โดย หมัดเหล็ก
เคทองคงไม่ใช่ทองเค แต่การที่รัฐบาลปูดข่าวคลิปวีดิโอของชายคนหนึ่งที่อ้างเป็นนักจัดรายการทีวีออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต ใช้ชื่อว่า เคทอง โดยมีเนื้อหาในทำนองจะก่อความรุนแรงหลังจากมีคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท
ถามว่าเคทองเป็นใครถึงต้องให้ความสำคัญขนาดนี้
และต้องถามต่อไปว่ารัฐบาลเป็นใครถึงหูตาแหก คงไม่ต้องอธิบายรายละเอียด พฤติกรรมแผลงๆบางอย่างของคนในรัฐบาล แม้แต่ในที่ประชุม ครม. รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ได้ลุกขึ้นเตือน ครม.ให้ระวังครอบครัวจะถูกทำร้าย โดยอ้างข้อมูลจากวิทยุชุมชนคนเสื้อแดงที่มีการปลุกระดมให้ใช้ความรุนแรง
ไม่อยากจะตอกย้ำ รัฐบาลเด็กเล่นขายของ หรือเด็กดื้อ วิธีคิดการแก้ปัญหาแบบเด็กๆ นอกจากจะไม่ใช่วิสัยทัศน์ของผู้นำทั่วไปแล้ว ยังจะทำให้ประเทศกลายเป็นสนามเด็กเล่นไปด้วย
ย้อนไปที่เหตุการณ์ปาอึเข้าไปในบ้าน นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ย้อนเหตุการณ์ไปที่มีคนนำอึไปปาที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ความรู้สึกที่แท้จริงของคนที่กระทำการดังกล่าว เชื่อว่า ต้องเกิดความคั่งแค้นในบทบาทและพฤติกรรมของนายกฯและพรรคประชาธิปัตย์ และอีกส่วนหนึ่งเนื่องจากถูกกดขี่ทางอารมณ์ ไม่ได้รับความเป็นธรรมและเสมอภาคในฐานะประชาชนคนไทย
เป็นพลเมืองชั้นสอง
คนส่วนน้อยกลับได้รับอภิสิทธิ์ และที่ชาวบ้านอดคิดเกิดเป็นข้อเปรียบเทียบไม่ได้ก็คือสถานภาพของ คนเสื้อเหลืองกับคนเสื้อแดง สถานภาพของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย
ต่างกันราวฟ้ากับดิน
หรือสถานภาพของคนส่วนหนึ่งที่ได้รับเอกสิทธิ์และอภิสิทธิ์ ต่างจากชาวบ้านทั่วไปโดยสิ้นเชิง ยิ่งความเหลื่อมล้ำมากเท่าไหร่
ก็จะเกิดช่องว่างความรู้สึกที่ถูกเอาเปรียบมากขึ้นเท่านั้น
ลำพังแค่ความรู้สึกเปรียบเทียบในทำนองน้อยเนื้อต่ำใจธรรมดาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเกิดความรู้สึกคับแค้นต่อต้าน และเรียกร้องความยุติธรรมเมื่อไหร่
บ้านเมืองจะเปลี่ยน
จะใช้อำนาจเพื่อรักษาอำนาจก็ได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราวแต่การใช้ศรัทธารักษาอำนาจนั้น ใช้ได้ในระยะยาว การเสพอำนาจของรัฐบาลชุดนี้จะสั้นจะยาวไม่ได้อยู่ที่พี่เลี้ยง หรือการสร้างภาพ
แต่ต้องเข้าใจความรู้สึกของประชาชน
รัฐบาลคิดอะไร วางกับดักไว้อย่างไร และต้องการจะให้เกิดผลล้มพรรคล้มทุนอย่างไร ทำไมชาวบ้านจะไม่รู้ ทุกย่างก้าวของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มีแต่ลมหายใจของการเมือง คิดแต่จะช่วงชิงความเป็นใหญ่
ลืมนึกถึงบ้านเมือง.
ถามว่าเคทองเป็นใครถึงต้องให้ความสำคัญขนาดนี้
และต้องถามต่อไปว่ารัฐบาลเป็นใครถึงหูตาแหก คงไม่ต้องอธิบายรายละเอียด พฤติกรรมแผลงๆบางอย่างของคนในรัฐบาล แม้แต่ในที่ประชุม ครม. รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ได้ลุกขึ้นเตือน ครม.ให้ระวังครอบครัวจะถูกทำร้าย โดยอ้างข้อมูลจากวิทยุชุมชนคนเสื้อแดงที่มีการปลุกระดมให้ใช้ความรุนแรง
ไม่อยากจะตอกย้ำ รัฐบาลเด็กเล่นขายของ หรือเด็กดื้อ วิธีคิดการแก้ปัญหาแบบเด็กๆ นอกจากจะไม่ใช่วิสัยทัศน์ของผู้นำทั่วไปแล้ว ยังจะทำให้ประเทศกลายเป็นสนามเด็กเล่นไปด้วย
ย้อนไปที่เหตุการณ์ปาอึเข้าไปในบ้าน นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ย้อนเหตุการณ์ไปที่มีคนนำอึไปปาที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ความรู้สึกที่แท้จริงของคนที่กระทำการดังกล่าว เชื่อว่า ต้องเกิดความคั่งแค้นในบทบาทและพฤติกรรมของนายกฯและพรรคประชาธิปัตย์ และอีกส่วนหนึ่งเนื่องจากถูกกดขี่ทางอารมณ์ ไม่ได้รับความเป็นธรรมและเสมอภาคในฐานะประชาชนคนไทย
เป็นพลเมืองชั้นสอง
คนส่วนน้อยกลับได้รับอภิสิทธิ์ และที่ชาวบ้านอดคิดเกิดเป็นข้อเปรียบเทียบไม่ได้ก็คือสถานภาพของ คนเสื้อเหลืองกับคนเสื้อแดง สถานภาพของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย
ต่างกันราวฟ้ากับดิน
หรือสถานภาพของคนส่วนหนึ่งที่ได้รับเอกสิทธิ์และอภิสิทธิ์ ต่างจากชาวบ้านทั่วไปโดยสิ้นเชิง ยิ่งความเหลื่อมล้ำมากเท่าไหร่
ก็จะเกิดช่องว่างความรู้สึกที่ถูกเอาเปรียบมากขึ้นเท่านั้น
ลำพังแค่ความรู้สึกเปรียบเทียบในทำนองน้อยเนื้อต่ำใจธรรมดาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเกิดความรู้สึกคับแค้นต่อต้าน และเรียกร้องความยุติธรรมเมื่อไหร่
บ้านเมืองจะเปลี่ยน
จะใช้อำนาจเพื่อรักษาอำนาจก็ได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราวแต่การใช้ศรัทธารักษาอำนาจนั้น ใช้ได้ในระยะยาว การเสพอำนาจของรัฐบาลชุดนี้จะสั้นจะยาวไม่ได้อยู่ที่พี่เลี้ยง หรือการสร้างภาพ
แต่ต้องเข้าใจความรู้สึกของประชาชน
รัฐบาลคิดอะไร วางกับดักไว้อย่างไร และต้องการจะให้เกิดผลล้มพรรคล้มทุนอย่างไร ทำไมชาวบ้านจะไม่รู้ ทุกย่างก้าวของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มีแต่ลมหายใจของการเมือง คิดแต่จะช่วงชิงความเป็นใหญ่
ลืมนึกถึงบ้านเมือง.