บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553

แกะรอย20คดีบึ้ม ทั้งเอ็ม79-อาร์พีจี แดงคลั่ง-มือที่3 หรือรัฐชงกินเอง?

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ แฟ้มคดี




นับจากวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 25 มีนาคม เป็นระยะเวลาเพียง 1 เดือน หรือไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำหากนับว่าเดือนกุมภาพันธ์มีเพียง 28 วัน

คนไทยโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ต้องระทึกขวัญกับเหตุระเบิด และยิงระเบิด รวมไปถึงจรวดอาร์พีจี ซึ่งเป็นอาวุธสงครามร้ายแรงมากถึง 20 ครั้ง

เฉลี่ยแล้วในเวลาเพียง 3 วันคนไทยต้องรู้ข่าวระเบิดเมือง 2 ครั้ง!!!

ถ้าเป็นพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็คงไม่แปลก แต่นี่กลับเกิดเหตุขึ้นใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนใหญ่เป็นคดีเกี่ยวกับบรรยากาศการเมืองที่กำลังคุกรุ่น นับจากมีคำพิพากษายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทของครอบครัว "ชินวัตร" ระเรื่อยมาถึงการรวมพลครั้งใหญ่ของม็อบเสื้อแดง หรือ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)

อย่างไรก็ตาม ยังน่าสงสัยอย่างยิ่งว่าคดีที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของฝ่ายไหนกันแน่!??

เพราะทั้งเสื้อแดง-รัฐบาล ต่างก็โยนว่าอีกฝ่ายอยู่เบื้องหลัง รวมถึงอีกฝ่ายคือ "มือที่ 3" ซึ่งต้องการป่วนสถานการณ์ เพื่อเข้ามาเก็บกินผลประโยชน์

เสื้อแดงกล่าวหารัฐบาลว่าลงมือเพื่อเป็นข้ออ้างยืดเวลาประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคง รวมไป ถึงพ.ร.บ.ฉุกเฉิน และโยนความผิดให้ม็อบแดง

ส่วนรัฐบาลมองว่าฝ่ายม็อบแดงเองก็มีหลายกลุ่ม อาจจะมีพวกที่นิยมความรุนแรง

สุดท้ายคือมือที่ 3 ซึ่งถูกเพ่งเล็งไปยังกลุ่มคนมีสี ที่หวังว่าหากเหตุการณ์บานปลายมากขึ้นจะได้มีเหตุผลให้ใช้อำนาจเข้าควบคุมสถาน การณ์ได้อย่างเบ็ดเสร็จ

ฝ่ายสุดท้ายหวาดหวั่นว่า หากรัฐบาลทนแรงเสียดทานไม่ไหวต้องยุบสภา

พรรคเพื่อไทยอาจจะชนะการเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาล เพราะมีฐานเสียงใหญ่อยู่ภาคอีสานและภาคเหนือ ซึ่งนักเลือกตั้งรู้ดีว่าพรรคไหนครองอีสานได้ก็มีโอกาสได้ส.ส.มากที่สุด

เมื่อนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อาจจะหวนกลับมามีอำนาจ

ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ จึงเชื่อว่าเป็นที่มาของคดีระเบิดสะท้านเมืองถึง 20 ครา!!!

หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองมีคำพิพากษายึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ และคนในครอบครัวราว 4.6 หมื่นล้านบาท เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

วันรุ่งขึ้นก็เกิดเสียงกัมปนาทของระเบิดดังกึกก้องขึ้น และดังต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้

จากข้อมูลของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ซึ่งรวบรวมคดีระเบิดทั้งหมดเอาไว้ เปิดแถลงข้อมูลและความคืบหน้าของคดีต่างๆ รวมไปถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น

คดีระเบิดที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 25 มีนาคม ตามข้อมูลของศอ.รส. พบว่า มีทั้งสิ้น 20 ครั้ง แบ่งเป็นพื้นที่กทม.และปริมณฑล รวม 16 ครั้ง และเหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่จ.เชียงใหม่อีก 4 ครั้ง



ครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เวลา 21.20 น. คนร้ายนำลูกระเบิดขว้างแบบเอ็ม 76 ขว้างเข้าไปยังธนาคารกรุงเทพ สาขาพระราม 2 แต่ระเบิดไม่ทำงาน

ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน คนร้ายขว้างระเบิดแบบเอ็ม 26 เข้าไปที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนสีลม แรงระเบิดทำให้กระจกด้านหน้าแตกเสียหาย

คดีนี้ตำรวจตามจับกุมคนร้ายได้ 2 คน ซึ่งเป็นอา-หลานกันและเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ให้การสารภาพว่ามีส่วนร่วมแต่อ้างว่าไม่รู้คนปาเป็นใคร!??

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ เวลา 23.30 น. เกิดเหตุระเบิดครั้งที่ 3 เมื่อคนร้ายนำระเบิดไม่ทราบชนิดขว้างเข้าไปยังธนาคารกรุงเทพ สาขาพระประแดง ทำให้กระจกธนาคารได้รับความเสียหาย

ครั้งที่ 4 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ เวลา 00.30 น. คนร้ายปาระเบิดแบบเอ็ม 67 เข้าไปที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาศรีนครินทร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่เก็บกู้ไว้ได้

5.วันที่ 15 มีนาคม เวลา 13.30 น. คนร้ายยิงเอ็ม 79 เข้าไปในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) จำนวน 6 ลูก แต่ทำงานเพียง 4 ลูก ทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 2 นาย

6.วันที่ 16 มีนาคม เวลา 02.20 น. คนร้ายยิงเอ็ม 79 เข้าไปในซอยลาดพร้าว 25 ไม่ปรากฏว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

7.วันที่ 19 มีนาคม เวลา 03.45 น. คนร้ายยิงเอ็ม 16 ใส่บ้านประชาชนภายในซอยทองหล่อ 3 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.

8.เกิดขึ้นวันที่ 19 มีนาคม เวลา 04.00 น. คนร้ายยิงเอ็ม 16 ใส่บ้านประชาชนภายในซอยสุขุมวิท 53 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.

โดย 2 คดีนี้ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายได้พบว่าเป็นปัญหาส่วนตัวเกี่ยวกับธุรกิจ ไม่ได้โยงถึงเรื่องการเมือง

เหตุร้ายครั้งที่ 9 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 มีนาคม เวลา 23.00 น. คนร้ายใช้น้ำมันก๊าดจุดไฟโยนเข้าถูกรถถังหน้ากองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนขับแท็กซี่ร่วมก่อเหตุเป็นผู้ชุมนุมเสื้อแดง 2 คน

10.วันที่ 20 มีนาคม เวลา 21.40 น. คนร้ายขว้างระเบิดเอ็ม 67 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ.นนทบุรี

11.วันที่ 20 มี.ค. เวลา 22.40 น. คนร้ายยิงจรวดอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหม แต่ผิดพลาดติดสายไฟฟ้า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน พบผู้ต้องสงสัยพร้อมอาวุธ โดยตำรวจออกหมายจับ ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม อดีตตำรวจตระเวนชายแดน และตำรวจสภ.วังน้ำเขียว จ.สระแก้ว



12.วันที่ 20 มีนาคม เวลา 23.45 น. พบวัตถุต้องสงสัยบริเวณเชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถยิงทำลายได้สำเร็จ

13.วันที่ 22 มีนาคม มีคนร้ายขว้างระเบิดเอ็ม 67 ใส่ที่สำนักงานบำรุงทางธนบุรี โดยไม่มีการระบุถึงสาเหตุว่ามีใครได้รับบาดเจ็บ

14.วันที่ 23 มีนาคม เวลา 14.00 น. คนร้ายยิงเอ็ม 79 จำนวน 2 นัด ตกที่ข้างรั้วกรมสุขภาพจิตที่กระทรวงสาธารณสุข

15.วันที่ 24 มีนาคม เวลา 19.45 น. คนร้ายปาระเบิดบริเวณตู้ควบคุมไฟฟ้าริมรั้วของศาลากลาง จ.นนทบุรี

16.วันที่ 24 มีนาคม เวลา 20.40 น. คนร้ายขว้างระเบิดเอ็ม 67 บริเวณเสาไฟฟ้าริมรั้วของกรมบังคับคดีเขตตลิ่งชัน

นอกจากนี้ ยังมีอีก 4 เหตุการณ์ที่เกิดในพื้นที่จ.เชียงใหม่ ประกอบด้วย วันที่ 15 มีนาคม เวลา 02.00 น. คนร้ายปาประทัดยักษ์ใส่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สาเหตุคาดว่าวัยรุ่นสร้างสถานการณ์

วันที่ 16 มีนาคม เวลา 03.40 น. คนร้ายปาระเบิดบริษัทพ่อตาของนายเนวิน ชิดชอบ ที่จ.เชียงใหม่

วันที่ 24 มีนาคม 2553 เวลา 14.30 น. พบลูกระเบิดเอ็ม 79 ที่ข้างห้างเซ็นทรัลแอร์พอร์ต พลาซ่า อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ได้สำเร็จ

และสุดท้ายวันที่ 25 มีนาคม เวลา 08.15 น. เจ้าหน้าที่ตรวจพบระเบิดเอ็ม 26 ที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ สามารถเก็บกู้ได้สำเร็จ



ในจำนวน 20 คดีที่เกิดขึ้น สังคมและผู้เกี่ยวข้องให้ความสนใจอยู่ 3 เหตุการณ์ใหญ่ๆ คือ การยิงเอ็ม 79 รวม 6 ลูกเข้าไปภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) เมื่อวันที่ 15 มีนาคม

อีกคดีคือ ยิงจรวดอาร์พีจีถล่มกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่เสื้อแดงรวมพลเดินทางทั่วกรุงเทพฯ ครั้งแรก และเป็นคดีที่ตำรวจได้พยานหลักฐานมากที่สุด

และสุดท้ายคดียิงเอ็ม 79 ถล่มกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 23 มีนาคม เพราะเกิดเหตุหลังเสร็จสิ้นการประชุมครม.ที่ย้ายมาจัดกันที่นี่ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เดินทางกลับไปเพียงครึ่งชั่วโมง

คดียิงเอ็ม 79 ถึง 6 ลูกเข้าไปในร.1 รอ. ถูกพูดถึงอย่างมากเพราะคนร้ายก่อเหตุกับหน่วยทหารและที่น่าสนใจก็คือยิงเข้าไปถึง 6 ลูกซ้อนๆ!!!

วิเคราะห์กันว่าคนร้ายอาจจะใช้ปืนยิงเอ็ม 79 อย่างน้อย 3 กระบอก ซึ่งกรณีนี้เป็นไปได้ยาก เพราะปืนยิงเอ็ม 79 ไม่ใช่เล็กๆ ไม่สามารถซ่อนติดตัวเหมือนปืนพกได้

หรือถ้าใช้กระบอกเดียว ผู้ก่อเหตุต้องชำนาญการชนิดหาตัวจับยาก เพราะการยิงเอ็ม 79 มีลักษณะคล้ายยิงปืนลูกซอง สามารถยิงได้ทีละนัด จากนั้นต้องดึงปลอกกระสุนออกแล้วบรรจุลูกใหม่เข้าไป

สุดท้ายคือคนร้ายใช้ปืนยิงระเบิดชนิด "เอ็ม 32" ซึ่งเป็นปืนที่พัฒนาขึ้นมาจากเอ็ม 79 แต่เหนือกว่าตรงที่มีโม่บรรจุกระสุนคล้ายปืนลูกโม่รวม 6 นัด ซึ่งเป็นจำนวนพอดีกับที่คนร้ายยิงเข้าไป

แต่ปืนชนิดนี้ในเมืองไทยมีเพียง 10 กระบอก ครอบครองโดยหน่วยทหารด้านรบพิเศษเท่านั้น

ที่น่าสนใจก็คือคดีนี้ตำรวจแทบทำอะไรไม่ได้ เพราะเกิดเหตุในค่ายทหาร และผ่านมาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า!??



ถัดมาคือคดียิงจรวดอาร์พีจีถล่มกระทรวงกลาโหม แต่จรวดพลาดไปถูกสายไฟฟ้าบริเวณซอยแพร่งภูธรตกลงกลางถนน ตำรวจตามยึดรถคนร้ายได้พบอาวุธสงครามจำนวนมาก พร้อมกับเสื้อแดงที่แขวนทิ้งเอาไว้ เหมือนกลัวไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร

แถมคนร้ายยังสามารถขับรถนำอาวุธมาก มายผ่านเข้ามาในพื้นที่กวดขันพิเศษ เพราะอยู่ใกล้สถานที่ชุมนุมของคนเสื้อแดง ทำให้มีข้อสงสัยว่าทำไมถึงกล้าทำแบบนี้เหมือนไม่กลัวถูกตรวจค้น!??

ตำรวจพบหลักฐานมากมายนำไปสู่การออกหมายจับส.ต.ต.บัณฑิต อดีตตำรวจที่ถูกไล่ออกจากราชการและพักหลังมาเดินตามนักการเมือง ว่าเป็นหนึ่งใน 2 คนร้ายที่ก่อเหตุ

ข้อมูลล่าสุด ส.ต.ต.บัณฑิตเผ่นหนีไปแล้ว คาดว่าน่าจะไปกบดานที่ประเทศกัมพูชา

เจ้าหน้าที่ตั้งรางวัลนำจับถึง 5 แสนบาท แต่ไม่ง่ายที่จะเจอตัวเพราะส.ต.ต.บัณฑิตเป็นกุญแจสำคัญ หากจับกุมได้และยอมให้ปากคำ สถาน การณ์การเมืองอาจจะพลิกผันได้เลย!??

คดีสุดท้ายคือยิงเอ็ม 79 ถล่มกระทรวงสาธารณสุข คดีนี้แม้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหายเพียงเล็กน้อย แต่เป็นประเด็นที่ฝ่ายนปช.และรัฐบาลกล่าวหากันไปมา

นปช.ตั้งข้อสังเกตว่าวันเกิดเหตุมีการประชุมครม.ที่กระทรวงสาธารณสุข ย่อมมีทหาร-ตำรวจมากมาย แต่ทำไมคนร้ายถึงยังก่อเหตุได้

และยังระบุอีกว่าเลือกเวลาก่อเหตุหลังจาก ครม.กลับไปหมดแล้ว โดยกล่าวหาว่ารัฐบาล "ชงเอง-กินเอง" หรือไม่!??

ส่วนรัฐบาลและทหารออกมาปฏิเสธและโต้กลับในทำนองว่าเป็นฝีมือของฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลมากกว่า

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าในจำนวน 20 คดีระเบิดที่เกิดขึ้น หากไม่นับคดีที่เป็นปัญหาส่วนตัวของผู้ถูกกระทำแล้ว มีแนวโน้มอย่างสูงว่าเชื่อมโยงถึงทุกฝ่ายที่กล่าวหากันไปมาอยู่ในขณะนี้

หากพูดภาษาบ้านๆ ก็ทำนอง "เอ็งที ข้าที" และมีพวกผสมโรงเข้ามาก่อเหตุบ้างประปราย

ส่วนตัวละครหลักๆ ที่ออกหน้าฟาดฟันกันอยู่ จะรู้เห็นด้วยขนาดไหน ยังน่าสงสัยอยู่!??

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker