บางกอกทูเดย์ ฉบับใหม่วันเสาร์ที่ 13-วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553...เมื่อ ตรุษจีน กับวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรัก มาบรรจบกันวันเดียวกัน “14 กุมภาพันธ์” ปีนี้จึงน่าเป็นวันมหัศจรรย์แห่งความรัก ความโชคดีของคนทั้งโลก...
-/-...แต่น่าเศร้าสำหรับประเทศไทยที่กลายเป็นวันแห่งภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวง ที่รัฐบาลโดยการนำของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศว่า 38 จังหวัดกับ 200 ด่านตรวจในกรุงเทพมหานคร อยู่ในภาวะเตรียมพร้อมทั้งทหารตำรวจสำหรับเหตุรุนแรงทั้งหลายจากคนเสื้อแดงที่ประกาศชุมนุมกันโดยสันติและปราศจากอาวุธเหมือนภาวะบ้านเมืองจะจลาจล...
-/-...ทั้งหมดคือความเพี้ยนของการเมืองประชาธิปไตยที่มีสาเหตุนับเนื่องมาจากการเมือง ประชาธิปไตยตั้งแต่สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้งเสียงท่วมท้นของการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญ 2540 จนได้เป็นรัฐบาลครบเทอม 4 ปีครั้งแรกของประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยจากการเลือกตั้ง...กระทั่งมีอันเป็นไปในสมัยที่ 2 เมื่อการเมืองนอกสภาของเสื้อเหลือง พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยของ สนธิ ลิ้มทองกุล และ พล.ต.จำลอง ศรีเมืองล้มรัฐบาลไทยรักไทยจน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องลี้ภัยออกนอกประเทศไทยไปจนถึงวันนี้ด้วยการปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 โดย ผบ.ทบ.ชื่อ พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แหกโผที่เสนอมาแล้วเลือกเองเอาคนที่คิดว่าจะน่าไว้ใจได้มากที่สุดทำปฏิวัติคนตั้งจนหมดอำนาจวาสนาบารมี...
-/-...ไทยรักไทยพรรคพระเอกประชาธิปไตยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงโดนชะตากรรมทางการเมืองด้วยการยุบพรรค กลายมาเป็น พลังประชาชนลุกขึ้นมาสู้ทางการเมืองประชาชิปไตยใหม่ ด้วยการเลือกตั้ง เมื่อ 23 ธันวาคม 2550 พร้อมกับกติกาทางการเมืองใหม่จากคณะปฏิวัติ คือรัฐธรรมนูญใหม่ปี 2550 และองค์กรอิสระ หลังปฏิวัติทั้ง กกต.ทั้งปปช. รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ...
-/-...การเมืองหลังเลือกตั้ง แม้ พรรคพลังประชาชนจะได้เสียงข้างมากสามารถรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลขึ้นได้ แต่เสถียรภาพทางการเมืองไม่สามารถบริหารปกครองประเทศได้ จึงเกิดความล้มเหลวทางการเมืองจาก รัฐบาล สมัคร สุนทรเวช ถึงรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จนกระทั่ง พรรคพลังประชาชนถูกยุบอีกเป็นหนที่ 2 พร้อมพรรคการเมืองอีกหลายพรรคอย่าง ชาติไทย ฯลฯ...
-/-...จนการเมืองต้องเปลี่ยนขั้วใหม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน กลับมาเป็นรัฐบาลด้วยการดึงเอาเนวิน ชิดชอบ ขุนพลใหญ่ฝ่ายทักษิณเปลี่ยนข้างมาเป็นขั้วใหม่ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงพรรคเดิมของขั้วเก่ามาอยู่ขั้วใหม่...นี่คือวิวัฒนาการ “อุ้มบุญ” ของการเมืองประชาธิปไตย...
-/-...มาถึงวันนี้ตัวเลขสมการการเมืองของ ส.ส. 480 คนในสภาผู้แทนราษฎร กำลังมาถึงภาวะผกผันอีกครั้งเมื่อ ภูมิใจไทย 32 เสียง, เพื่อแผ่นดิน 32 เสียง, ชาติไทยพัฒนา 25 เสียง, รวมใจไทยชาติพัฒนา 9 เสียง, กิจสังคม 5 เสียง, ประชาราช 8 เสียง และ มาตุภุมิ 3 เสียง กำลังเล่นเกมการเมืองกระดานหกกับ พรรคประชาธิปัตย์ ทำท่าสลับขั้วทางการเมืองอย่างน่าหวาดเสียว และกลายเป็นความหวาดเสียวของการเมืองประชาธิปไตยหนใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ที่ อาจมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ชื่ออะไรยังไม่รู้มาแทน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ...-/-...
