บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2553

สงครามใหม่ หลังยึดทรัพย์

ที่มา ข่าวสด



บรรยากาศการเมืองภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

ยังสะบัดร้อนสะบัดหนาว

ตอนแรกใครต่อใครหลายคนเชื่อว่าคำตัดสินที่ให้ยึดทรัพย์เพียงบางส่วนจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท เหลือคืนให้ 3 หมื่นล้านบาทอันเป็นทรัพย์สินทุนเดิมก่อนพ.ต.ท.ทักษิณจะเข้ามาเป็นนายกฯ

คงช่วยให้สถานการณ์ต่างๆ เบาลง

โดยเฉพาะการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงกลางเดือนมี.ค. ดีกรีความดุเดือดน่าจะลดน้อยลงไป

แต่เมื่อปรากฏต่อมาว่าในคำพิพากษาดังกล่าว ยังมีรายละเอียดบางอย่างที่ฝ่ายรัฐบาลมองว่าสามารถนำไปต่อยอดขยายผลเอาผิดกับพ.ต.ท.ทักษิณ ได้อีกหลายคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญา

เงินทอน 3 หมื่นล้านทำท่าจะไม่ถึงมือพ.ต.ท.ทักษิณ

สถานการณ์ที่ทำท่าจะเย็นลงเลยร้อนพรวดพราดขึ้นมาอีกระลอก

อย่างไรก็ตามมีการคาดหมายกันไว้ล่วงหน้าแล้วว่า

ไม่ว่าคำตัดสินออกมาในรูปแบบใดความขัดแย้งภายในบ้านเมืองก็คงไม่หมดสิ้นไปในทันที

เนื่องจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินต้องออกมาแสดงความไม่พอใจ

อดีตนายกฯทักษิณเองก็ประกาศแล้วว่าจะสู้ต่อ ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงก็เป่านกหวีดนัดรวมพลใหญ่ 12-14 มี.ค.

จึงยังไม่มีใครบอกได้ว่าตอนจบของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร

จะมีการระดมพลกลุ่มที่ไม่พอใจคำตัดสินของศาลออกมาได้มากน้อยแค่ไหนและจะเกิดความรุนแรงหรือไม่

เหล่านี้เป็นประเด็นที่คนไทยทั้งประเทศเฝ้ามองอยู่ด้วยความหวั่นเกรง

ว่าถ้าหากการชุมนุมเกิดการปะทะกันขึ้น

อาจรุนแรงหรือหนักกว่าเหตุการณ์เมื่อเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว

/////

มีการวิเคราะห์ว่าการเคลื่อนไหวใหญ่ของคนเสื้อแดงที่กำลังเกิดขึ้น

ถ้ารัฐบาลควบคุมได้ก็จะไม่เกิดปัญหา

แต่หากควบคุมไม่ได้ก็อาจเป็นการเปิดโอกาสให้อำนาจนอกระบบใช้เป็นข้ออ้างเข้ามาจัดการคุมสถานการณ์เสียเอง

เมื่อนั้นประเทศชาติจะยิ่งถอยหลังไปไกลกว่าเดิม

ข้อกังวลเหล่านี้สอดคล้องกับผลสำรวจโพลภายหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์

ที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังวิตกกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงโดยการชี้นำของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไม่พอใจคำตัดสินและพยายามขยายผลถึงความไม่เป็นธรรม ตอกย้ำเรื่อง 2 มาตรฐาน

จะเป็นตัวจุดชนวนขัดแย้งรุนแรงหนักขึ้น

แม้บางคนจะมองอีกแง่ว่าการที่คำพิพากษาศาล ทำให้คนไทยได้รู้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณได้กระทำความผิด ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบมากมาย

จะทำให้คนที่เคยสนับสนุนลดน้อยลงบางส่วนก็ตาม

ทั้งหลายทั้งปวงนำมาสู่ข้อสรุปที่ว่าปัจจัยชี้ขาดสถานการณ์หลังจากนี้มีอยู่ 2 ส่วน

ส่วนแรกคือถ้าหากพ.ต.ท.ทักษิณยังไม่หยุดเคลื่อนไหว ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล ความขัดแย้งต่างๆ ก็ไม่มีทางหมดไป

