บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

‘เสื้อแดง’ยึดพื้นที่38จังหวัด ครึ่งประเทศ!!

ที่มา บางกอกทูเดย์

การเปิดศูนย์เฉพาะกิจใน 38 จังหวัด เพื่อจับตากลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนไหว เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะกระทำ ทั้งๆ ที่ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงได้พิสูจน์ให้เห็นมาทุกครั้งแล้วว่า เป็นการชุมนุมโดยสันติ เป็นการชุมนุมโดยสงบข้อยกอ้างของรัฐบาลที่นำมาใช้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปเชื่อก็คือ เหตุการณ์รุนแรงช่วงเดือนเมษายน 52ทั้งๆ ที่รัฐบาลรู้ดีอยู่แก่ใจว่า ความรุนแรงช่วงเหตุการณ์เมษายน 52 นั้นเกิดจากอะไรและเป็นฝีมือที่แท้จริงของใคร...แต่กลับนำมาอ้างไม่เลิกพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในวันนี้ ยังจำได้หรือไม่ว่าเมื่อครั้งที่กลุ่มม็อบพันธมิตรฯ ออกมาชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และแม้แต่รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์จำนวนคนที่มาชุมนุมเป็นเรือนหมื่นนั้น แม้จะมีการ

เปรียบเทียบว่าหากเทียบกับจำนวนคนไทยทั้งประเทศแล้ว ถือว่าเป็นแค่ไม่ถึง 0.1% ด้วยซ้ำนั้นแต่นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการกล่าวอ้างยกเหตุผลต่างกรรมต่างวาระมาโดยตลอดว่า ไม่ได้สำคัญที่จำนวนหากแต่สำคัญที่ว่า มีประชาชนไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับรัฐบาลแล้วก็สรุปว่า รัฐบาลควรยุบสภา คืนการตัดสินใจให้กับประชาชนเพราะนั่นคือหลักการของประชาธิปไตยที่แท้จริงเชื่อว่าทั้งนายอภิสิทธิ์ และพลพรรคประชาธิปัตย์จะต้องจำได้อย่างแน่

นอนคำถามที่เกิดขึ้นก็คือ วันนี้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาล ออกมาชุมนุมเรียกร้องทวงคืนประชาธิปไตย โดยให้รัฐบาลยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่ถามว่าวันนี้นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ไม่คิดที่จะทำในสิ่งที่เคยเรียกร้อง ที่เคยอ้างไว้อย่างสวยหรูบ้างหรือ??เพราะแม้ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะมีความห่วงใยประเทศชาติ และภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่มีต่อสายตาของนานาประเทศทั่วโลก จึงไม่ได้มีการยึดทำเนียบ ยึดสนามบินสุวรรณภูมิและสนาม

บินดอนเมืองไม่ทำเหมือนอย่างที่ม็อบพันธมิตรทำร้ายประเทศชาติอย่างแสนสาหัสแต่กลุ่มคนเสื้อแดงเลือกที่จะทำด้วยการพยายามกดดัน...ด้วยการชุมนุมขับไล่อย่างต่อเนื่องล่าสุดที่ JJ mall สวนจตุจักร นายอภิสิทธิ์ ก็ต้องรีบหนีขึ้นรถ ไม่สามารถปฏิบัติภารกิจตามหมายของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ เมื่อแว่วข่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศระดมพลมาชุมนุมประท้วงเพื่อขับไล่ในรอบระยะเวลา 1 ปี ที่ขึ้นมาเป็นรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้การ

อุ้มและผลักดันอยู่เบื้องหลังของกลุ่มอำมาตยาธิปไตย และกลุ่มทหาร คมช. นั้นกี่ครั้งกี่หนแล้วที่นายอภิสิทธิ์ ต้องกระเจิดกระเจิงทิ้งภารกิจและหนีการประท้วงขับไล่ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่สำคัญวันนี้ทั้งฝ่ายข่าวของรัฐบาล และหน่วยข่าวกรองของกองทัพ รู้ดีว่า จำนวนคนเสื้อแดงมีมากเป็นเรือนแสนและยังมีการขยายวงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเหตุผลก็คือ ในข้ออ้าง 4 ข้อ ของ คมช. ที่ใช้ในการทำรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 นั้นวันนี้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มีครบทั้ง 4 ข้อซ้ำ

ร้ายในเรื่องรัฐธรรมนูญปี 50 ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ใช้เป็นเกราะกำบังกาย เพื่อให้เป็นรัฐบาลได้ต่อไปเรื่อยๆ มากเสียยิ่งกว่า “รัฐบาลหอย” ในอดีตเสียอีกนั้นได้กลายเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นความคิดที่แท้จริงของพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ได้อย่างกระจ่างชัดเจนแล้วเมื่อครั้งที่กลุ่มทหาร คมช. พยายามหว่านล้อมให้ประชาชนลงมติรับรัฐธรรมนูญปี 50 ภายใต้การเห็นดีเห็นงามของทั้งกลุ่มม็อบพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์นั้นมีการพูดอย่างเปิดเผยและชัดเจนใน

สังคมว่า ขอให้รับๆ ไปก่อน แล้วค่อยมาแก้ไขในภายหลังในการจัดตั้งรัฐบาลจากการพลิกเกมทางการเมือง นายอภิสิทธิ์ มาจูบปากกับนายเนวิน ชิดชอบ ทั้งๆ ที่นายอภิสิทธิ์รู้ดีอยู่แก่ใจว่า นายเนวินเป็นคนที่ถูกตุลาการรัฐธรรมนูญชุดที่แต่งตั้งโดย คมช.ตัดสินให้เว้นวรรคทางการเมือง 5 ปีแต่นายอภิสิทธิ์ก็จับมือกับคนที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง จัดตั้งรัฐบาลได้อย่างหน้าตาเฉยซึ่ง 1 ในข้อตกลงเพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลราบรื่น ก็คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาวันนี้นายอภิสิทธิ์

ตระบัดคำพูดหน้าตาเฉย นายเนวินได้แต่เต้นเร่าๆ ด้วยความแค้น!!บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ แค้นแทบกระอัก เพราะชัดเจนแล้วว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการเป็นใหญ่ ต้องการอยู่ในอำนาจอย่างต่อเนื่อง จึงไม่ยอมให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50โดยเฉพาะประเด็นการแบ่งเขตเลือกตั้งถ้ายืนกรานขึงพืดเป็นพวงใหญ่ และยังมีทั้งกลุ่มอำมาตยาธิปไตย และกลุ่มอำนาจทหารภายใต้เงา คมช. เป็นแบ็กหนุนหลังกติกา และกรรมการแบบนี้ ประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลแน่ๆ

นายอภิสิทธิ์ถึงได้ฝันเฟื่องขนาดที่ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะกวาดที่นั่งได้ถึง 240 ที่นั่งและใช้ให้ “สำนักโพลล์ขาประจำ” ที่ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงสร้างภาพลักษณ์ ออกผลโพลล์มาสนับสนุนเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อนี่หรือคือวิธีคิดและพฤติกรรมของคนในพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุด พรรคการเมืองที่ประกาศว่ายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยมาโดยตลอดเพียงเพื่อชัยชนะแห่งการยึดกุมอำนาจ ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดปัจจุบันกล้าเสี่ยงกับประวัติศาสตร์อันน่าภาคภูมิ

ใจของพรรคขนาดนี้เชียวหรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นคนตากหน้าวิ่งเจรจาช่วงจัดตั้งรัฐบาล รู้ดีที่สุดว่า ได้ไปเจรจาและสัญญิงสัญญาอะไรไว้กับพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายบ้างใครผิดคำพูด ใครผิดสัญญา หรือมีใครตระบัดสัตย์หรือไม่นั้น... นายสุเทพเป็นคนที่รู้ดีที่สุดและเพราะนายสุเทพรู้ดีที่สุดนี่แหละ ถึงได้มีกระแสว่า จะมีการเชือดทิ้งด้วยการเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคหรือประวัติศาสตร์ซ้ำรอยของพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับเลขาธิการ

พรรคจะเกิดขึ้นอีกแม้นายสุเทพ ปากจะยืนยันว่า ภายในพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีปัญหา พรรคมีระบบ และวัฒนธรรมองค์กรที่ชัดเจน... แต่ลึกๆ นายสุเทพย่อมรู้ดีว่า เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน... จบอย่างไร!!!ยิ่งวันนี้แรงกดดันจากกลุ่มคนเสื้อแดง แรงกดดันจากการทวงคืนประชาธิปไตยที่หนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าได้ทำให้รัฐบาลจนตรอกมากขึ้นเรื่อยๆจนสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการหักหลังพรรคร่วมรัฐบาล หรือการเชือดพวกเดียวกันเอง

รวมถึงการสรรหาสารพัดข้อกล่าวอ้าง เพื่อที่จะได้ทำทุกวิถีทางที่จะเกาะกุมอำนาจรัฐอยู่ต่อไปให้ได้การเปิดศูนย์เฉพาะกิจใน 38 จังหวัด เพื่อจับตากลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนไหว เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะกระทำ ทั้งๆ ที่ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงได้พิสูจน์ให้เห็นมาทุกครั้งแล้วว่า เป็นการชุมนุมโดยสันติ เป็นการชุมนุมโดยสงบข้อยกอ้างของรัฐบาลที่นำมาใช้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปเชื่อก็คือ เหตุการณ์รุนแรงช่วงเดือนเมษายน 52ทั้งๆ ที่รัฐบาลรู้ดีอยู่แก่ใจ

ว่า ความรุนแรงช่วงเหตุการณ์เมษายน 52 นั้นเกิดจากอะไรและเป็นฝีมือที่แท้จริงของใคร... แต่กลับนำมาอ้างไม่เลิก เพียงแต่ครั้งนี้ การประโคมข่าวจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังว่าจะมีกลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนไหว ว่ามีมากถึง 38 จังหวัดนั้น... แม้จะได้ผลในเรื่องการหาข้ออ้างเพื่อดำเนินการป้องกัน เพื่อระดมกำลังตำรวจทหาร และเพื่อการใช้งบประมาณแต่ในมุมกลับ ผลกระทบที่ตามมาก็คือความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นทั้งกับสังคมไทยและสายตาของนานประเทศเพราะ 38

จังหวัด นั่นหมายถึงว่าจำนวน ครึ่งหนึ่งของประเทศไทยเลยทีเดียวรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ ทำอะไร... แค่ปีเดียว ทำให้มีคนที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลมากถึงครึ่งค่อนประเทศเช่นนี้ตอนคนอื่นบอกว่าคนไม่กี่หมื่นคนก็เพียงพอแล้วที่รัฐบาลสมควรพิจารณาตัวเองแต่นี่คนครึ่งค่อนประเทศแล้ว ไม่คิดจะพิจารณาตัวเองบ้างหรือ???

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker