บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

องค์กรอิสระ อิสระไม่จริง?

ที่มา บางกอกทูเดย์

เมื่อความรู้สึกของสังคมเป็นไปในลักษณะของความไม่เชื่อมั่นต่อระบบบริหาร ไม่เชื่อมั่นต่อระบบนิติบัญญัติ และไม่เชื่อมั่นต่อระบบยุติธรรมจึงกลายเป็นเกมพลิกกลับ ที่ย้อนมาเป็นคุณให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปอย่างช่วยไม่ได้เมื่อระบบยุติธรรมถูกคลางแคลงสงสัยว่า เป็น 2 มาตรฐาน ก็ทำให้มุมมองที่เห็นว่าเป็นการมุ่งทำลายล้างทางการเมืองยิ่งมีมากขึ้น ขยายวงกว้างขึ้นมาถึงวันนี้ไม่รู้เหมือนกันว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเหนื่อยสักแค่ไหน กับสารพัดปัญหาที่โหมกระหน่ำ กระแทกซ้ำแล้วซ้ำอีกแต่ละเรื่องแต่ละดอก หนักๆ ชนิดเจียนไปเจียนล่มทั้งสิ้นนี่ถ้าหากไม่ใช่รัฐบาลที่มีกลุ่ม

อำมาตยาธิปไตย และกลุ่มนายทหารสาย คมช. หนุนหลังอยู่อย่างเหนียวแน่น...ไม่รู้เหมือนกันว่าจะ “อึด” ได้นานขนาดนี้หรือไม่และยิ่งนับวันการดำเนินการ 2 มาตรฐาน ยิ่งเด่นชัดมากขึ้นเท่าไร การยอมรับในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ก็ลดน้อยลงไปเรื่อยๆยิ่งนายอภิสิทธิ์ ปล่อยให้คนรอบกาย แสดงพฤติกรรมร้องด่าท้าทาย ใช้วาจาสร้างความแตกแยกไม่เลิก ก็ย่อมต้องโดนรายการสวนกลับอย่างหนีไม่พ้น

กล่าวหาว่าคนอื่นทุจริต ก็ย่อมต้องโดนสวนกลับเรื่องทุจริตด้วยเช่นกัน จนวันนี้เครื่องตรวจวัตถุระเบิด GT 200 เป็นข้อพิสูจน์ค่าโง่อัปยศ ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ได้แต่อ้ำอึ้งเช่นกันกับการกล่าวหาคนอื่นเรื่องจริยธรรม ก็โดนสวนกลับเรื่องจริยธรรมอย่างหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นกรณีบุกรุกเขายายเที่ยง กรณีสนามกอล์ฟเขาสอยดาว และแม้กระทั่งเรื่องเช็คเงินล้าน เรื่องรายได้ต่างๆ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีที่สำคัญโยงไปถึงเรื่องของการเสียภาษี

เข้าให้ด้วยและแม้แต่กระทั่งเรื่องของการแทรกแซงองค์กรอิสระ การแทรกแซงหน่วยงานรัฐ มาถึงวินาทีนี้ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ โดนอย่างหนักจริงๆ เพราะภาพที่ประจานต่อสังคมว่า หากเป็นเรื่อง หรือเป็นคดีอะไรที่เกี่ยวกับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์แล้วจะถูกดอง ถูกซุก หรือถูกปัดเป่าให้พ้นผ่านไปแบบด้านๆ ฝืนความรู้สึกประชาชน ฝืนสายตาของสังคมอย่างชัดเจนด้วยเหตุนี้แหละ กระแสเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ลาออก เพื่อล้างไพ่เลือกตั้งใหม่ เป็น

การคืนอำนาจให้กับประชาชนอย่างแท้จริงนั้น จึงดังกระหึ่มไม่หยุดเมื่อความรู้สึกของสังคมเป็นไปในลักษณะของความไม่เชื่อมั่นต่อระบบบริหาร ไม่เชื่อมั่นต่อระบบนิติบัญญัติ และไม่เชื่อมั่นต่อระบบยุติธรรมจึงกลายเป็นเกมพลิกกลับ ที่ย้อนมาเป็นคุณให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปอย่างช่วยไม่ได้เมื่อระบบยุติธรรมถูกคลางแคลงสงสัยว่า เป็น 2 มาตรฐาน ก็ทำให้มุมมองที่เห็นว่าเป็นการมุ่งทำลายล้างทางการเมืองยิ่งมีมากขึ้น ขยายวงกว้างขึ้น

จนทุกวันนี้ไม่ใช่แต่เฉพาะแค่กลุ่มคนเสื้อแดงเท่านั้นที่เกิดความรู้สึก พลังเงียบบางส่วนที่จับตามองการเปลี่ยนแปลงของสังคมนับตั้งแต่ คมช.ทำรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมาก็เห็นชัดเจนมากขึ้นทุกทีกับการเอียงกระเท่เร่ของระบบต่างๆ ในสังคมไทยเมื่อความรู้สึกในสังคมเกิดขึ้นเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้เป็นจังหวะในการสื่อสารเพื่อให้เห็นชัดถึงความไม่ปกติของการเมือง ขององค์กรอิสระ ของกลุ่มนายทหารสาย คมช.การจัดรายการวิทยุ

ออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ ทักษิณไลฟ์ดอทคอม ที่ยืนยันความจริงว่า จริงๆแล้วตนเองขาวอยู่แล้ว แต่มันมีขี้โคลน เพราะพรรคประชาธิปัตย์มาสาดใส่ วันนี้คนเสื้อแดงเขาสู้ด้วยความจริง หรือคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ มีการอ้างไปเรื่อย เอกสารไม่ครบบ้าง อะไรบ้าง มันเหมือนกับตัวเองจะทำอะไรก็ได้ มันก็ไม่มีความยุติธรรม องค์กรอิสระไม่อิสระจริง ไม่เป็นกลางจริง วันนี้พวกตนโดนคล้ายกับสมัยพรรคไทยรักไทย แต่แรงกว่า หนักกว่า เพราะเริ่มต้นด้วยการปฏิวัติ พรรคประ

ชาธิปัตย์ถ้าลงเลือกตั้งอย่างตรงไปตรงมาแพ้หมด ที่นายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกฯ เพราะบริหารจัดการโดยอำมาตย์ มีการยุบพรรคพลังประชาชนอย่างรวดเร็ว ปลดนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ เพราะทหารช่วย อำมาตย์ช่วย อย่างไรก็ตาม ยังมั่นใจว่าที่ผ่านมาทำความดีไว้มากกว่าความบกพร่องเสียหาย ดังนั้นจึงไม่หวั่นไหวการพูดในสิ่งที่สังคมรู้สึกอยู่แล้ว หรือมีความเห็นค่อนข้างสอดคล้องอยู่แล้ว ย่อมได้ผลและทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาล ของพรรคประชาธิปัตย์

และกลุ่มอำมาตยาธิปไตยยิ่งย่ำแย่มากขึ้นดังนั้น สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ควรจะต้องเร่งทำก็คือ ควรที่จะต้องทำให้สังคมประจักษ์ชัดเจนว่า ไม่ได้มี 2 มาตรฐานจริงๆซึ่งทำได้ไม่ยากเลย เพียงแค่เร่งรัดคดียึดสนามบิน ยึดทำเนียบ เร่งรัดคดีต่างๆ ของแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากกลุ่มคนเสื้อแดงถูกดำเนินการอย่างไร กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ควรจะต้องดำเนินการอย่างนั้นด้วยในเมื่อหลักฐานชัดเจนว่านายกษิต ภิรมย์ เป็นแกนนำในการยึดสนามบิน

วันนี้ไม่ควรปล่อยให้เป็นภาพลักษณ์กระดำกระด่างของรัฐบาล แต่ควรปลดออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้ไปสู้คดีให้เรียบร้อยเสียก่อน... หากอยากกลับมาเร็ว ก็ต้องขีดเส้นให้คดีจบโดยเร็ว ไม่ใช่ปล่อยให้มีการแทรกแซงกลไกตำรวจ และอัยการ จนทำให้วันนี้คดียังไม่มีความคืบหน้าคดี SMS ของนายอภิสิทธิ์ เอง ก็ควรที่จะต้องเร่งรัดให้ ป.ป.ช.ชี้มูลออกมาโดยเร็ว ไม่ใช่ปล่อยให้นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ต้องมาคอยตามทวงเช้าทวง

เย็นเช่นนี้การประวิง หรือเจตนายื้อเวลาเช่นนี้แหละ ที่ยิ่งทำให้สังคมสงสัยมากขึ้น และเชื่อมากขึ้นว่า เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายจริงๆเช่นเดียวกับคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ อีกนั่นแหละ ที่เกิดคำถามว่า ทำไมยืดเยื้อมากผิดปกติ แถมยังมีการใช้กลไกที่แปลกประหลาด เกิดขึ้นกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. จู่ๆ ก็จะให้โยนการตัดสินใจไปไว้ในมือของคนๆ เดียว คือ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. อ้างว่าในฐานะนายทะเบียนพรรค

ส่วนกรรมการ กกต.คนอื่นเอามือซุกหีบนิ่งไม่ยุ่งเกี่ยว ไม่ออกเสียงชี้ขาดด้วย... แน่นอนว่าลักษณะเช่นนี้จึงกลายเป็นความคลางแคลงของสังคม กับมุกพิสดาร 3:1:1 ที่โยนให้ อภิชาต ตัดสินเบ็ดเสร็จเด็ดขาดคนเดียวทำให้นายอภิชาตเองก็กดดันจนต้องถูกหามเข้าโรงพยาบาล... แล้วเรื่องก็ยังคาอยู่เงียบๆวันนี้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จะต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ถ้ามีข้อสงสัยว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ก็ต้องใช้หลักกฎหมายมาพิสูจน์ มาชี้แจง

มาสร้างความกระจ่างไม่ใช่มาซุกคดี มาดึงเรื่อง หากขั้วของตนเองเสียเปรียบหรือไม่ใช่มาอ้างทฤษฎีวัวทฤษฎีควายอะไรให้มั่วไปหมด หากต้องการทำลายล้างขั้วตรงข้ามเพราะคำวินิจฉัยทางกฎหมายต่างๆ นั้น ไม่เพียงแต่มีสายตาของนักกฎหมายในเมืองไทยจับตามองอยู้เท่านั้นนักกฎหมายทั่วโลกก็จับตามองอยู่ด้วยเช่นกันยิ่งพยายามกระทำเหมือนกับว่า ไม่มีปัญญาชี้แจงให้สังคมยอมรับได้ด้วยข้อกฎหมายแล้ว จึงต้องมาตั้งทฤษฎีเอาเอง... จนทำให้เห็นว่า นี่คือ การใช้

กระบวนการยุติธรรมแบบเอาสีข้างเข้าถูแล้วการยอมรับจะเกิดขึ้นได้อย่างไรจึงไม่แปลกที่จะถูก พ.ต.ท.ทักษิณ เย้ยหยัน ว่า เลือกตั้งทีไรก็แพ้ทุกที จึงไม่แปลกที่วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ถูกมองว่า ไม่กล้าให้มีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นจึงไม่แปลกที่วันนี้ องค์กรอิสระอย่าง ปปช. กกต. หรือแม้แต่กระทั่งตุลาการรัฐธรรมนูญ ก็ถูกจับตามองจากสังคมด้วยความไม่เชื่อมั่น และไม่สามารถสร้างความยอมรับให้กับสังคมได้อย่างที่ควรจะเป็นตัวอย่างที่นายอภิสิทธิ์ ควรจะต้องดูและพิจารณา

ให้ลึกซึ้ง ก็คือ การจบสิ้นความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์เดิมในสังคมของบรรดา อดีต คตส. ทั้งหลายนั่นเองเพราะผิดพลาดตั้งแต่การยอมรับเป็น คตส.ให้กับ กลุ่มนายทหาร คมช. ที่ทำรัฐประหารแล้วดังนั้น บทเรียนนี้น่าจะเป็นบทเรียนสำคัญของนายอภิสิทธิ์ เพราะด้วยวัยด้วยความสามารถ น่าที่จะยังอยู่บนถนนการเมืองของไทยไปได้อีกนานทีเดียวนั้นอย่าด่วนฆ่าตัวตายทางการเมืองให้มากนักเลยเพราะมาถึงวันนี้... แม้แต่มุกเขย่าสถานการณ์ว่า 26 กุมภาพันธ์ เป็นวัน

อันตราย ยังเป็นแค่มุกฝืดในสายตาประชาชนและแม้แต่ คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) ก็ยังประเมินว่า การชุมนุมของกลุ่มเสื้อจะไม่เกิดความรุนแรง เพราะเจตนาจะชุมนุมอย่างสงบ และกระจายออกไปเป็นกลุ่มย่อย จึงไม่น่าจะมีเหตุร้ายเลิกตะแบง และคืนการเลือกตั้งให้ประชาชนเสียเถิด นายกฯ อภิสิทธิ์

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker