ประเด็นร้อน จีที 200 ไม่ใช่แค่ประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดดังกล่าวเท่านั้น แต่หมายถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับกองทัพอีกด้วย
ชี้เป้าไปที่ตำแหน่ง ผบ.ทบ.
การตั้งกรรมการขึ้นมาทดสอบประสิทธิภาพของ จีที 200 ย่อมรู้ผลลัพธ์ที่จะออกมาอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการผ่าเครื่องมือเจ้าปัญหาพิสูจน์ในต่างประเทศและผลออกมาเป็นเช่นไร รู้กันอยู่เต็มอกทุกอย่างกระจ่างชัดเจน
อันที่จริงนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่จำเป็นต้องให้มีการทดสอบตอกย้ำความผิดปกติด้วยซ้ำไป นายกฯอภิสิทธิ์ไม่ต้องออกหน้าที่จะขอข้อมูลจากรัฐบาลอังกฤษ และไม่จำเป็นต้องมาเล่นเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
แต่เพราะนี่คือเกมการเมือง
เข้าใจว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็จะรู้ตื้นลึกถึงหมากเกมนี้ดี ไม่เช่นนั้นคงไม่ลงทุนมานั่งแถลงข่าวยืนยันความเชื่อมั่นในเครื่องมือชนิดนี้และให้ใช้งานต่อไป ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้นายกฯอภิสิทธิ์ได้ย้ำไปแล้วว่าจะระงับการซื้อและการใช้งานเครื่องมือดังกล่าว นอกจากภารกิจต้องหยุดการเข้ามาตรวจสอบอาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆในกองทัพ ซึ่งอาจจะตามมาเป็นระลอก นั่นหมายถึงความมั่นคงของกองทัพและคนในกองทัพเองด้วย
ถามว่าเล่นเรื่องนี้แล้วได้อะไร คำตอบก็คือ ยิงนกทีเดียวได้ทั้งฝูง เบรกการจัดซื้อเครื่องมือตรวจสอบวัตถุระเบิดทุกชนิดที่พรรคร่วมรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ และดิสเครดิตผู้ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย
ที่หนีไม่พ้นคือ รมว.กลาโหม ผบ.ทบ. และกรมสรรพาวุธอาจจะพ่วงสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เข้าไปด้วย ถึงจะไม่จัดการเด็ดขาดกันในวันนี้ แต่ก็เป็นเครื่องมือที่จะต่อรองและสร้างเงื่อนไขได้ในอนาคต
สมมติมีการตั้งกรรมการสอบการจัดซื้อ จีที 200 ขึ้นมา คงจะกระทบกับตำแหน่ง ผบ.ทบ. ไม่น้อย เหมือนเมื่อครั้งที่อดีต ผบ.ตร. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ โดนมาแล้ว
อานิสงส์ของการเปลี่ยนแปลง ตำแหน่ง ผบ.ทบ. จะตกกับใครและเป็นฝ่ายใคร อะไรอย่างไร คงไม่ต้องมานั่งชี้แจงรายละเอียด เมื่อทุกอย่างถูกบรรจุไว้ในแผนลับ ลวง พราง ภาคพิเศษหมดแล้ว
ก็ต้องเดินไปตามแผนวันยังค่ำ
ทุกอย่างคงไม่รอไปจนถึงเดือนตุลาคมแน่นอน น่าจะมีการปิดบัญชีในเร็วๆนี้ แต่ถามว่าทุกอย่างจะยุติหรือไม่ คำตอบก็คือไม่ยุติ แต่จะแรงกว่าเดิม
อย่าลืมว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็หนีไม่พ้นข้อครหาไปได้ คนที่เป็นหัวหอกการซื้อเครื่องมือดังกล่าวก็ถูกอ้างเป็นคนของประชาธิปัตย์จะในอดีตหรือปัจจุบันก็แล้วแต่ จะโยนความชั่วใส่คนอื่นตลอดไปคงไม่ได้
ถ้าวันนี้สังคมมีสติคงได้เห็นถึงอนาคตของบ้านเมืองแล้วว่าจะลงเอยอย่างไร ยิ่งถ้าปล่อยให้มี รัฐบาลร่างทรง บริหารประเทศต่อไปอย่างนี้ ความขัดแย้งแตกแยกจะซ้ำซ้อนและล้ำลึกจนยากจะเยียวยา.
หมัดเหล็ก
ชี้เป้าไปที่ตำแหน่ง ผบ.ทบ.
การตั้งกรรมการขึ้นมาทดสอบประสิทธิภาพของ จีที 200 ย่อมรู้ผลลัพธ์ที่จะออกมาอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการผ่าเครื่องมือเจ้าปัญหาพิสูจน์ในต่างประเทศและผลออกมาเป็นเช่นไร รู้กันอยู่เต็มอกทุกอย่างกระจ่างชัดเจน
อันที่จริงนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่จำเป็นต้องให้มีการทดสอบตอกย้ำความผิดปกติด้วยซ้ำไป นายกฯอภิสิทธิ์ไม่ต้องออกหน้าที่จะขอข้อมูลจากรัฐบาลอังกฤษ และไม่จำเป็นต้องมาเล่นเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
แต่เพราะนี่คือเกมการเมือง
เข้าใจว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็จะรู้ตื้นลึกถึงหมากเกมนี้ดี ไม่เช่นนั้นคงไม่ลงทุนมานั่งแถลงข่าวยืนยันความเชื่อมั่นในเครื่องมือชนิดนี้และให้ใช้งานต่อไป ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้นายกฯอภิสิทธิ์ได้ย้ำไปแล้วว่าจะระงับการซื้อและการใช้งานเครื่องมือดังกล่าว นอกจากภารกิจต้องหยุดการเข้ามาตรวจสอบอาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆในกองทัพ ซึ่งอาจจะตามมาเป็นระลอก นั่นหมายถึงความมั่นคงของกองทัพและคนในกองทัพเองด้วย
ถามว่าเล่นเรื่องนี้แล้วได้อะไร คำตอบก็คือ ยิงนกทีเดียวได้ทั้งฝูง เบรกการจัดซื้อเครื่องมือตรวจสอบวัตถุระเบิดทุกชนิดที่พรรคร่วมรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ และดิสเครดิตผู้ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย
ที่หนีไม่พ้นคือ รมว.กลาโหม ผบ.ทบ. และกรมสรรพาวุธอาจจะพ่วงสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เข้าไปด้วย ถึงจะไม่จัดการเด็ดขาดกันในวันนี้ แต่ก็เป็นเครื่องมือที่จะต่อรองและสร้างเงื่อนไขได้ในอนาคต
สมมติมีการตั้งกรรมการสอบการจัดซื้อ จีที 200 ขึ้นมา คงจะกระทบกับตำแหน่ง ผบ.ทบ. ไม่น้อย เหมือนเมื่อครั้งที่อดีต ผบ.ตร. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ โดนมาแล้ว
อานิสงส์ของการเปลี่ยนแปลง ตำแหน่ง ผบ.ทบ. จะตกกับใครและเป็นฝ่ายใคร อะไรอย่างไร คงไม่ต้องมานั่งชี้แจงรายละเอียด เมื่อทุกอย่างถูกบรรจุไว้ในแผนลับ ลวง พราง ภาคพิเศษหมดแล้ว
ก็ต้องเดินไปตามแผนวันยังค่ำ
ทุกอย่างคงไม่รอไปจนถึงเดือนตุลาคมแน่นอน น่าจะมีการปิดบัญชีในเร็วๆนี้ แต่ถามว่าทุกอย่างจะยุติหรือไม่ คำตอบก็คือไม่ยุติ แต่จะแรงกว่าเดิม
อย่าลืมว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็หนีไม่พ้นข้อครหาไปได้ คนที่เป็นหัวหอกการซื้อเครื่องมือดังกล่าวก็ถูกอ้างเป็นคนของประชาธิปัตย์จะในอดีตหรือปัจจุบันก็แล้วแต่ จะโยนความชั่วใส่คนอื่นตลอดไปคงไม่ได้
ถ้าวันนี้สังคมมีสติคงได้เห็นถึงอนาคตของบ้านเมืองแล้วว่าจะลงเอยอย่างไร ยิ่งถ้าปล่อยให้มี รัฐบาลร่างทรง บริหารประเทศต่อไปอย่างนี้ ความขัดแย้งแตกแยกจะซ้ำซ้อนและล้ำลึกจนยากจะเยียวยา.
หมัดเหล็ก
