พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ถึงกรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และพล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 (มทภ.4) ยืนยันว่า เครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 ใช้ได้จริงว่า ขอเตือน พล.อ.อนุพงษ์ อย่าดันทุรัง และขอให้ยอมรับว่าจีที 200 เป็นเพียงกระบอกเซียมซีที่ใช้ไม่ได้ รวมถึงประเทศอังกฤษก็ได้ออกมาพิสูจน์แล้วว่าจีที 200 เป็นแค่ไม้ลวงโลก ทำอะไรไม่ได้ ขอเตือนว่าระวังจะติดคุก ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์อุ้ม พล.อ.อนุพงษ์ อยู่เพราะกลัวว่าจะปฏิวัติ จึงเอาใจ เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน แต่อีก 7-8 เดือน เมื่อ พล.อ.อนุพงษ์เกษียณอายุราชการ แล้วมีโจทก์ฟ้องศาล พล.อ.อนุพงษ์ อาจจะต้องถูกดำเนินคดี และอาจโดนศาลสั่งจำคุก เหมือนกรณีที่นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ต้องหนี เพราะถูกพิพากษาจำคุกในคดีทุจริตโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน
"ความจริงเครื่องราคาแค่พันกว่าบาท แต่ไปสั่งซื้อราคาเครื่องละล้านกว่าบาท ดังนั้น ขอให้ยอมรับว่าจีที 200 ใช้ไม่ได้ จะได้ไม่ติดคุก และขอให้ลาออกไป ยังมีเรื่องอื่นอีกเช่น การเอาเงินออมทหารของกองทัพไปซื้อหุ้น ซึ่งมีข้อห้ามว่า ห้ามนำเงินนี้ไปใช้ผิดประเภท อีกทั้งเรื่องบอลลูน รถจี๊ปติดเกราะ และรถหุ้มเกราะยูเครนอีก ซึ่งขณะนี้มีคนกำลังจ้องเล่นงานอยู่ ซึ่ง เสธ.แดงตั้งข้อสังเกตว่า ตั้งแต่พักราชการ เสธ.แดงนั้น พล.อ.อนุพงษ์ก็มีแต่เรื่องซวยเข้ามาหา" พล.ต.ขัตติยะกล่าว
พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่า เรื่องนี้ พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง อย่าเอาใจนายหวังขึ้นมาเป็น 5 เสือ ทบ. เพราะเป็นแม่ทัพ เท่กว่า พล.ท.พิเชษฐ์ที่เป็นนักรบเหมือนกับตนรู้อยู่ว่าจีที 200 ใช้ไม่ได้ ดังนั้น อย่าทิ้งอุดมการณ์เอาใจนาย อย่าเข้าข้างนายในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และอย่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง อย่ามาอยู่บนซากศพของลูกน้อง ผู้ใต้บังคับบัญชา
ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ตามแนวชายแดน อ.แม่สอด จ.แม่ฮ่องสอน ยังใช้เครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 อยู่ แม้ว่ากระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตรวจพิสูจน์แล้ว พบไม่มีประสิทธิภาพว่า การใช้นั้นผู้ใช้ต้องรู้ว่ามีความเสี่ยง และต้องทราบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ โดยในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ได้ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯทำแผนมารายงานคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะจัดส่งบุคลากรไปทำความเข้าใจและช่วยกระทรวงกลาโหมกับกองทัพในการปรับแผนการปฏิบัติงานอย่างไร จะได้นำไปสู่การยกเลิกการใช้เครื่องมือได้
ส่วนเรื่องที่นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ออกมาระบุก่อนหน้านี้เคยมีการเชิญ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ไปรับทราบข้อมูลเครื่องจีที 200 แต่ ผบ.ทบ.ระบุว่าอังกฤษเลิกใช้แต่ไม่มีข้อห้ามนั้น นายกฯกล่าวว่า ต้องไปดูข้อเท็จจริงในช่วงนั้น เนื่องจากข้อโต้แย้งดังกล่าวมารุนแรงในช่วงหลังที่มีการพิสูจน์เครื่อง เอดีอี 651 ที่เป็นข่าวออกมา และรัฐบาลไม่ได้ละเลย แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้บริษัทอ้างเสมอว่าเครื่องไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ อาจจะมีความผิดพลาดได้ จึงไม่มีการพิสูจน์กันเป็นระบบ แต่ขณะนี้เมื่อพิสูจน์กันเป็นระบบแล้วต้องมีการแก้ไขต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะตรวจสอบข้อมูลหรือไม่ ว่าทางกองทัพรับทราบเครื่องมีปัญหา ตั้งแต่เมื่อไหร่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จะให้กองทัพรายงานมาทั้งหมด เพื่อดูว่าจะให้ทดแทนด้วยอะไร กำลังให้เขาเสนอ แต่ได้พูดเสมอว่าเวลาที่ลงพื้นที่ในช่วงปีที่ผ่านมา ผู้ปฏิบัติงานจะเรียกร้องขอให้ซื้อเครื่องนี้เพิ่มแทบทั้งสิ้น ด้วยความเชื่อ และมั่นใจว่าใช้ได้ และคนที่ไม่มีใช้ต้องการมีใช้บ้าง ผู้บังคับบัญชาก็รับฟังจากผู้ปฏิบัติ ว่าอะไรใช้ได้ ไม่ได้ และเครื่องประเภทนี้ ไม่ว่าจะมีกี่ยี่ห้อก็ตามมันเหมือนกันทั้งหมด มีหลักการทำงานเดียวกัน ดังนั้น หากมีการหลอกลวงก็หมายความว่าหลอกลวงด้วยกันทั้งหมด แต่จะให้มีการตรวจสอบทั้งหมด และหากมีความไม่ชอบมาพากลก็ต้องจัดการ
สำหรับเสียงวิจารณ์ ขณะนี้นายกฯไม่กล้าไปดำเนินการอะไร เพราะไม่ต้องการแตะกองทัพนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวว่าเป็นกองทัพหรือไม่ แต่เป็นประเด็นที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่มีความกังวล เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีความเชื่อมั่นมาก และกระทบต่อขวัญและกำลังใจ ในทางกลับกัน ถ้าสั่งห้ามทันทีโดยที่ยังไม่ได้อธิบาย และเขาไม่เชื่อ เขาใช้ต่อไปก็จะถามกันอีกว่ามีความผิดหรือไม่มันก็จะเป็นปัญหาเกิดความขัดแย้ง และถ้าเขาไปมือเปล่าแล้วเกิดอะไรขึ้นก็จะมีการตำหนิรัฐอีกว่าไม่มีแผนรองรับทดแทน ดังนั้น จึงขอบอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเป็นความเกรงใจใคร แต่นึกถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ ต้องเห็นใจคนทำงานตรงนั้นด้วย "ผมก็ไม่ได้ช้า การรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรยังไม่เสร็จ แต่ผมได้ประกาศไปแล้วเพื่อให้เตรียมการ และใน ครม.กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯจะได้รายงานแผนที่เตรียมมา เพื่อดำเนินการกับกองทัพ" นายกฯกล่าว
ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การจัดซื้ออัลฟ่า 6 ของกระทรวงมหาดไทย เป็นการดำเนินการโดยวิธีพิเศษไม่มีการยื่นซองประกวดราคา และกระทำแบบเร่งด่วนลุกลี้ลุกลน และเป็นการใช้เงินท้ายปีงบประมาณที่ชวนให้สงสัยน่าจะมีการทุจริตเกิดขึ้น โดยมหาดไทยซื้อเครื่องอัลฟ่า 6 ในราคา 720,000 บาท และจัดซื้อไปแล้วเกือบ 400 ล้านบาท และพบว่าเครื่องราคาสูงกว่าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จัดซื้อ ในราคาเครื่องละ 400,000 บาทเศษ และล่าสุด เครื่องอัลฟ่า 6 ซึ่งเป็นเครื่องตระกูลเดียวกับจีที 200 ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯได้ทดสอบแล้วว่าไม่มีคุณภาพตามที่กล่าวอ้าง ซึ่งเครื่องอัลฟ่า 6 ก็น่าจะใช้งานไม่มีประสิทธิภาพเปรียบเหมือนไม้เสี่ยงทายเช่นเดียวกับเครื่องจีที 200
โฆษก พท.กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนมาจากเจ้าหน้าที่บางคนว่าเครื่องอัลฟ่า 6 ใช้ไม่ได้ผล ต่างจากข้อมูลนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รับประกันว่าใช้ได้ดีไม่มีปัญหา น่าจะเป็นเครื่องลวงโลกเช่นกัน คณะทำงานได้รวบรวมหลักฐานของการจัดซื้อเครื่องอัลฟ่า 6 ที่น่าจะทุจริตของกระทรวงมหาดไทย และจะยื่นเอาผิดกับผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทย และข้าราชการที่เกี่ยวข้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในสัปดาห์หน้า
นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงเครื่องจีที 200 ว่า ขอถามว่าเหตุใดนายอภิสิทธิ์ไม่กล้าตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตซื้อเครื่องจีที 200 จากกองทัพบกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขึ้น เหมือนกับกลัวอะไรอยู่ ทั้งที่ประชาชนและประเทศชาติเสียหายจากเงินภาษีเกือบพันล้านบาท แต่นายกรัฐมนตรีกลับสร้างภาพโดยใช้คำพูดว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับกองทัพและหน่วยงานที่จัดซื้อ ทั้งที่ชีวิตของข้าราชการทหาร ตำรวจ ชั้นผู้น้อย รวมถึงประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องบาดเจ็บล้มตาย จากการใช้เครื่องมือที่ไม่มีประสิทธิภาพ นายอภิสิทธิ์กลับไม่พูดถึง และให้ความสำคัญเลย ขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ตั้งคณะกรรมการสอบสวนการทุจริต การจัดซื้อเครื่องจีที 200 เพื่อเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่าสร้างภาพรายวันแบบดีแต่พูดแต่ไม่กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วอยากอยู่ในอำนาจต่อไปโดยไม่สนใจการทุจริตที่โกงเงินภาษีจากประชาชน" นายพร้อมพงศ์กล่าว
นายเอนก จงเสถียร กรรมการบริษัท แอดวานซ์ เอวิโอนิคส์ แอนด์ เอวิเอชั่น จำกัด (เอเอเอ) กล่าวว่า บริษัทไม่ได้เป็นผู้จำหน่าย หรือเกี่ยวข้องกับเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 โดยธุรกิจหลักของบริษัทคือ การดำเนินการเกี่ยวกับระบบนำร่องของเครื่องบิน และระบบคอมพิวเตอร์ เชื่อว่าชื่อของบริษัทกับชื่อบริษัทจำหน่ายเครื่องจีที 200 คล้ายกัน จึงทำให้หลายคนเข้าใจผิด