คอลัมน์ เหล็กใน
นอกเหนือจากส.ส.เพื่อไทย ที่เดือดจัดที่เห็นรัฐสภาตกอยู่ในวงล้อมของกองกำลังทหาร
ประชาชนจำนวนไม่น้อย มองแล้วก็คงรู้สึกตะขิดตะขวงใจด้วย
แต่ก็สะท้อนภาพความจริงวันนี้ของเมืองไทย การเมืองยังก้าวพ้นวังวนปัญหาเก่าๆ ไม่ได้
มีอุปสรรคขวากหนามรายทางมากมาย เหมือนเครื่องกีดขวางที่รายล้อมสภานั่นแหละ
ถึงกระนั้นก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับฝ่ายรัฐบาลและกองทัพ
แม้ทุกวันนี้ ม็อบเสื้อแดงจะย้ำแนวทางสันติวิธี
แต่การตัดสินใจในการจัดการม็อบนั้น สามารถเปลี่ยน แปลงได้เป็นรายชั่วโมงนาที
ถามว่าภาพไม่น่าดู ที่มีกองกำลังทหารตรึงรอบสภานั้น
เทียบกับภาพสลายม็อบกันดุเดือดแขนขาขาด ตรงหน้าสภาเดียวกันนี้
อันไหนดูสงบเรียบร้อยกว่ากัน?
ปฏิบัติการใดๆ ที่ออกมา เชื่อว่าคิดค้นขึ้นมาอย่างพิถี พิถัน หลังจากเห็นบทเรียนมาแล้วจากการชุมนุมหลายหน
เอาเหตุการณ์ในอดีตมาเป็นบทเรียน
กลับกัน สมมติว่ารัฐบาลเชื่อตามคำแกนนำม็อบ มาประชุมสภากันแบบปกติธรรมดา
แล้วเกิดม็อบเคลื่อนกะทันหันมาปิดล้อม
รัฐบาลก็มีหวังโดนชาวบ้านด่าอีก หย่อนยาน ไร้มาตร การป้องกันเหตุ
การวางกำลังทหารเต็มเมืองกรุง ราวกับมีเหตุการณ์รัฐ ประหารในช่วงนี้
มันก็ตรงกับคำพังเพยโบราณ "กันไว้ดีกว่าแก้"
จะโดนฝ่ายม็อบว่าจั่วลม โอเวอร์รีแอกต์อยู่ข้างเดียว ก็ไม่เห็นเป็นไร
ดีกว่าหลอกตัวเอง ว่าสถานการณ์สงบเรียบร้อย
แล้วสุดท้ายต้องมายิงแก๊สน้ำตา ควงกระบองไล่ตีกัน หัวร้างข้างแตกอยู่หน้าสภา
ภาพออกมาจะยิ่งทุเรศต่อสายตายิ่งกว่านี้
ส่วนฝ่ายม็อบ เมื่อมาถึงวันนี้ ก็ต้องชมเชยว่าชุมนุมได้สงบเรียบร้อยดีกว่าที่ใครๆ หวั่น
หากจะมีจลาจลเกิดขึ้นละก็ วันนั้นก็ดูเหมือนจะผ่านมาแล้ว (อย่างน้อย 1 ครั้ง)
คือวันที่เดินไปชุมนุมหน้าราบ 11
วิธีชุมนุมโดยสงบ ที่คุมเกมกันได้ดีกว่าตอนเมษาฯ ปีที่แล้ว ยังสามารถเรียกแขกวีไอพีพวกส.ส.ทั้งหลายให้มาแจม
ว่าไปแล้ว แกนนำ 3 เกลอตอนนี้มีต้นทุนและคะแนนนิยมดีกว่าสมัยก่อนมาก
ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเล่นบทบู๊ พาคนไปตาย เพื่อเร่งสถานการณ์ช่วยเหลือ "นายใหญ่"
ทำไปก็เสี่ยงกับสวัสดิภาพตัวเอง โดนถอนประกันไปอยู่ในคุก ไม่คุ้มแน่!
ยิ่งดูแลม็อบให้สงบได้นาน ก็มีแต่ได้กับได้
ถึงวันที่เหมาะสม ลงเลือกตั้งส.ส.เมื่อไร คนเสื้อแดงก็เทให้คะแนนให้อยู่แล้ว
ย้ายวิกจากข้างถนน ไปอยู่ในสภา หรืออาจถึงในทำเนียบ
 |
ประชาชนจำนวนไม่น้อย มองแล้วก็คงรู้สึกตะขิดตะขวงใจด้วย
แต่ก็สะท้อนภาพความจริงวันนี้ของเมืองไทย การเมืองยังก้าวพ้นวังวนปัญหาเก่าๆ ไม่ได้
มีอุปสรรคขวากหนามรายทางมากมาย เหมือนเครื่องกีดขวางที่รายล้อมสภานั่นแหละ
ถึงกระนั้นก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับฝ่ายรัฐบาลและกองทัพ
แม้ทุกวันนี้ ม็อบเสื้อแดงจะย้ำแนวทางสันติวิธี
แต่การตัดสินใจในการจัดการม็อบนั้น สามารถเปลี่ยน แปลงได้เป็นรายชั่วโมงนาที
ถามว่าภาพไม่น่าดู ที่มีกองกำลังทหารตรึงรอบสภานั้น
เทียบกับภาพสลายม็อบกันดุเดือดแขนขาขาด ตรงหน้าสภาเดียวกันนี้
อันไหนดูสงบเรียบร้อยกว่ากัน?
ปฏิบัติการใดๆ ที่ออกมา เชื่อว่าคิดค้นขึ้นมาอย่างพิถี พิถัน หลังจากเห็นบทเรียนมาแล้วจากการชุมนุมหลายหน
เอาเหตุการณ์ในอดีตมาเป็นบทเรียน
กลับกัน สมมติว่ารัฐบาลเชื่อตามคำแกนนำม็อบ มาประชุมสภากันแบบปกติธรรมดา
แล้วเกิดม็อบเคลื่อนกะทันหันมาปิดล้อม
รัฐบาลก็มีหวังโดนชาวบ้านด่าอีก หย่อนยาน ไร้มาตร การป้องกันเหตุ
การวางกำลังทหารเต็มเมืองกรุง ราวกับมีเหตุการณ์รัฐ ประหารในช่วงนี้
มันก็ตรงกับคำพังเพยโบราณ "กันไว้ดีกว่าแก้"
จะโดนฝ่ายม็อบว่าจั่วลม โอเวอร์รีแอกต์อยู่ข้างเดียว ก็ไม่เห็นเป็นไร
ดีกว่าหลอกตัวเอง ว่าสถานการณ์สงบเรียบร้อย
แล้วสุดท้ายต้องมายิงแก๊สน้ำตา ควงกระบองไล่ตีกัน หัวร้างข้างแตกอยู่หน้าสภา
ภาพออกมาจะยิ่งทุเรศต่อสายตายิ่งกว่านี้
ส่วนฝ่ายม็อบ เมื่อมาถึงวันนี้ ก็ต้องชมเชยว่าชุมนุมได้สงบเรียบร้อยดีกว่าที่ใครๆ หวั่น
หากจะมีจลาจลเกิดขึ้นละก็ วันนั้นก็ดูเหมือนจะผ่านมาแล้ว (อย่างน้อย 1 ครั้ง)
คือวันที่เดินไปชุมนุมหน้าราบ 11
วิธีชุมนุมโดยสงบ ที่คุมเกมกันได้ดีกว่าตอนเมษาฯ ปีที่แล้ว ยังสามารถเรียกแขกวีไอพีพวกส.ส.ทั้งหลายให้มาแจม
ว่าไปแล้ว แกนนำ 3 เกลอตอนนี้มีต้นทุนและคะแนนนิยมดีกว่าสมัยก่อนมาก
ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเล่นบทบู๊ พาคนไปตาย เพื่อเร่งสถานการณ์ช่วยเหลือ "นายใหญ่"
ทำไปก็เสี่ยงกับสวัสดิภาพตัวเอง โดนถอนประกันไปอยู่ในคุก ไม่คุ้มแน่!
ยิ่งดูแลม็อบให้สงบได้นาน ก็มีแต่ได้กับได้
ถึงวันที่เหมาะสม ลงเลือกตั้งส.ส.เมื่อไร คนเสื้อแดงก็เทให้คะแนนให้อยู่แล้ว
ย้ายวิกจากข้างถนน ไปอยู่ในสภา หรืออาจถึงในทำเนียบ
