แสดงออกด้วยท่าทีว่าตัวท่านและรัฐบาล “เข้าใจ” ในข้อเรียกร้องของประชาชน...แต่คำตอบที่ประชาชนได้รับกลับ “ไม่ชัดเจน” เสมือนท่านไม่มีความจริงใจโดยเฉพาะ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ด้วยความเป็นภาวะผู้นำที่ดี...ท่านควรฟังทุกโจทย์แห่งปัญหา...แต่ไม่จำเป็นที่ต้องตอบโจทย์ทุกปัญหาเพราะเหมือนเป็นการ “เคลียร์ตัวเองชอบกล”ถือเป็นสิ่งที่พึงปฏิบัติ คือ การคิดตามทุกเรื่อง...แต่ไม่จำเป็นต้องพูดทุกเรื่องที่คิด ท่านเป็นบุคคล
ที่มี “วาทะศิลป์เป็นเลิศ” แต่นำมาใช่ผิดจังหวะจะโคน เพราะเกือบทั้งชีวิตมีความถนัดในด้านการเดินเกมแบบ “ฝ่ายค้าน” และมีความเชื่อที่ฝังใจว่า...เมื่อฝ่ายค้านถามทุกเรื่องฝ่ายบริหารต้องตอบได้...อันนั้นมันมิใช่ภาวะของผู้นำ ผู้นำที่ดีมีหน้าที่ต้องรับฟัง...แต่นายกฯอภิสิทธิ์ “เดินสวนทาง” ทั้งหมด...ยิ่งพูดเหมือนเป็นการยิ่งแก้ตัว ทำให้บางครั้งเราได้เห็น “อาการหลุด” ของนายกรัฐมนตรีปรากฏชัดเจนอาทิประเด็นที่ “หมอเหวง” น.พ.เหวง โตจิราการ หนึ่งในแกนนำคน
เสื้อแดง...ยกภาพถ่ายขนาดใหญ่ที่ทหารตั้งท่าเตรียมยิงประชาชน และอีกสองสามภาพที่มีรถพยาบาลนายกรัฐมนตรีหันไปมองใครสักคนโดยรอบนั้น...ซึ่งอาจเป็นตากล้องหรือโปรดิวเซอร์ว่าอย่าซูมใกล้ภาพเด็ดขาดประมาณนั้นห่วงที่ 3 ถามว่า...ทำไมต้อง 9 เดือนคำตอบง่ายมาก...เพราะนายกรัฐมนตรีพูดออกมาจากปากมาว่า...รอเรื่องของ “งบประมาณ” ให้ผ่านไปก่อน เพียงแค่นี้คนทั้งบ้านทั้งเมืองที่มีความรู้การศึกษาหรือข้าราชการกรมกองต่างๆ เขาก็หัวเราะกันลั่นว่า...ที่
แท้ “พะณะหัวเจ้าท่าน” เป็นห่วงเป็นใยในเรื่องบประมาณนี้เองอะไรคืองบประมาณ?นั่นก็คือ เรื่องเงินๆ ทองๆ ที่สมมุติเสกสรรปั้นแต่งให้มนุษย์ทุกผู้อยู่สุขสบายเมื่อเทงบประมาณลงไปตามกระทรวงทบวงกรมแล้ว...ความจริงก็น่าจะยุติลงได้แต่เหตุผลที่ยุติไม่ได้...ว่ากันว่าเป็นเพราะกลัวพรรคและพวกของตนรวมไปถึงพรรคร่วม อาจมิได้มีส่วนในการใช้จ่ายในงบประมาณนั้น“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ยิ่งพูดยิ่งพาให้เห็นธาตุแท้ว่า...เบื้องลึกแห่งตนนั้นคิดอะไร และคิดเช่นไร
ส่วนที่อ้างว่า...เราต้องมาทำงานเพื่อทดแทน “คุณแผ่นดิน” มันก็เป็นเพียงคำพูดคำโตที่โก้หรู เพราะการทำสิ่งใดๆให้แก่แผ่นดินสงบสุขนั้นมีหลายวิธี...แต่ทำไม่ต้องเป็นวิธีนี้ หรือวิธีที่ท่านคิดด้วย...แล้วแบบนี้ข้อเสนอของประชาชนจะมีความหมายอะไร...ในเมื่อท่านไม่เชื่อไม่ฟังประชาชนบอกว่าให้ยุบสภาภายใน 15 วันท่านบอกไม่รับต้องยุบสภาในอีก 9 เดือนแล้วหากยอมถอยคนละก้าวแล้วมา “กึ่งกลาง” ของ 9 เดือน คือ ประมาณอีก 3 เดือนข้างหน้าเพื่อความเป็นกลาง
ของทั้งสองฝ่าย ซึ่งมันก็น่าจะแฟร์ๆ กันดี!ท่านคิดบ้างหรือไม่...หรือแท้ที่จริงแล้วคิดมาแต่ยังอุบไว้ก่อนตามสไตล์ “ทำเนียน” ไม่ต้องการให้กระโตกกระตาก สุดท้ายนี้ประชาชนเชื่อว่า...การเจรจา รอบที่ 3 สามารถเกิดขึ้นได้...แต่ก่อนมานั่งเจรจา “ฝ่ายรัฐบาล” ต้องตัดบ่วงพันธนาการที่รัดคอทิ้งไปเสียก่อนหากใครที่กำลังปลื้มหลงไหลกับคำพูดของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” บนโต๊ะเจรจา...ว่างๆ ก็ลองกรอเทปสังเกตุดู “สีหน้า” ท่านว่า “ผิดหวังอย่างแรง” กับหมากเกมนี้เพราะ
ตนไม่สามารถคุมเกมเอาไว้ได้...ถูกให้ตอบคำถามใช้คำพูดดูดี...แต่สุดท้ายไปรอดถูก “ถลกหนัง” จนถลอกปอกเปิกคำพูดทิ้งท้ายของ “จตุพร พรหมพันธุ์” ที่กล่าวไว้ว่า...เมื่อตกลงกันไม่ได้ การเจรจาครั้งนี้ก็ยุติลงก่อน ส่วนพรุ่งนี้หรืออีกวันโน่นจะมีหรือไม่...ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง เพียงเท่านั้น “นายกรัฐมนตรี” ออกอาการถอดสีหน้าอย่างเห็นได้ชัดจากแววตา...นี่ตัวเรากำลังทำอะไรลงไป!