ส่วนที่สองคือฝ่ายรัฐบาล กล่าวคือรัฐบาลไม่ควรขยายผลคดียึดทรัพย์ออกไปจนเกินกว่าเหตุ

การที่นายกฯอภิสิทธิ์ ยืนยันปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ อัยการ ป.ป.ช. ดีเอสไอ กระทรวงการคลัง และไอซีที เป็นฝ่ายไล่เช็กบิลพ.ต.ท.ทักษิณ

โดยรัฐบาลจะไม่ทำตัวเป็นคู่กรณีเสียเองเนื่องจากเป็นเรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติล้วนๆ ไม่ใช่ผลประโยชน์ของรัฐบาล

เป็นการแสดงจุดยืนที่ถูกต้องเหมาะสม

เพราะการตามล่าตามล้างกันจนเลยเถิดเกินความจำเป็นทั้งที่รัฐบาลเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบ

อาจเป็นแรงกระตุ้นให้คนรู้สึกเห็นอกเห็นใจพ.ต.ท.ทักษิณมากขึ้น

กลายเป็นการสร้างแนวร่วมให้กับฝ่ายตรงข้าม และเพิ่มแนวต้านให้กับฝ่ายรัฐบาลเสียเอง

///

เช่นเดียวกับมาตรการรับมือม็อบคนเสื้อแดงที่กำลังจะมีขึ้น

แน่นอนว่ารัฐบาลมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ป้องปรามไม่ให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวนอกลู่นอกทาง

ถึงแม้รัฐบาลจะมีเครื่องไม้เครื่องมือให้เลือกใช้กับกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ว่าจะเป็นพ.ร.บ.ความมั่นคง หรือพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

แต่การตัดสินใจเลือกใช้กฎหมายใดนั้น

จำเป็นต้องยึดหลักความพอเหมาะพอดี ไม่ตึงหรือหย่อนจนเกินไป

ไม่เช่นนั้นอาจเป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรงขึ้นเองโดยไม่รู้ตัว

ในจังหวะที่แกนนำเสื้อแดงประกาศยืนยันหลายครั้งต่อหน้าสาธารณชนว่าจะเคลื่อนไหวอย่างสันติวิธี และไม่ต้องการให้มวลชนนำเอาอารมณ์ความรู้สึกจากผลคดียึดทรัพย์มาเป็นตัวขับเคลื่อนการชุมนุม

เนื่องจากเป้าหมายของวันที่ 14 มี.ค. คือการเสนอทางออกปัญหาของบ้านเมืองด้วยวิธีการยุบสภาเท่านั้น

เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้การใช้กำลังขัดขวางไม่ให้มีการชุมนุมจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก

รัฐบาลควรปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงได้พิสูจน์ตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายว่าจะทำตามที่พูดได้หรือไม่

เพราะยังมีความเคลื่อนไหวบางอย่างที่รัฐบาลต้องระมัดระวังและให้ความสำคัญมากกว่าคนเสื้อแดง

นั่นคือความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่เรียกกันว่ามือที่ 3

ถึงจะยังถอดรหัสไม่ได้ชัดเจนว่าเป็นใคร

เป็นมือที่ 3 จากกลุ่มผู้มีอำนาจเหนือรัฐบาล หรือกลุ่มบุคคลประเภท"เคทอง"

แต่กรณีการปาระเบิดถล่มธนาคารกรุงเทพ 4 จุด คืนวันที่ 27 ก.พ.หลังการตัดสินคดียึดทรัพย์เพียงวันเดียวคือข้อยืนยันว่ามือที่ 3 นี้มีตัวตนอยู่จริง

อย่างที่นายกฯอภิสิทธิ์ระบุว่าคนทำมีเป้าหมายสร้างสถานการณ์ให้รัฐบาลกับผู้ชุมนุมแตกแยกกันมากขึ้น

หรือหากจะกล่าวว่าเป็นผู้มุ่งร้ายต่อประเทศชาติตัวจริง

ก็คงไม่ผิด

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker