บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

แนวทางประชาธิปไตย ‘ฝ่ายประชาชน’ ตอนที่ 1

ที่มา บางกอกทูเดย์

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของประเทศไทยนั้นยิ่งใหญ่ด้วยพระบรมเดชานุภาพและพระบารมีเหนือสถาบันพระมหากษัตริย์ในหลายประเทศทั้งปวงเพราะหลักสาระสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย คือทศพิธราชธรรมซึ่งสืบทอดมาแต่บรรพกาล และถูกหล่อหลอมเป็นจิตวิญญาณของชาติมากว่า 700 ปี สะท้อนเป็นรูปของประเทศ คือ “ราชอาณาจักร”และเป็นองค์คุณเอกภาพ 3ประการ ที่แยกออกจากกันไม่ได้ถ้าแยกแล้วจะไม่มีความเป็นชาติ คือสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ในยุคปัจจุบันภายใต้การปกครองของประเทศที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตยเป็นการสลับสับเปลี่ยนระหว่างระบอบเผด็จการรัฐประหาร กับระบอบเผด็จการรัฐสภาโดยขึ้นปกครองประเทศมาเป็นเวลากว่า 77 ปี นับแต่คณะราษฎร์ทำการยึดอำนาจสมเด็จพระปกเกล้าฯเมื่อ พ.ศ.2475พสกนิกรผู้จงรักภักดีทั้ง

หลายการเชิดชูบูชาสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นต้องรู้แจ้งในวิวัฒนาการทางประวัติศาสตร์แห่งความสัมพันธ์ระหว่างชนชาติไทยโดยเฉพาะไทยสยามกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อเป็นหลักประกันอันแน่นอนของมาตรการที่ถูกต้องในการรักษาส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ปัญหาการรักษาความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น นอกจากจะพิจารณาประสบการณ์ของต่างประเทศแล้ว ยังต้องพิจารณาประสบการณ์ของประเทศเราเองอีกด้วยโดยเฉพาะจาก

3 ขบวนการทางการเมือง คือ ขบวนการประชาธิปไตยขบวนการเผด็จการ ขบวนการคอมมิวนิสต์ในยุคประวัติศาสตร์สมัยกลางการปกครองที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศชาติและประชาชนคือ ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เพราะยุคสมัยกลางมีระบบเศรษฐกิจแบบผลิตเพื่อกินเพื่อใช้ หรือระบบเศรษฐกิจฟิวดัล (Feudalism) และการเมืองแบบพระมหากษัตริย์ทรงปกครองจึงสอดคล้องและส่งเสริมระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นอย่างยิ่งจึงทำให้สถาบันพระ

มหากษัตริย์มีความมั่นคงดีงามยิ่งแต่ในยุคประวัติศาสตร์สมัยใหม่ประมาณศตวรรษที่ 15 ได้เกิดขบวนการประชาธิปไตยขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของประเทศชาติและประชาชนจึงทำให้ขบวนการเผด็จการไม่สอดคล้องกับความต้องการของชาติและประชาชนอีกต่อไปนั่นคือ ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จะทำให้เกิดความมั่นคงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในเงื่อนไขของยุคประวัติศาสตร์สมัยกลางแต่ในยุคประวัติศาสตร์สมัยใหม่ที่มีระบบเศรษฐกิจเสรีนิยม และลัทธิ

ประชาธิปไตยเป็นเงื่อนไขรองรับของระบอบประชาธิปไตยสถาบันพระมหากษัตริย์จึงต้องเปลี่ยนจากระบอบพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์ (Absolute Monarchy) มาเป็นระบอบพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ(Limited Monarchy) ที่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยที่สุดกล่าวคือ ระบอบประชาธิปไตยจะทำให้เกิดความมั่นคงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ระบอบเผด็จการทุกชนิดจะทำลายความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งระบอบเผด็จการรัฐสภา หรือ

ระบอบเผด็จการรัฐประหาร หรือระบอบเผด็จการคอมมิวนิสต์สถาบันพระมหากษัตริย์มีความสำคัญต่อการดำรงความเป็นชาติทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมไทยในสภาวะปัจจุบันและอนาคต ตลอดไปในส่วนที่เป็นจุดเริ่มต้น คือประวัติศาสตร์หรืออดีตกาล ถ้าไม่เข้าใจว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ในอดีตมีความสำคัญต่อการดำรงความเป็นชาติอย่างไร ก็คงไม่รู้ปัจจุบันและอนาคตได้เช่น เราศึกษาประชาธิปไตยแต่เฉพาะหลังเหตุการณ์ 24 มิถุนายน2475 ลงมาจนถึง

ปัจจุบันเท่านั้นเป็นเหตุให้เราไม่รู้จักประชาธิปไตยเลยทีเดียวถ้าเราศึกษาประชาธิปไตยตั้งแต่ก่อนพุทธศักราช 2475 ขึ้นไปก็จะรู้ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์สร้างประชาธิปไตยอย่างถูกต้องอย่างไรบ้าง และจะรู้ถูกว่าระบอบการปกครองหลังพุทธศักราช 2475 นั้นไม่ใช่ประชาธิปไตยแต่เป็นเผด็จการตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ปรากฏตามพระราชหัตถเลขาทรงสละราชสมบัติของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 7 ตอนหนึ่งว่า“..ข้าพเจ้าเห็นว่ารัฐบาลและพวกพ้องใช้วิธีการปกครอง

ซึ่งไม่ถูกต้องตามหลักการของเสรีภาพในตัวบุคคลและหลักความยุติธรรมตามความเข้าใจและยึดถือของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไมส่ ามารถทจี่ ะยนิ ยอมใหผ้ ใู้ด คณะใดใช้วิธีการปกครองอย่างนั้นในนามข้าพเจ้าต่อไปข้าพเจ้า มีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่เดิมให้แก่ราษฎรทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร์......ข้าพเจ้ามีความเสียใจเป็น

อย่างยิ่ง ที่ไม่สามารถจะยังประโยชน์ให้แก่ประชาชนและประเทศชาติของข้าพเจ้าต่อไปตามความตั้งใจและความหวัง ซึ่งรับสืบต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ คงได้แต่ตั้งสัตย์อธิษฐาน ขอให้ประเทศสยามจงได้ประสบความเจริญและขอประชาชนชาวสยามจงได้มีความสุขสบาย...”สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยได้ทรงเริ่มก่อตั้งชาติในระหว่างยุคประวัติศาสตร์สมัยโบราณกับยุคสมัยกลาง ในนามของอาณาจักรสุโขทัยโดยทรงอัญเชิญ ทศพิธราชธรรมจากพระพุทธเจ้ามาเป็นหลักการ

ของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย จึงเป็นหลักการของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ดีงามสูงส่งที่สุดในโลก ตลอดมาและตลอดไปที่สำคัญทรงนำเอาทศพิธราชธรรมมาสถาปนาขึ้นเป็นหลักการปกครองของประเทศ (Principle of Government)จึงทำให้ประเทศเราดำรงความเป็นชาติมาได้จนกระทั่งบัดนี้ในยุคประวัติศาสตร์สมัยใหม่(Modern History) โลกตะวันตกไดก้ า้ วขนึ้ สยู่ คุ ประวตั ศิ าสตรส์ มยั ใหม ่ดว้ ยการเปลี่ยนเป็นระบบเศรษฐกิจเสรีนิยมและเปลี่ยน

เป็นระบอบประชาธิปไตยในทางการเมืองเมื่อประมาณ 150 – 300 ปีที่ผ่านมาจึงเกิดความเจริญรุ่งเรืองศิวิไลซ์กลายเป็นประเทศมหาอำนาจบังเกิดเป็นกระแสโลกผลักดันให้ทั้งโลก ต้องเปลี่ยนประเทศจากชาติสมัยเก่าขึ้นสู่ชาติสมัยใหม่ (Nation) ด้วยการยกเลิกระบบเศรษฐกิจฟิวดัลแบบเก่า...มาเป็นระบบเศรษฐกิจเสรีนิยมแบบใหม่และยกเลิกระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็น“ระบอบประชาธิปไตย” (ติดตามตอนต่อไป)

นิรนาม นิรกาย

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker