เหล็กใน
เป็นที่น่าสังเกตว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กรุงเทพมหานคร มองม็อบเสื้อแดงที่มาปักหลักชุมนุมอยู่ เป็นคนต่างถิ่นที่มาทำให้คนกรุงเทพฯ เดือดร้อน
พวกเขากำลังแสดงความเป็นเจ้าของเมืองหลวง
ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์อ้างว่าได้รับเสียงสะท้อนกรณีที่ม็อบจำนวนมหาศาล เคลื่อนขบวนออกตระเวนตามท้องถนนเมืองกรุงว่า มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตคนกรุงเทพฯ
แต่ส.ส.และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์พากันห้ามไว้ ไม่ให้ออกมาแสดงปฏิกิริยา
ขณะเดียวกัน พรรรคประชาธิปัตย์ก็มองว่าพวกที่ออกมาโบกไม้โบกมือต้อนรับม็อบแดง ได้รับการว่าจ้างและจัดฉาก
ส.ส.กรุงเทพมหานครบางกลุ่ม ถึงขนาดอ้างว่าการชุมนุมครั้งใหม่นี้ จะไม่ห้ามคนกรุงเทพฯ ออกมาต่อต้านแล้ว
ขณะเดียวกัน ก็มีกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวเป็นตัวองค์กรชุมชนกรุงเทพมหานคร ออกมาเคลื่อนไหวข่มขู่จะทวงสิทธิ ความเป็นอยู่ที่เคยสะดวกสบายคืน และยื่นหนังสือให้รัฐบาลดำเนินการไปแล้ว
กลุ่มนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย ก็ออกมาแสดงจุดยืนว่าม็อบที่มาปักหลักชุมนุม รุกล้ำสิทธิของคนกรุง
แต่ในที่สุดก็ถูกกระชากหน้ากากออกมาว่าแท้ที่จริงแล้ว กลุ่มเหล่านี้ ก็คือนักการเมืองท้องถิ่นพรรคประชาธิปัตย์ อดีตกลุ่มพันธมิตร และเครือข่าย 40 ส.ว.สรรหานั่นเอง
ถามว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่ผ่านมา ล่วงล้ำสิทธิ์ ทำผิดกฎหมาย ทำความเดือดร้อนให้คนกรุงเทพฯ หรือไม่
การบุกยึดสนามบิน ยึดทำเนียบรัฐบาลสร้างความหายนะเพียงไหน
ทุกคนต่างมีคำตอบอยู่ในใจ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอย่างหรูหราในที่ประชุมใหญ่สามัญ ประจำปีของพรรค ว่าการทำงานของพรรคในรอบ 1 ปีเศษ นำพาประเทศพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ
แต่น่าเสียดายที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว การชุมนุมกลับก่อให้เกิดความเสี่ยงกับภาวการณ์ชะงักงัน ขณะนี้ได้รับเสียงสะท้อนจากธุรกิจโรงแรม และประชาชนว่ากำลังได้รับผลกระทบ ขณะนี้ก็ได้ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจอย่างชัดเจน
นายอภิสิทธิ์ อ้างว่า โดยเฉพาะคนกทม.ได้พูดถึงความเดือดร้อนที่กำลังได้รับ การกระทำหลายอย่าง ถือเป็นการละเมิดสิทธิของเรา สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และประชาชนทั่วไป สะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้ชุมนุมมาเทเลือดที่พรรคประชาธิปัตย์
แต่เราอดทน อดกลั้น เพราะถือว่าความสงบสุขของบ้านเมืองต้องมาก่อนความพึงพอใจ และความสุขของเรา
ท่าทีและวิธีคิดแบบนี้ นายอภิสิทธิ์กำลังจะเป็นเพียงนายกฯ ของคนกรุง เป็นนายกฯ ของพรรคประชาธิปัตย์
ไม่ใช่นายกฯ ของคนทั้งประเทศ
พวกเขากำลังแสดงความเป็นเจ้าของเมืองหลวง
ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์อ้างว่าได้รับเสียงสะท้อนกรณีที่ม็อบจำนวนมหาศาล เคลื่อนขบวนออกตระเวนตามท้องถนนเมืองกรุงว่า มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตคนกรุงเทพฯ
แต่ส.ส.และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์พากันห้ามไว้ ไม่ให้ออกมาแสดงปฏิกิริยา
ขณะเดียวกัน พรรรคประชาธิปัตย์ก็มองว่าพวกที่ออกมาโบกไม้โบกมือต้อนรับม็อบแดง ได้รับการว่าจ้างและจัดฉาก
ส.ส.กรุงเทพมหานครบางกลุ่ม ถึงขนาดอ้างว่าการชุมนุมครั้งใหม่นี้ จะไม่ห้ามคนกรุงเทพฯ ออกมาต่อต้านแล้ว
ขณะเดียวกัน ก็มีกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวเป็นตัวองค์กรชุมชนกรุงเทพมหานคร ออกมาเคลื่อนไหวข่มขู่จะทวงสิทธิ ความเป็นอยู่ที่เคยสะดวกสบายคืน และยื่นหนังสือให้รัฐบาลดำเนินการไปแล้ว
กลุ่มนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย ก็ออกมาแสดงจุดยืนว่าม็อบที่มาปักหลักชุมนุม รุกล้ำสิทธิของคนกรุง
แต่ในที่สุดก็ถูกกระชากหน้ากากออกมาว่าแท้ที่จริงแล้ว กลุ่มเหล่านี้ ก็คือนักการเมืองท้องถิ่นพรรคประชาธิปัตย์ อดีตกลุ่มพันธมิตร และเครือข่าย 40 ส.ว.สรรหานั่นเอง
ถามว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่ผ่านมา ล่วงล้ำสิทธิ์ ทำผิดกฎหมาย ทำความเดือดร้อนให้คนกรุงเทพฯ หรือไม่
การบุกยึดสนามบิน ยึดทำเนียบรัฐบาลสร้างความหายนะเพียงไหน
ทุกคนต่างมีคำตอบอยู่ในใจ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอย่างหรูหราในที่ประชุมใหญ่สามัญ ประจำปีของพรรค ว่าการทำงานของพรรคในรอบ 1 ปีเศษ นำพาประเทศพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ
แต่น่าเสียดายที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว การชุมนุมกลับก่อให้เกิดความเสี่ยงกับภาวการณ์ชะงักงัน ขณะนี้ได้รับเสียงสะท้อนจากธุรกิจโรงแรม และประชาชนว่ากำลังได้รับผลกระทบ ขณะนี้ก็ได้ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจอย่างชัดเจน
นายอภิสิทธิ์ อ้างว่า โดยเฉพาะคนกทม.ได้พูดถึงความเดือดร้อนที่กำลังได้รับ การกระทำหลายอย่าง ถือเป็นการละเมิดสิทธิของเรา สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และประชาชนทั่วไป สะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้ชุมนุมมาเทเลือดที่พรรคประชาธิปัตย์
แต่เราอดทน อดกลั้น เพราะถือว่าความสงบสุขของบ้านเมืองต้องมาก่อนความพึงพอใจ และความสุขของเรา
ท่าทีและวิธีคิดแบบนี้ นายอภิสิทธิ์กำลังจะเป็นเพียงนายกฯ ของคนกรุง เป็นนายกฯ ของพรรคประชาธิปัตย์
ไม่ใช่นายกฯ ของคนทั้งประเทศ