เหลืออีกเพียง 10 วันเท่านั้น คอการเมืองได้จะได้รู้ชะตากรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดียึด
ทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท (มติชน รายวัน รายงาน)
เป็นคดีประวัติศาสตร์ที่มีความอ่อนไหวยิ่ง และโยงใยต่อสถานการณ์การเมืองภายในประเทศในทุกมิติ
วัน "ดีเดย์" 26 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ ทั้งฝ่าย "พ.ต.ท.ทักษิณ" เอง "พรรคเพื่อไทย, กลุ่มเสื้อแดง" รวมถึง "รัฐบาล" อัน
ประกอบด้วย 6 พรรคร่วม นำโดย "พรรคประชาธิปัตย์"
"ฝ่ายกองทัพ, ฝ่ายอำมาตย์, พ่อค้า, นักธุรกิจ" และ "ประชาชนคนธรรมดา" ต่างหายใจถี่!
รอลุ้นว่าจะมี "อะไร?" เกิดขึ้นตามมา
แต่สัญญาณต่างๆ เมื่อย่างเข้าเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้อดอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้
ตั้งแต่เหตุการลอบยิง "เอ็ม 79" ซึ่งเป็นกระสุนสงครามยอดฮิตทางการเมืองไปแล้ว ถล่มสำนักงาน "ผบ.ทบ." จนถึงล่าสุด เกิด
เหตุระเบิดติดต่อกัน
กรณีแรกช่วงดึกวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ยิง "เอ็ม 79" เข้าไปภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพาณิชย์พระ
นคร ซึ่งอยู่ติดกับ "ทำเนียบรัฐบาล" ห่างกันเพียง 50 เมตร ส่งผลให้รถยนต์เสียหาย 3 คัน
กรณีถัดไป ช่วงเช้าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พบกล่องน้ำผลไม้บรรจุระเบิดซีโฟร์ หนัก 3 ปอนด์ มีสายไฟกับแผงวงจรสวิตช์ จุด
ชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือหรือรีโมต ถูกวางไว้ภายในรั้วศาลฎีกาฝั่งข้างคลองหลอด แต่ดีที่เก็บกู้ได้ทัน
กรณีเหล่านี้ เริ่มตรงกับคำ "ทำนาย" ของบางฝ่าย บางคน
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาล แก้เกมปูดประเด็นเส้นทางการเงินจากนอกประเทศเข้ามาสนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมืองภายใน
ประเทศ และไปไกลถึงขั้นมีกระบวนการฝึกอาวุธในบางจังหวัด
ฝ่ายรัฐ จะใช้วิธีการเดิมคือ ชิงเตะตัดขา กร่อนความชอบธรรมในการเคลื่อนไหว แต่ครั้งนี้ หาได้ผลชะงัดเหมือนครั้งก่อน
เพราะฝ่าย "เสื้อแดง" นำบทเรียนเมื่อครั้งเดือนเมษายน 2552 มาปรับแก้แล้วทุกกระบวน
จึงได้เห็นการพลิกเกมกลับ เปิดประเด็นโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เกี่ยวกับเช็คสั่งจ่าย 2
ใบ ใบละ 1.8 ล้านบาท ให้กับ "พล.อ.เปรม" จน "ลูกป๋า" ต้องรีบออกมาปฏิเสธ ว่าเป็นแค่เงินทำบุญ
แต่นาทีนี้ ความจริง-ความลวงหาได้สำคัญเท่าการชิงลงมือก่อน
"สงครามข่าวสาร" บังเกิด ฝ่าย "เสื้อแดง" ไม่ยอมถูกเล่นงานด้วยสงครามข่าว และการชิงเข้าถึงประชาชนก่อน
ข้อบกพร่องทุกประการ ได้ถูกแก้ไข ท่วงท่า ท่วงทำนอง กลยุทธ์ กลเกม ได้ถูกปรับเปลี่ยน
"ยาเดิม" ที่ชื่อ "ภาวะความเป็นผู้นำ" หรือ "กฎหมายวิเศษ" พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หาได้ทรง
อานุภาพเช่นเดิม เมื่อไวรัสเริ่ม "ดื้อยา"
เมื่ออีกฝ่ายพยายาม "จุดให้ติด" อีกฝ่ายก็ต้อง "ดับให้สนิท"
อย่างไรก็ตาม โหมดลักษณะนี้ยังคงสะท้อน "ตรรกะความคิด" ของ "พ.ต.ท. ทักษิณ" ที่ไม่เคยเปลี่ยน คือ ให้ความสำคัญกับ
"เป้าหมาย" มากกว่า "วิธีการ"
เมื่อตกอยู่ในภาวะถูกบีบรัด ด้วยเดิมพันเฮือกสุดท้ายและเงื่อนเวลา จึงไม่แปลกที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ" จะเออออต่อทั้งวิธีการที่นำ
เสนอโดยเหล่าบริวาร หลากกลุ่มหลายก้อน
ทั้งจาก "สามเกลอ" ด้วยยุทธวิธีระดมมวลชนเคลื่อนไหวชูประเด็น "สองมาตรฐาน"
หรือยุทธวิธีกึ่งการรบของเหล่านายทหารแก่ ทั้งทฤษฎี "กองทัพประชาชน" ของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี และ "แก้วสามประการ"
อันประกอบด้วย พรรค แนวร่วม และกองกำลัง ของ "เสธ.แดง" พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก
แต่เมื่อถนนบีบเข้าสู่โหมดความรุนแรง ไม่ว่าจะโดยอัตโนมัติหรือจงใจ ก็ยากที่จะสร้างเอกภาพในการเคลื่อน
แนวคิดที่ต่างกัน หากผสมกันไม่ลงตัว เกิดการแย่งชิงการนำกันเอง แล้วเคลื่อนไหวตามสั่ง หรือนอกสั่ง ไปในทางความ
รุนแรงที่ต้องแรงกว่าเดิม
ตามที่ยังมีหลายคนยังติดอยู่กับความสำเร็จในอดีต ด้วยยุทธวิธีตามแบบฉบับเฉพาะ ด้วยหลักคิด "แลกแล้วคุ้ม"
กลุ่ม "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิป ไตย" ใช้เวลาถึง 193 วัน ในการโค่นล้มรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช และ สมชาย วงศ์
สวัสดิ์ ด้วยสโลแกน "สงบ อหิงสา สันติปราศจากอาวุธ"
วันนี้ จึงมองไม่เห็นว่ายุทธการ "ม้วนเดียวจบ" ที่มีเวลาให้อย่างมากที่สุดไม่เกิน 30 วัน จะจบลงได้ด้วยวิธีการใด
นอกจากการไหลเข้าโหมดที่คนไทยอกสั่นขวัญหาย
เมื่อถึงตอนนั้น เชื่อว่ายากที่ "พ.ต.ท. ทักษิณ" จะควบคุมได้ จำต้องปล่อยเลยตามเลย ด้วยสภาวะจิตใจที่ว้าวุ่นกับสิ่งที่ตัวเอง
ประสบ และเมื่อ "เลือดเข้าตา"
เพราะรอให้ "ยุบสภา" เลือกตั้งใหม่ด้วยกระบวนการปกติทางสภาไม่ไหวอีกต่อไป เพราะ "ประชาธิปัตย์" คนกดปุ่มไม่มีทาง
ยอม
"สงครามสยาม" ครั้งนี้ ไม่มีใครรู้ว่าผลจะออกมาอย่างไร
แต่บ้านเมืองขณะนี้กำลังนับถอยหลัง เข้าสู่โหมดแห่งความเปราะบางยิ่งนัก...
