หลังจากสภาผู้แทนราษฎรเลิกประชุมรองนายกฯสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะผอ.ศอ.รส.ก็สั่งให้ถอนกำลังทหารส่วนใหญ่ออกจากรัฐสภาทันที
โดยต้องใช้เวลา 5 ชั่วโมง รื้อถอนบังเกอร์คอนกรีต รื้อลวดหนาม 3 ชั้น รื้อแนวยางรถยนต์ ถอนรถฉีดน้ำ รถดับเพลิง รถขนผู้ต้องหา รถกระจายเสียง และสารพัดเครื่องมือปราบจลาจลออกจากถนนทั้ง 5 สายรอบสภาฯ
เพื่อเปิดการจราจรให้ประชาชนเดิน ทางได้อีกครั้ง หลังถูกทหารยึดถนนไป 3 วัน
ส่วนการประชุมสภาฯสัปดาห์หน้าจะต้องใช้กำลังทหารปิดถนน ปิดล้อมรัฐสภาอีกหรือไม่ รัฐบาลจะตัดสินใจอีกที
ความจริง "แม่ลูกจันทร์" เห็นด้วยว่า ในช่วงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องแสดงศักยภาพผู้นำ รัฐบาลด้วยการประชุม ครม. และเข้าประชุมสภาฯเพื่อให้สังคมเห็นว่ารัฐบาลยังบริหารบ้านเมืองได้เป็นปกติดี
"แม่ลูกจันทร์" เห็นด้วยว่าการประชุมสภาฯจำเป็นต้องใช้กำลังอารักขานายกรัฐมนตรีให้ได้รับความปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์!!
ถึงแม้แกนนำม็อบเสื้อแดงประกาศล่วง หน้าว่าจะไม่เคลื่อนขบวนไปปิดล้อมสภาฯก็ตาม
แต่เพื่อความไม่ประมาท และเพื่อป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอย การวางกำลังรักษาความปลอดภัยไว้ก่อนก็เป็นเหตุผลที่ดี
แต่มาตรการรักษาความปลอดภัยต้องพอเหมาะพอควร
ไม่ใช่เว่อร์เกินเหตุเหมือนบ้านเมืองกำลังเกิดจลาจล
ไม่มีความจำเป็นต้องระดมทหารตำรวจหลายพันคนไปตั้งกองบัญชาการในสภาฯ ไม่ จำเป็นต้องตั้งบังเกอร์ รั้วคอนกรีต รั้วลวดหนาม 3 ชั้น จนน่ากลัวเหมือนอยู่ในภาวะสงคราม
โดยเฉพาะการปิดถนน 5 สายติดกัน 3 วัน เพื่อให้คนคนเดียวเข้าประชุมสภาฯได้อย่างสะดวกโยธิน
โอ้แม่เจ้า...อะไรจะปานนั้นเชียว
ข้อสำคัญ ถ้ารัฐบาลจะปิดถนน 5 สายรอบสภาฯ ก็ควรแจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้า ชาวบ้านก็จะได้เปลี่ยนแผนการเดินทาง
การที่รัฐบาลไม่แจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้า ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องเดือดร้อนไปตามๆกัน
เรื่องนี้รัฐบาลพลาดอย่างไม่น่าให้ อภัย
ส่วนกรณีที่ ส.ส.ฝ่ายค้านไม่พอใจที่รัฐบาลใช้กองกำลังทหารปิดล้อมสภาฯจนประท้วงกันวุ่นวาย
"แม่ลูกจันทร์" ไม่ให้ความสำคัญ เพราะเป็นประเด็นขัดแย้งทางการเมือง
แต่กรณีของประธานวุฒิสภา "ประสพสุข บุญเดช" ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลใช้กำลังทหาร ปิดล้อมสภาฯ ถือว่าเป็นประเด็นที่รัฐบาลต้องรับฟัง
ประธานวุฒิสภาแถลงว่า ไม่สบายใจที่อยู่ๆรัฐบาลสั่งให้หน่วยทหารเข้าไปตั้งกองกำลัง ตั้งบังเกอร์ ปิดถนนรอบสภาฯ
โดยไม่แจ้งให้ประธานวุฒิสภาทราบล่วงหน้าแต่อย่างใด
การใช้กำลังทหารตำรวจปิดล้อมรัฐสภาอ้างว่าเพื่อรักษาความปลอดภัยก็มากมายเกินความจำเป็น
ทำให้สมาชิกวุฒิสภา และข้าราชการรัฐสภาไม่ได้รับความสะดวกในการปฏิบัติงาน
ประธานวุฒิสภาย้ำว่า การจะทำอะไรที่มีผลกระทบต่อวุฒิสภาควรมีการพูดคุยกันก่อน ไม่ใช่ทำตามอำเภอใจ
เพราะวุฒิสภาเป็นสถาบันที่เป็นกลาง ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล
สรุปว่า กรณีนี้รัฐบาลผิดมารยาทเต็มเปา
"แม่ลูกจันทร์" เห็นว่า นายกฯอภิสิทธิ์ ในฐานะผู้นำสูงสุดของรัฐบาล ต้องชั่งน้ำหนักมาตรการต่างๆ ให้เหมาะสมกับความจำเป็น
อย่าให้มีเสียงครหานินทาว่ารัฐบาลใช้ กำลังทหารตำรวจรักษาความปลอดภัยตัวเองจนกระทบการดำเนินชีวิตของประชาชน
ถ้านายกฯจะเข้าประชุมสภาฯต้องใช้ กำลังทหารตำรวจอารักขามากกว่าสามพันนาย ต้องปิดถนน 5 สาย 3 วันเต็มๆ
ย้ายที่ประชุมสภาฯไปประชุมในราบ 11 ซะเลย สะดวกกว่านะคุณโยม.
"แม่ลูกจันทร์"
โดยต้องใช้เวลา 5 ชั่วโมง รื้อถอนบังเกอร์คอนกรีต รื้อลวดหนาม 3 ชั้น รื้อแนวยางรถยนต์ ถอนรถฉีดน้ำ รถดับเพลิง รถขนผู้ต้องหา รถกระจายเสียง และสารพัดเครื่องมือปราบจลาจลออกจากถนนทั้ง 5 สายรอบสภาฯ
เพื่อเปิดการจราจรให้ประชาชนเดิน ทางได้อีกครั้ง หลังถูกทหารยึดถนนไป 3 วัน
ส่วนการประชุมสภาฯสัปดาห์หน้าจะต้องใช้กำลังทหารปิดถนน ปิดล้อมรัฐสภาอีกหรือไม่ รัฐบาลจะตัดสินใจอีกที
ความจริง "แม่ลูกจันทร์" เห็นด้วยว่า ในช่วงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องแสดงศักยภาพผู้นำ รัฐบาลด้วยการประชุม ครม. และเข้าประชุมสภาฯเพื่อให้สังคมเห็นว่ารัฐบาลยังบริหารบ้านเมืองได้เป็นปกติดี
"แม่ลูกจันทร์" เห็นด้วยว่าการประชุมสภาฯจำเป็นต้องใช้กำลังอารักขานายกรัฐมนตรีให้ได้รับความปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์!!
ถึงแม้แกนนำม็อบเสื้อแดงประกาศล่วง หน้าว่าจะไม่เคลื่อนขบวนไปปิดล้อมสภาฯก็ตาม
แต่เพื่อความไม่ประมาท และเพื่อป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอย การวางกำลังรักษาความปลอดภัยไว้ก่อนก็เป็นเหตุผลที่ดี
แต่มาตรการรักษาความปลอดภัยต้องพอเหมาะพอควร
ไม่ใช่เว่อร์เกินเหตุเหมือนบ้านเมืองกำลังเกิดจลาจล
ไม่มีความจำเป็นต้องระดมทหารตำรวจหลายพันคนไปตั้งกองบัญชาการในสภาฯ ไม่ จำเป็นต้องตั้งบังเกอร์ รั้วคอนกรีต รั้วลวดหนาม 3 ชั้น จนน่ากลัวเหมือนอยู่ในภาวะสงคราม
โดยเฉพาะการปิดถนน 5 สายติดกัน 3 วัน เพื่อให้คนคนเดียวเข้าประชุมสภาฯได้อย่างสะดวกโยธิน
โอ้แม่เจ้า...อะไรจะปานนั้นเชียว
ข้อสำคัญ ถ้ารัฐบาลจะปิดถนน 5 สายรอบสภาฯ ก็ควรแจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้า ชาวบ้านก็จะได้เปลี่ยนแผนการเดินทาง
การที่รัฐบาลไม่แจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้า ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องเดือดร้อนไปตามๆกัน
เรื่องนี้รัฐบาลพลาดอย่างไม่น่าให้ อภัย
ส่วนกรณีที่ ส.ส.ฝ่ายค้านไม่พอใจที่รัฐบาลใช้กองกำลังทหารปิดล้อมสภาฯจนประท้วงกันวุ่นวาย
"แม่ลูกจันทร์" ไม่ให้ความสำคัญ เพราะเป็นประเด็นขัดแย้งทางการเมือง
แต่กรณีของประธานวุฒิสภา "ประสพสุข บุญเดช" ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลใช้กำลังทหาร ปิดล้อมสภาฯ ถือว่าเป็นประเด็นที่รัฐบาลต้องรับฟัง
ประธานวุฒิสภาแถลงว่า ไม่สบายใจที่อยู่ๆรัฐบาลสั่งให้หน่วยทหารเข้าไปตั้งกองกำลัง ตั้งบังเกอร์ ปิดถนนรอบสภาฯ
โดยไม่แจ้งให้ประธานวุฒิสภาทราบล่วงหน้าแต่อย่างใด
การใช้กำลังทหารตำรวจปิดล้อมรัฐสภาอ้างว่าเพื่อรักษาความปลอดภัยก็มากมายเกินความจำเป็น
ทำให้สมาชิกวุฒิสภา และข้าราชการรัฐสภาไม่ได้รับความสะดวกในการปฏิบัติงาน
ประธานวุฒิสภาย้ำว่า การจะทำอะไรที่มีผลกระทบต่อวุฒิสภาควรมีการพูดคุยกันก่อน ไม่ใช่ทำตามอำเภอใจ
เพราะวุฒิสภาเป็นสถาบันที่เป็นกลาง ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล
สรุปว่า กรณีนี้รัฐบาลผิดมารยาทเต็มเปา
"แม่ลูกจันทร์" เห็นว่า นายกฯอภิสิทธิ์ ในฐานะผู้นำสูงสุดของรัฐบาล ต้องชั่งน้ำหนักมาตรการต่างๆ ให้เหมาะสมกับความจำเป็น
อย่าให้มีเสียงครหานินทาว่ารัฐบาลใช้ กำลังทหารตำรวจรักษาความปลอดภัยตัวเองจนกระทบการดำเนินชีวิตของประชาชน
ถ้านายกฯจะเข้าประชุมสภาฯต้องใช้ กำลังทหารตำรวจอารักขามากกว่าสามพันนาย ต้องปิดถนน 5 สาย 3 วันเต็มๆ
ย้ายที่ประชุมสภาฯไปประชุมในราบ 11 ซะเลย สะดวกกว่านะคุณโยม.
"แม่ลูกจันทร์"