เดือนนี้ว่ากันว่าการเมืองจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆในอารมณ์ที่สุดเซ็งของคนดู หากวิกฤติการเมืองยืดเยื้อข้ามปีอย่างนี้คงไม่ ต้องทำมาหากินอะไรกันแล้ว รัฐบาลคุยว่าเศรษฐกิจปีนี้จะดีวันดีคืน จะบวก 3 บวก 4 เข้าเดือนที่สองของปียังหาปัจจัยบวกไม่เจอ
มีแต่ปัจจัยลบจากวิกฤติการเมือง
นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์ข้ามประเทศว่า ปัญหาการแก้รัฐธรรมนูญไม่มีอะไรในกอไผ่ และคงไม่ต้องมาคุยอะไรกันมากมาย จุดยืนการแก้รัฐธรรมนูญของแต่ละพรรคไม่เหมือนกัน แต่ก็คงไม่ถึงขั้นต้องถอนตัวออกจากรัฐบาล
ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากรัฐธรรมนูญโดยตรง แต่มาจาก ท่าทีของ นายกฯอภิสิทธิ์ มากกว่า สมมติจับเข่าคุยกับ คุณบรรหาร ศิลปอาชา ดีๆ ให้เกียรติผู้ใหญ่หน่อย
ไม่ใช้กำลังภายในไปบีบ
เชื่อว่าการเมืองคงไม่ร้อนขนาดนี้ รวมทั้งความน่าเชื่อถือ ของนายกฯอภิสิทธิ์ในหมู่พรรคร่วมเองก็กำลังมีปัญหาคำว่า อภิสิทธิ์ หรือมาร์ค พรรคร่วมรัฐบาลเอาไปบัญญัติเป็นศัพท์ การเมืองใหม่สนุกสนาน
ปกติคุณบรรหารก็ไม่ค่อยจะยุ่งกับการเมืองหลังเจอพิษการเมืองเข้าไปเต็มๆ เพราะที่เข้าไปยุ่งครั้งที่แล้ว พรรคชาติไทย ที่สร้างมากับมือถูกยุบไปต่อหน้าต่อตา แถมถูกตัดสิทธิทางการเมืองอีกกระทอก
คราวนี้เห็นว่า คุณบรรหาร หรือคุณเนวิน ชิดชอบ เดือดปุดๆ ที่มีคนไปยุแหย่ให้ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจ และยังจะใช้มือผู้ใหญ่มาบีบเอาอีก
ตามประสาคนหาข่าว พรรคฝ่ายค้านรู้แกว ได้จังหวะส่งคนไปทาบทามซะเลย จะเอาเพิ่มกี่กระทรวง พรรคไหนจะเอากระทรวงเดิมหรือจะเปลี่ยนเอากระทรวงใหม่
บอกมาได้เลย
นี่ถ้าเพื่อไทยใช้ไม้ตาย ให้นักการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาลเสนอชื่อขึ้นมาเป็นนายกฯ คนต่อไป ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯอภิสิทธิ์และ ครม.
คงเรียบร้อย
ขั้วการเมืองพลิกทันที คำสั่งพิเศษ ก็คงไม่ได้ผล สมมติไปถึงวันนั้นจริง มีหรือประชาธิปัตย์และผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะยอมให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น ดีไม่ดี งานนี้จะไม่มีทั้งการแก้รัฐธรรมนูญ จะไม่มีทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
การเมืองนอกสภาร้อนมากเท่าไหร่ก็จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเคมีในสภา ส่วนผสมอาจจะต้องเปลี่ยนเร็วขึ้นกว่ากำหนด เผลอๆก็กลางเดือนนี้แหละเห็นหน้าเห็นหลัง จึง เหลือทางออกอยู่สองทาง
ไม่ยุบก็ยึด.
หมัดเหล็ก