บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ศึกในเพื่อไทยสะเทือนทักษิณ?

ที่มา ข่าวสด

รายงานพิเศษ




ใกล้วันเผด็จศึกล้มรัฐบาล เครือข่ายนายใหญ่กลับมาแตกคอกันเอง

ภายในพรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส. เปิดศึกย่อยกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แกนนำส.ส.กทม.

ด้วยประเด็นชิงดีชิงเด่น สกัดจุดเรื่องเสนอชื่อนายกฯ แนบท้ายญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ

แม้บรรดาแกนนำจะสยบข่าวว่าประสานรอยร้าวหมดแล้ว แต่กลิ่นเกาเหลาถ้วยเก่าคงไม่หมดไปง่ายๆ

พรรคเพื่อไทยที่ถูกวางตัวให้เดินเกมรบในสภา เมื่อต้องเจอ "ศึกใน" จะกระทบต่อเป้าหมายใหญ่ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่?



วิชาญ มีนชัยนันท์

ประธานภาคกทม. (กลุ่มคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์)

ไม่ใช่การทะเลาะกัน เป็นความคิดคนละมุม อาจไม่ได้ปรึกษาหารือกันแล้วพูดจากันผ่านสื่อ เลยเหมือนทะเลาะโต้ตอบกัน

ที่จริงไม่มีอะไร ทุกอย่างจบแล้ว การทำงานก็ทำต่อไปตามหน้าที่ของแต่ละคน ส.ส.ต้องทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจ ผ่านคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลที่มีร.ต.อ.เฉลิมเป็นประธาน

ทุกคนเห็นตรงกันแล้วว่าข้อมูลที่ต้องอภิปรายต้องชัดเจน มีใบเสร็จและรายละเอียดครบถ้วน

ร.ต.อ.เฉลิมถอนตัวจากทีมอภิปราย ผมว่าเรื่องยังไม่เกิด อย่าเพิ่งไปสมมติ คงไม่มีเรื่องอย่างนั้น ท่านไม่ได้อภิปรายคนเดียว มีคนที่มีความรู้ความสามารถและรวบรวมข้อมูลการอภิปรายแล้ว

เรื่องแบ่งภาคกทม.น่าจะจบ มติของภาคที่ประชุมกันออกมาชัดเจนว่าไม่ควรแบ่งแยกออกจากกัน ผมบอกร.ต.อ.เฉลิมไปแล้วว่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของภาคกทม. ต้องมาพูดคุยกันแล้วออกมาเป็นมติของภาค

เรื่องนี้ก็จบไปแล้วเช่นกัน

1.วิชาญ มีนชัยนันท์

2.ศักดา คงเพชร

3.วิทยา บุรณศิริ

4.ปลอดประสพ สุรัสวดี





ศักดา คงเพชร

แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา

ความขัดแย้งต่างๆ เป็นเรื่องปกติของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเยอะ มีแนวทางการทำงานที่หลากหลาย ความขัดแย้งหรืออะไรที่ไม่พอใจก็อาจมีบ้าง แต่จะทำให้พรรคเข้มแข็งขึ้น

พรรคเติบโตมาจากพรรคไทยรักไทย แม้ถูกอำนาจบีบทุกอย่าง แต่เรายังเดินมาได้ การทำงานในนามพรรคต้องดำเนินต่อไป ภาระหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจก็ต้องเดินหน้า ทุกฝ่ายที่มีข้อมูลต้องสนับสนุนพรรค พร้อมทำหน้าที่ต่อ

เราไม่ค่อยถนัดเป็นฝ่ายค้านเพราะทำงานฝ่ายบริหารมานาน การพูดจาในลักษณะสร้างเรื่องให้คนเชื่อ พูดเอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่นทำไม่ค่อยเป็น บางอย่างเลยไม่เข้าฟอร์ม

รัฐบาลเจองานหนักในการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน นอกจากข้อมูลฝ่ายค้านแล้ว ยังต้องเจอการเมืองนอกสภา กลุ่มผู้มีบารมีนอกสภา กลุ่มอำนาจและพันธมิตรที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล

ความขัดแย้งของร.ต.อ.เฉลิมไม่ใช่เรื่องใหญ่ ท่านเป็นผู้ใหญ่ นับอาวุโสส.ส.ในสภาถือว่าอยู่ระดับต้นๆ อาจอยากขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตามกระบวนยุทธของท่าน แต่เพราะพรรคใหญ่ อาจไม่ตรงตามความต้องการทั้งหมด ซึ่งต้องยอมรับ

เชื่อว่าร.ต.อ.เฉลิมต้องกลับมาเป็นขุนพลของพรรค ท่านต้องเห็นแก่พวกพ้องที่ร่วมต่อสู้กันมา ผลประโยชน์ของชาติ ไม่ตัดช่องน้อยแต่พอตัวแน่นอน

ข้อเสนอให้แบ่งภาคกทม.เป็น 3 ส่วน ให้ท่านดูแลเขตฝั่งธนบุรี เป็นเรื่องภายในภาคกทม. แม้ร.ต.อ.เฉลิมอยากให้เสียงที่ประชุมพรรคชี้ขาด แต่คงต้องคุยกันเอง

ไม่ว่าผลเป็นอย่างไร ไม่ทำให้การขับเคลื่อนการทำงานของพรรคเสียหาย



วิทยา บุรณศิริ

ประธานวิปฝ่ายค้าน

ปัญหาความแตกแยกแบ่งกลุ่มไม่มีแน่นอน เป็นเรื่องธรรมดาที่ภายในพรรคย่อมมีกลุ่มมีพวก ไม่เฉพาะพรรคเพื่อไทยแต่หลายพรรคก็มีเช่นกัน

ยืนยันว่าไม่กระทบต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สมาชิกต้องเคารพวัฒนธรรมองค์กร แม้มีความเห็นที่แตกต่าง แต่เมื่อเสียงส่วนใหญ่เห็นอย่างไร ส.ส.ต้องยอมรับ

เมื่อถึงเวลาสมาชิกในพรรคจะจับมือร่วมกันทำงาน เพราะขนาดในพรรคยังไม่ไว้หน้ากัน ฉะนั้นอย่าคิดว่าจะไว้หน้ารัฐบาล

ที่ผ่านมาร.ต.อ.เฉลิมก็ทำงานเรื่องต่างๆ ได้ ร่วมมือกับส.ส.ได้เป็นอย่างดี เดินสายลงพื้นที่อีสานจนเป็นที่ยอมรับของประชาชน ปัญหาที่เกิดขึ้นใครทำก็ตามไปแก้เอง ตามตำราโบราณที่ว่าเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้

ข่าวกลุ่มแกนนำ "โปลิตบูโร" บัญชาการการทำงานส.ส.อยู่บนชั้น 33 ตึกชินวัตร 3 สถานที่ดังกล่าวเคยเป็นที่ทำงานพรรคไทยรักไทยมาก่อน อาจมีคนเก่าแก่ที่เคยร่วมงานกับพรรคแวะเวียนไปบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่ได้มาเกี่ยวข้องกับการทำงานพรรคเพื่อไทย

การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องการทำงานในสภา ใครจะไปเดินเกมนอกสภาอย่างไรไม่เกี่ยวกัน ถ้าจะมีส.ส.ไปเกี่ยวข้องบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ถือเป็นการซ้อมใหญ่ก่อนการอภิปราย



ปลอดประสพ สุรัสวดี

รองหัวหน้าพรรค

ปัญหาที่ทำให้สมาชิกพรรคเห็นต่างกันมาจาก 2 เรื่อง คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งขณะนี้ยุติไปแล้ว และเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

ประเด็นหลังไม่ใช่ปัญหาที่ต้องกังวล พรรคต้องยื่นญัตติภายในเดือนก.พ. แต่ชนวนเหตุให้สถานการณ์ในพรรคแรงขึ้นจนถูกมองว่าเป็นความขัดแย้งแตกแยก คือ การเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกฯ แนบกับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ส.ส.ต้องการให้มาจากคนในพรรค ขณะที่บางคนอยากได้คนนอก

เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าเราไม่มีโอกาสชนะ ฉะนั้นการเสนอชื่อใครก็คงไม่มีปัญหา หากได้ก็เป็นเกียรติประวัติของบุคคลนั้นๆ แต่ถ้าประเมินแล้วเรามีโอกาสชนะต้องกลับมาคิดหนัก เพราะคนที่ถูกเสนอชื่อต้องเป็นนายกฯ ตัวจริง

เหตุการณ์คงเป็นแค่การทะเลาะฉาบฉวย ไม่ลึกซึ้ง ไม่ต้องไกล่เกลี่ยก็จบลงได้เอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ที่ผ่านมาผู้ใหญ่ในพรรค กรรมการบริหาร คอยให้คำปรึกษา เช่น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรค พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร สมาชิกพรรค

การแบ่งกลุ่มแบ่งพวกขณะนี้ถือว่าน้อยมาก จึงไม่เชื่อว่าใครต้องการให้แตกแยก ถ้าคิดอย่างนั้นถือว่าโง่เต็มที ไม่มีประโยชน์อะไรกับพรรค

ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่าอาจถอนตัวจนหลายฝ่ายเกรงว่าจะเกิดปัญหานั้น อาจเป็นการสื่อสารที่ทำให้เข้าใจไปคนละทาง ที่ผ่านมาร.ต.อ.เฉลิมก็เห็นตรงกันเรื่องการคัดเลือกตัวนายกฯ มั่นใจว่าความเห็นที่ต่างไม่กระทบต่อการอภิปราย ร.ต.อ.เฉลิมจะเป็นผู้นำอภิปรายแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์

ส่วนเรื่อง "โปลิตบูโร" ที่ผ่านมามีแกนนำพรรค รวมถึงบุคคลที่เคยทำงานกับพรรคไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่ชั้น 33 ตึกชิน 3 ประมาณ 2 ครั้ง หารือกันเรื่องใด ไม่ทราบ แต่ไม่ใช่ประชุมวางแผนงานเพื่อสั่งการให้พรรคเพื่อไทยรับแนวทางมาดำเนินการต่อ

ที่เข้าใจว่าเป็นคณะกรรมการสูงสุดนั้นคงไม่ใช่ สถานที่รับประทานอาหารอยู่บนที่สูงมากกว่า

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker