ผลการทดสอบประสิทธิภาพ เครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดและยาเสพติด ยี่ห้อ Global Tech รุ่น GT 200 ที่มีการจัดซื้อมาใช้แล้วเกือบ 1 พันเครื่อง มีมูลค่ากว่า 746 ล้านบาท จากข้อมูลการทดสอบ 20 ครั้ง ปรากฏว่าตรวจหาวัตถุระเบิดพบเพียง 4 ครั้งเท่านั้น
ไม่มีประสิทธิภาพ
หลังจากที่กระทรวงวิทยาศาสตร์นำเสนอผลการทดสอบเข้าสู่ที่ประชุม ครม. นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รีบออกมาแถลงให้ยกเลิกการจัดซื้อทันที ทั้งๆที่มีการสั่งซื้อเครื่องประเภทนี้เพิ่มเติมไปอีก เกือบ 500 เครื่อง ใช้งบประมาณอีก 350 ล้านบาท
จะเข้าทางใครก็เป็นอีกเรื่อง
แต่งานนี้ รัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคนดังในสังคมอีกจำนวนไม่น้อยที่การันตีประสิทธิภาพของเครื่องตรวจระเบิดดังกล่าว ควรจะออกมาแสดงความรับผิดชอบบ้าง
เริ่มต้นการใช้งานเครื่องจีที 200 มีการนำมาใช้ตรวจหา วัตถุระเบิดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะนั้นก็เกิดความสงสัยกันว่าในเมื่อมีการตรวจสอบหาวัตถุระเบิดกันอย่างเข้มข้น แต่สามารถที่จะหลุดรอดสายตาเจ้าหน้าที่เข้าไปได้
แม้แต่ในสถานที่ราชการก็ยังเกิดเหตุคาร์บอมบ์ขึ้นมาหลายครั้ง สังคมยังไม่ได้ปักใจไปที่เครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด แต่มองไปที่การทำงานที่หละหลวมของเจ้าหน้าที่มากกว่า ทั้งที่เจ้าหน้าที่ภาคสนามเองก็ยืนยันว่ามีการตรวจสอบอย่างรอบคอบแล้ว จนกระทั่งปรากฏผลการตรวจสอบของรัฐบาลอังกฤษออกมา
หน่วยงานที่สั่งซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 ได้แก่ กรมสรรพาวุธทหารบก ซื้อผ่านตัวแทนจากเอวีเอ แซทคอม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. สั่งซื้อจาก แจ๊คสัน อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้ง สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ก็ได้สั่งซื้อจากเอเอสแอลเอ็ม เทรดดิ้งด้วย
ต่อมากรมการปกครองกระทรวงมหาดไทยก็ได้สั่งซื้อ เครื่องอัลฟา 6 จากยูจีซี เอ็นจิเนียร์ริงและเปโตรกรุงเทพ อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเครื่องอัลฟา 6 ยังไม่มีการทดสอบ แต่ก็ถูกกล่าวอ้างว่า มีลักษณะเดียวกับเครื่องจีที 200
เบื้องต้น ยังไม่ได้พิสูจน์ว่า การจัดซื้อเครื่องมือดังกล่าวมีการทุจริตคอรัปชันอย่างไรหรือไม่ เพียงแต่พบว่าเครื่องมือชนิดนี้ไม่มีประสิทธิภาพเท่านั้น ก็มีการเชื่อมโยงไปถึงราคาและความพยายามที่จะนำเครื่องจีที 200 มาใช้งานมากขึ้น ส่อความไม่ชอบมาพากล
ดูตามรูปการณ์แล้วคงจะต้องมีการสืบสาวต่อไปว่า เครื่องจีที 200 มีที่มาที่ไปอย่างไร และจะซ้ำรอย เครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์หรือไม่
รัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์จะกำหนดกฎเกณฑ์เรื่องนี้อย่างไร หรือเตรียมหาวิธีเป่าเรื่องให้เงียบไปตามถนัด รักษาภาพของรัฐบาลเอาไว้ให้ได้ก็พอแล้ว.
หมัดเหล็ก
ไม่มีประสิทธิภาพ
หลังจากที่กระทรวงวิทยาศาสตร์นำเสนอผลการทดสอบเข้าสู่ที่ประชุม ครม. นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รีบออกมาแถลงให้ยกเลิกการจัดซื้อทันที ทั้งๆที่มีการสั่งซื้อเครื่องประเภทนี้เพิ่มเติมไปอีก เกือบ 500 เครื่อง ใช้งบประมาณอีก 350 ล้านบาท
จะเข้าทางใครก็เป็นอีกเรื่อง
แต่งานนี้ รัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคนดังในสังคมอีกจำนวนไม่น้อยที่การันตีประสิทธิภาพของเครื่องตรวจระเบิดดังกล่าว ควรจะออกมาแสดงความรับผิดชอบบ้าง
เริ่มต้นการใช้งานเครื่องจีที 200 มีการนำมาใช้ตรวจหา วัตถุระเบิดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะนั้นก็เกิดความสงสัยกันว่าในเมื่อมีการตรวจสอบหาวัตถุระเบิดกันอย่างเข้มข้น แต่สามารถที่จะหลุดรอดสายตาเจ้าหน้าที่เข้าไปได้
แม้แต่ในสถานที่ราชการก็ยังเกิดเหตุคาร์บอมบ์ขึ้นมาหลายครั้ง สังคมยังไม่ได้ปักใจไปที่เครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด แต่มองไปที่การทำงานที่หละหลวมของเจ้าหน้าที่มากกว่า ทั้งที่เจ้าหน้าที่ภาคสนามเองก็ยืนยันว่ามีการตรวจสอบอย่างรอบคอบแล้ว จนกระทั่งปรากฏผลการตรวจสอบของรัฐบาลอังกฤษออกมา
หน่วยงานที่สั่งซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 ได้แก่ กรมสรรพาวุธทหารบก ซื้อผ่านตัวแทนจากเอวีเอ แซทคอม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. สั่งซื้อจาก แจ๊คสัน อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้ง สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ก็ได้สั่งซื้อจากเอเอสแอลเอ็ม เทรดดิ้งด้วย
ต่อมากรมการปกครองกระทรวงมหาดไทยก็ได้สั่งซื้อ เครื่องอัลฟา 6 จากยูจีซี เอ็นจิเนียร์ริงและเปโตรกรุงเทพ อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเครื่องอัลฟา 6 ยังไม่มีการทดสอบ แต่ก็ถูกกล่าวอ้างว่า มีลักษณะเดียวกับเครื่องจีที 200
เบื้องต้น ยังไม่ได้พิสูจน์ว่า การจัดซื้อเครื่องมือดังกล่าวมีการทุจริตคอรัปชันอย่างไรหรือไม่ เพียงแต่พบว่าเครื่องมือชนิดนี้ไม่มีประสิทธิภาพเท่านั้น ก็มีการเชื่อมโยงไปถึงราคาและความพยายามที่จะนำเครื่องจีที 200 มาใช้งานมากขึ้น ส่อความไม่ชอบมาพากล
ดูตามรูปการณ์แล้วคงจะต้องมีการสืบสาวต่อไปว่า เครื่องจีที 200 มีที่มาที่ไปอย่างไร และจะซ้ำรอย เครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์หรือไม่
รัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์จะกำหนดกฎเกณฑ์เรื่องนี้อย่างไร หรือเตรียมหาวิธีเป่าเรื่องให้เงียบไปตามถนัด รักษาภาพของรัฐบาลเอาไว้ให้ได้ก็พอแล้ว.
หมัดเหล็ก
