ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา ได้เขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจำนวน 9 หน้า และนำมาแจกจ่ายแก่ ส.ว.และสื่อมวลชนประจำรัฐสภา กรณีที่รัฐบาลสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้ามารักษาการณ์บริเวณรัฐสภาและบริเวณโดยรอบรัฐสภา และใช้ลวดหนามและแท่งคอนกรีตปิดถนนปิดกั้นถนน 8 สาย ตั้งแต่บ่ายวันที่ 22 มีนาคม-เย็นวันที่ 25 มีนาคม โดยระบุว่า เป็นการกระทำที่ไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 122 เพราะคุกคามต่อการทำหน้าที่สมาชิกรัฐสภา รัฐบาลวิตกไปเองกับการที่ผู้ชุมนุมจะเดินทางมาปิดล้อมรัฐสภา
ขณะที่เหตุการณ์ลักษณะเดียวกันเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 51 พรรคประชาธิปัตย์และส.ว.บางส่วนที่วันนี้มาเรียกร้องให้มีการคงกำลังตรวจทหารไว้ต่อไป กลับไม่สะทกสะท้อนที่จะเข้าร่วมประชุม จึงไม่แน่ใจว่า ท่านทั้งหลายยังมีหัวใจเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ที่เห็นอำนาจนิติบัญญัติถูกฝ่ายบริหารเข้าย่ำยี และหากเทียบเคียงกรณีเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ตอนที่เป็นฝ่ายค้าน เคยเรียกร้องให้มีการยุบสภา แต่คราวนี้กลับไม่สนว่ากระทำการทำลายระบอบประชาธิปไตย เพียงเพราะต้องการรักษาอำนาจไว้ให้ยืนยาวที่สุด
เอกสารระบุว่า การห้ามบุคคลทั่วไป รวมถึง ส.ส. ส.ว.เข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวยังมิชอบเพราะทำโดยพลการก่อนที่ครม.จะให้ความเห็นชอบตามมาตรา 18 แห่งพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ และยังเป็นการเกินสมควรแก่เหตุ ฝ่ายนิติบัญญัติไม่สามารถมาทำหน้าที่ได้ และการนำเครื่องกีดขวางมาวางกั้น ยังอยู่ในบริเวณพระราชวัง จึงอาจปิดกั้นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินจึงเป็นการกระทำไม่สมควรยิ่ง ละเมิดพระราชอำนาจและหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
"เพื่อให้การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย สมควรแก่เหตุและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญในอนาคต ขณะเดียวกันก็สามารถเยียวยาเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นแล้ว ครม.จึงควรมีหนังสือกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษในกรณีที่มีการออกประกาศ 2 ฉบับที่ครอบคลุมพื้นที่ของพระที่นั่งต่างๆอันเป็นการไม่บังควรและปิดกั้นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน และมีหนังสือขอโทษต่อรัฐสภาที่ใช้อำนาจฝ่ายบริหารละเมิดอำนาจนิติบัญญัติจนทำให้สมาชิกรัฐสภาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างอิสระ นอกจากนี้ต้องเร่งถอนกำลังทหารตำรวจเครื่องกีดขวางออกให้หมด ในอนาคตหากจะมีกรณีที่ฝ่ายบริหารจะดำเนินการใดๆที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของฝ่ายนิติบัญญัติ จะต้องเป็นเหตุที่ฝ่ายนิติบัญญัติร้องขอฝ่ายบริหารหรือได้รับอนุญาตจากฝ่ายนิติบัญญัติเท่านั้น และในกรณีที่การดำเนินการเกิดขึ้นแล้วและเข้าข่ายผิดกฎหมาย รัฐบาลต้องยินยอมให้มีการดำเนินคดีโดยเร็ว ด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม ไม่ก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรมเด็ดขาด"เอกสารระบุ
ส.ว.สายทหารหนุนเจรจาหาทางออก-ค้านยุบสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในการประชุมวุฒิสภา เมื่อวันที่ 29 มีนาคม มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ช่วงเปิดให้สมาชิกหารือ ส.ว.หลายคนลุกขึ้นหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมอย่างหลากหลาย ได้แก่ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ศรีอรุณ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ขอสนับสนุนให้มีการเจรจาต่อไปเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด แต่ไม่เห็นด้วยเรื่องยุบสภา เพราะจะไปเข้าทางของคนเสื้อแดงโดยเฉพาะคนที่อยู่ต่างประเทศ ทั้งนี้จุดยืนของแกนนำเปลี่ยนแปลงตลอดตั้งแต่เริ่มแรก จากการแก้ไขรัฐ ธรรมนูญต่อมาเป็นการยุบสภา จึงขอให้รัฐบาลใช้ความอดทนอดกลั้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมือง
ด้านน.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี กล่าวว่า เห็นด้วยกับการเจรจา แต่การเจรจาเพื่อนำไปสู่การยุบสภาก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะต้องพิจารณาว่า ผลพวงจากการยุบสภาจะเป็นอย่างไร และรับประกันได้หรือไม่ว่าปัญหาจะยุติด้วยการยุบสภา นอกจากนี้ประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะใน จ.เพชรบุรี ได้โทรศัพท์มาหาตนตลอดเวลา โดยระบุว่า ไม่อยากให้รัฐบาลยุบสภา ฉะนั้นสิ่งแรกที่รัฐบาลและคนเสื้อแดงต้องตกลงร่วมกันคือ ถ้าจะยุบสภาจริงๆก็ต้องกำหนดว่า เมื่อใดที่จะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด เพราะต้องให้โอกาสและเวลารัฐบาลด้วย ขณะที่นายกรัฐมนตรีก็ต้องตอบให้ชัดว่าจะยุบสภาเมื่อไรแน่
"เรืองไกร"โวย"มาร์ค"ใช้อำนาจอะไรส่งกำลังอารักขาสภาฯ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวในการประชุมวุฒิสภา ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อาศัยอำนาจใด มาบดบังอำนาจตามมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ แต่รัฐบาลได้ดำเนินการส่งกองกำลังเจ้าหน้าที่ ขณะที่ ส.ว.กำลัง ประชุมอยู่ในห้อง เมื่อวันที่ 22 มีนาคม เวลา 15.00 น. ด้วยการนำรถบด เครื่องมืออุปกรณ์ มาไว้ที่ลานจอดรถ โดยไม่มีการส่งเอสเอ็มเอสแจ้งเตือน ทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรีเก่งในเรื่องนี้มาก ไม่แจ้งต่อประธานและสมาชิกรัฐสภา รวมทั้งทำให้การประชุมของคณะกรรมาธิการในวันที่ 23 มีนาคม ไม่สามารถทำงานได้ เรื่องนี้ถือเป็นการหยามเกียรติและหมิ่นศักดิ์ศรีของรัฐสภา ซึ่งเป็นอำนาจตามบทบัญญัติมาตรา 3 จึงอยากฝากไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทำหนังสือตอบกลับว่าอาศัยอำนาจตามมาตรา 18 ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงได้อย่างไร
ส.ว.สายตำรวจจี้ศอ.รส.ตั้งชุดเฉพาะกิจวอร์รูมเหตุบึ้ม
พล.ต.ต.เกริก กัลยาณมิตร ส.ว.สรรหา กล่าวในการประชุมวุฒิสภา ว่า จากกรณีที่มีเหตุการณ์ระเบิดหลายแห่งในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้ประชาชนหวาดกลัว ไม่วางใจว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะรับรองความปลอดภัยได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลก็ไม่เคยจับผู้ต้องหาได้เลย ดังนั้น จึงอยากให้ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส) ตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อวอร์รูมหาข่าวเกี่ยวกับการก่อเหตุร้าย และตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนสืบสวนโดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดผลอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมาแม้จะมีการตั้งด่านแต่ก็ไม่ได้มีการตรวจค้นอย่างจริงจัง
ส.ว.สรรหาชื่อยุบสภา ไม่ใช่ทางออก เชื่อเจรจาแก้ปัญหาไม่ได้
ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 29 มี.ค. มีการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระ นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา ได้หารือถึงการเจราระหว่างรัฐบาลและกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ขอขอบคุณรัฐบาลที่เปิดใจรับฟัง และเปิดการเจรจา แต่ทั้งนี้ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ตนถือว่าเป็นการเพิ่มความรู้สาธารณะ ส่วนการเจรจานั้น รัฐบาลถือว่าตัวแทนในการเจรจาเป็นตัวจริง แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ใช่ตัวจริง เพราะคนที่บัญชายังอยู่ในต่างประเทศ นอกจากนี้ ตนเห็นว่าประเด็นในการเจรจาไม่ควรมีแต่เรื่องการยุบสภาเท่านั้น เพราะมิติปัญหาของสังคมมีกว้างกว่านั้น อีกทั้งไม่เชื่อว่าการเจรจาจะสามารถแก้ปัญหาได้ และการยุบสภาคงไม่ใช่ทางออกของบ้านเมือง เพราะก่อนอื่นเห็นควรให้มีการปฏิรูปบ้านเมืองเกิดขึ้นก่อน
ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า การเจรจาที่เกิดขึ้นไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ตนเชื่อว่าไม่ใช่จุดจบของความขัดแย้งในสังคมไทย จึงอยากฝากไปยังรัฐบาลว่าไม่ว่าจะยุบสภาหรือไม่ ตนอยากให้มีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศขึ้นเพื่อหาทางออกให้ประเทศชาติ ซึ่งเรื่องนี้ก็อยู่ในนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว เพื่อจัดการวางระบบการบริหารประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขั้น และการบริหารงานของรัฐบาลก็ผ่านมา 1 ปีกว่าแล้ว รัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย ส่วนการยุติปัญหาทางการเมืองที่ล้มเหลว ตนอยากฝากรัฐบาลเรื่องเจรจาว่า หากจะ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าของการชุมนุมก็ทำไป จะไม่ยุบสภาก็เป็นสิทธิของท่าน แต่อย่ากลับมาบริหารประเทศเหมือนประเทศไม่มีวิกฤต อย่าทำเหมือนที่ผ่านมา จะต้องดำเนินการที่แตกต่างไปจากเดิม
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า การเจรจาจะต้องไม่พูดเพียงเรื่องการยุบสภา แต่ต้องพูดว่าหลังจากนี้ว่าปัญหาต่าง ๆ จะจบอย่างไร ทั้งเรื่องการพูดล่วงละเมิดสถาบัน การโจมตีประธานองคมนตรี การยิงระเบิดหลายจุด ทั้งระเบิดเอ็ม 79 ระเบิดอาร์พีจี แม้จะอ้างว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่อย่าลืมว่ามีขบวนการที่ร่วมมือกับคนเสื้อแดงดำเนินการอยู่ ดังนั้นรัฐบาลจะทำอย่างไร และการยิงระเบิดจะมีการหยุดยั้งได้อย่างไร ซึ่งตนเห็นว่ารัฐบาลควรใช้สื่อให้ชัดเจนในการเผยแพร่ข้อเท็จจริง เพราะขณะนี้กำลังมีขบวนการล้างสมองอยู่ มวลชนกำลังถูกล้างสมอง รัฐบาลจึงต้องใช้สื่อให้เป็นประโยชน์ ก่อนการยุบสภาจะต้องดำเนินการในกระบวนการประชาธิปไตยอย่างไร จะหยุดยั้งวิดีโอลิงก์ และวิทยุชุมชนที่ออกมาปลุกปั่นได้อย่างไร ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้ประกาศกฎหมายที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ความมั่นคง 1 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ประกอบวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เพื่อควบคุมการใช้สื่อ