โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
26 มีนาคม 2553
ข่าวเกี่ยวเนื่อง:อดีตผู้นำนศ.6ตุลาคลั่งยุปราบเศษมนุษย์เสื้อแดง สวมหัวโขนนักธุรกิจร่อนแถลงการณ์ต้านยุบสภา
หลังจากยิงมุกแป้กกับการเปิดตัวชุมชนคนกรุงเทพฯ1,800ชุมชนต่อต้านการชุมนุมของเสื้อแดงเพราะถูกจับได้ว่านายภุชงค์ กนิษฐชาต ประธานกลุ่ม เคยเคลื่อนไหวกับพันธมิตรปิดทำเนียบปิดสนามบินมาก่อน วันนี้่มีการเปิดมุกใหม่อ้างตัวเป็นชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย แต่แล้วก็ซ้ำรอยเดิม เมื่อพบว่าประธานชมรมฯเป็นส.ก.สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และเคยมีบทบาททางการเมืองขับไล่อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตรมาแล้ว
ทั้งนี้ประธานชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตยคือนายสมเกียรติ หอมละออ นอกจากมีนามสกุลเดียวกับนายสมชาย หอมละออ นักสิทธิมนุษยชนที่เคลื่อนไหวให้ท้ายพันธมิตรเป็นปี่เป็นขลุ่ยแล้ว ก็ยังเป็นประธานสภาเขตบางคอแหลม สมาชิกสภาเขต สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และัเคยเคลื่อนไหวขับไล่อดีตนายกฯทักษิณมาก่อนหน้านี้
สก.เขตบางคอแหลมสังกัดปชป.มาด้วย?
สื่อบางค่าย คือคมชัดลึก และกรุงเทพธุรกิจเครือเนชั่นรายงานด้วยว่า ชมรมฯดังกล่าวยังมีนายสมเกียรติ อโนทัยสินทวี อายุ 53 ปี เข้าร่วมด้วย
ซึ่งเมื่อตรวจสอบพบว่านายสมเกียรติ อโนทัยสินทวี เป็นสมาชิกสภาเขตบางคอแหลม สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ (ดูรายละเอียด)
ทั้งนี้เมื่อเวลาประมาณ 12.00น. นายสมเกียรติ หอมละออ ประธานชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย นำคณะนักธุรกิจและเจ้าของกิจการกว่า 30 คน เดินขบวนพร้อมแถลงจุดยืนชมรม หน้าบริเวณตึกสีลมคอมเพล็กส์ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม โดยจุดยืนของชมรมดังกล่าวคือ สนับสนุนการชุมนุม และแสดงความคิดเห็นแนวทางของประชาธิปไตย เฉพาะในกรอบของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมถึงต่อต้านและประณามการใช้ความรุนแรง หรือสัญลักษณ์ใดๆ ที่สะท้อนถึงความรุนแรง อีกทั้งยังไม่สนับสนุนและขอประณามการใช้ความเหลื่อมล้ำของฐานะของประชาชน มาสร้างเงื่อนไขถึงสงครามชนชั้น
โดยแถลงการณ์หลักๆ สรุปได้ว่า 1.ไม่ต้องการให้มีการยุบสภา เพราะเลือกตั้งมาอย่างถูกต้อง และจัดตั้งรัฐบาลอย่างถูกต้อง 2.สนับสนุนการชุมนุมแสดงความคิดเห็นตามแนวทางประชาธิปไตย เฉพาะในกรอบของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ โดยไม่ควรละเมิดสิทธิของพี่น้องชาวไทยร่วมชาติ เช่น การกีดขวางการจราจร 3.ชมรมประกาศจุดยืนต่อต้านและประณามการใช้ความรุนแรง หรือสัญลักษณ์ใดๆ ที่สะท้อนถึงความรุนแรง 4.ไม่สนับสนุนและขอประณามการใช้ความเหลื่อมล้ำของฐานะของประชาชนสร้างเงื่อนไข "สงครามชนชั้น" เพราะเป็นการสร้างความแตกแยกในสังคม
สำหรับแถลงการณ์ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย คือกลุ่มนักธุรกิจเอกชนที่มีอุดมการณ์รักชาติ และรักระบอบประชาธิปไตย มีความเชื่อว่า นักธุรกิจและประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมต้องการความสงบ และต้องการประชาธิปไตยแท้ในแผ่นดิน ดังที่ได้รณรงค์กิจกรรม “สีลม สีเขียว” ในการสนับสนุนรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ชมรมฯขอประกาศจุดยืน ดังต่อไปนี้
1. เรารักประชาธิปไตย เราไม่ต้องการให้ “ยุบสภา” สภาผู้แทนฯชุดนี้ได้รับการเลือกตั้งมาอย่างถูกต้อง และจัดตั้งรัฐบาลอย่างถูกต้อง ตามรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน และสภาผู้แทนฯชุดเดียวกันตั้งแต่รัฐบาล ฯพณฯ สมัคร สุนทรเวช ฯพณฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ จนถึง ฯพณฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่มีเหตุผลใดๆที่จะยุบสภาในขณะนี้ รัฐสภานี้มีอายุจำกัดตามหลักประชาธิปไตย อย่างช้า ปลายปี 2554 ก็จะมีการเลือกตั้งใหม่ คืนอำนาจให้ประชาชนตามวาระอยู่แล้ว
2. ชมรมฯ ขอสนับสนุนการชุมนุมแสดงความคิดเห็นตามแนวทางประชาธิปไตย เฉพาะในกรอบของกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ไม่ควรละเมิดสิทธิ์ของพี่น้องชาวไทยร่วมชาติ เช่น การกีดขวางการจราจร เป็นต้น การเอื้อให้คนไทยสามารถทำมาหากินกันได้ตามปรกติ ไม่เป็นปัญหาต่อการท่องเที่ยว และการลงทุน จะทำให้ประชาชนไทยมีรายได้ดี การจับจ่ายใช้สอยหมุนเวียนสะพัด และเป็นผลดีต่อคนไทยทุกคนอย่างแท้จริง
3. ชมรมฯประกาศจุดยืนต่อต้านและประณามการใช้ความรุนแรง หรือสัญลักษณ์ใดๆ ที่สะท้อนถึงความรุนแรง ชมรมฯเห็นว่า คนไทยพึงรักสามัคคี ไม่เป็นศัตรูกัน การใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายกัน การวางระเบิด การยิงระเบิด หรืออื่นๆ เลือดเนื้อของคนไทย ไม่ว่าฐานะอย่างไร สวมเสื้อสีใด ก็เป็นคนไทยทั้งสิ้น พึงรู้รักสามัคคี ไม่ควรมีใครยุยงแบ่งแยกให้เกลียดชังหรือทำร้ายกัน
4. ชมรมฯ ไม่สนับสนุนและขอประณามการใช้ความเหลื่อมล้ำของฐานะของประชาชนสร้างเงื่อนไข “สงครามชนชั้น” ชมรมฯ ประกอบด้วยนักธุรกิจทุกระดับ เรามีฐานะที่พัฒนาเติบโตมาด้วยพระคุณแผ่นดินไทย ได้รับสิทธิและเสรีภาพในระบบเศรษฐกิจเสรี ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขมายาวนาน ไม่เห็นเป็นปัญหาการปิดกั้นโอกาสจากปัญหาการแบ่งชนชั้นแต่อย่างใด กลับเห็นว่านักธุรกิจการเมืองบางยุคบางสมัยนำการทำธุรกิจโดยเอื้อกิจการของตนและพวกพ้อง จนมีฐานะร่ำรวย ทั้งที่เปิดเผย ซุกซ่อนผ่านคนใกล้ชิด และซุกซ่อนในต่างประเทศอันผิดรัฐธรรมนูญ ชาวไทยไม่ควรที่จะหลงเชื่อว่ามีปัญหาแบ่งแยกชนชั้นในสังคม ความคิดแบ่งแยกชนชั้นเช่นนั้นมักเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายๆประเทศ โดยมักนำไปสู่ความยากจนทั่วกัน เช่นในเวียดนามเหนือ หรือเกาหลีเหนือ ประชาชนก็มีฐานะยากจนกว่าเวียดนามใต้ หรือเกาหลีใต้ที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตยและเศรษฐกิจเสรีที่ประชาชนมีสิทธิและโอกาสเท่าเทียมกัน ไม่สร้างความรู้สึกแตกแยกของชนชั้นในสังคม
5. ชมรมฯรณรงค์เชิญชวนให้ชาวไทยทุกฐานะ ทุกจังหวัด ร่วมแสดงจุดยืนต้องการความสงบสุข และความรักสามัคคีในแผ่นดิน ด้วยการร่วมกันประดับธงชาติที่บ้าน หรือรถยนต์ เพื่อส่งเสริม ความรัก การให้อภัยกัน และการมองกันในแง่ดีด้วยหัวใจความเป็นไทยทุกคน
ชมรมฯขอรณรงค์ให้ชาวไทยร่วมใจรักสามัคคี ร่วมรักษาความสงบร่มเย็น ประชาธิปไตย และความชอบธรรมในแผ่นดิน เพื่อความสันติสุขและความเจริญยั่งยืนตลอดไป