รายงานพิเศษ
กลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าขึ้นมาทันที
เมื่อพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี และพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง อ้างถึงผลหารือร่วมกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่บ้านพักของพ.ต.ท.ทักษิณในเมืองดูไบ
ในการจัดตั้งกองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (กปช.) พร้อมเสนอแต่งตั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย นั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการสูงสุดของ กปช.
แม้ต่อมาจะมีการยืนยันว่ากองทัพประชาชนไม่ใช่กองกำลังติดอาวุธ แต่เป็นการรวมกลุ่มของคนเสื้อแดงนับล้านคนในช่วงปลายเดือนก.พ. ที่จำเป็นต้องตั้งคนที่มีบารมีมาคอยนำการเคลื่อนไหวก็ตาม
ขณะที่มีความเห็นจากบุคคลในแวดวงการเมือง นักวิชาการ รวมถึงแกนนำคนเสื้อแดง ต่อแนวคิดดังกล่าวดังนี้
จาตุรนต์ ฉายแสง
อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
ข้อเสนอแนวคิดการตั้งกองทัพประชาชนที่พล.อ.พัลลภระบุนั้น น่าจะเป็นเรื่องการใช้ภาษาหวือหวารุนแรงเกินไป
โดยเฉพาะคำว่า "กองทัพ" อาจทำให้คนนึกถึงกองกำลังติดอาวุธหรือการต่อสู้ที่ใช้กำลังความรุนแรงในช่วงที่จะมีการชุมนุมใหญ่เกิดขึ้น
ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เพราะไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริง และไม่เชื่อว่ากองทัพประชาชนจะต่อรองทางการเมืองได้
การเสนอตั้งกองทัพประชาชนถือเป็นความคิดของคนที่ไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
หากมีการเคลื่อนไหวโดยกองทัพดังกล่าวจริงๆ อาจเข้าทางฝ่ายรัฐ ตกเป็นเครื่องมือในการนำกำลังเข้ามาปราบ และสุดท้ายคนที่แพ้คือกองทัพประชาชนเอง
ฉะนั้นทางที่ดีองค์กรที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจริงๆ ควรออกมายืนยัน ว่าจะต่อสู้ด้วยสันติวิธี
ไม่ควรใช้คนที่ใช้ความรุนแรงหรือปล่อยให้คนที่นิยมต่อสู้ด้วยแนวทางรุนแรงมาชี้นำ เช่น กลุ่มนักรบเสื้อดำ รวมทั้งการไปยอมให้จัดตั้งกองทัพในลักษณะนี้ขึ้นมา
แกนนำกลุ่ม นปช.ไม่ควรเกรงใจกันเอง ต้องออกมาคัดค้าน ยอมไม่เป็นเอกภาพเพื่อปกป้องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจริงๆ
หากข้อเสนอเป็นแนวคิดของคนแค่ 2 คน อย่าไปถือว่าเป็นกองทัพประชาชน
เพราะแนวทางนี้เป็นความคิดที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างมาก
กิตติศักดิ์ ปรกติ
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
การประกาศของพล.อ.พัลลภ ถึงการจัดตั้งกองทัพประชาชน คงไม่มีอะไรมาก
น่าจะเป็นเพียงความต้องการให้เกิดกระแส เป็นข่าว ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเพราะได้รับความสนใจจากสื่อและสังคม
เช่นเดียวกับกรณีมีมือดีนำอุจจาระไปปาใส่บ้านนายกฯ ที่ไม่ได้มีสาระแต่เป็นข่าวที่ได้รับความสนใจ
ในความเป็นจริงแล้วทำอะไรไม่ได้ เพราะการบอกว่าจะตั้งกองทัพประชาชน เพื่อต่อสู้นำความสงบสุขและประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับคืนมา
หากกองทัพหมายถึงการรวมตัวของมวลชนจำนวนมากคงไม่มีอะไร เพราะเป็นการแสดงความคิดเห็นตามสิทธิเสรีภาพทั่วไป
แต่หากหมายถึงกองทัพที่มีกองกำลังติดอาวุธ คงต้องมาดูว่ามีความมุ่งหวังเพื่ออะไร เข้าข่ายกบฏหรือไม่
ถ้ากองทัพหมายถึงกองกำลังติดอาวุธ มีเป้าหมายดำเนินการเพื่อเปลี่ยนแปลงบุคคลอื่นให้ได้ตามความต้องการ ถือเป็นความผิด ฐานก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ใช้กำลังประทุษร้าย
แต่หากกระทำด้วยความสงบ ไม่ใช้กำลัง แม้จะใช้ชื่อแปลกๆ ไปบ้างต้องยอมรับว่าทำได้ เพียงแต่ชื่อไม่เหมาะสม เพราะอาจทำให้เกิดการยั่วยุขึ้นได้
การกระทำครั้งนี้จะส่งผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน คงบอกไม่ได้ แต่การแสดงความเห็นทางการเมืองเป็นเรื่องที่ทำได้ และรัฐบาลมีหน้าที่รักษาความสงบ คอยดูแลและควบคุมผู้ที่ประสงค์ออกมาแสดงความเห็น หรือชุมนุมการเมืองใช้สิทธิหน้าที่ให้สอดคล้องกับกฎหมายและอยู่ในความเรียบร้อย
ส่วนที่ประกาศจะเคลื่อนไหวก่อนตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ต้องดูว่ามีเจตนาจะข่มขู่ศาลหรือไม่
หากเห็นได้ชัดว่าต้องการข่มขู่หรือใช้มติมหาชนเพื่อบีบบังคับศาล ต้องถือว่ามีความผิด
สมชาย ปรีชาศิลปกุล
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
แนวคิดกองทัพประชาชนของพล.อ.พัลลภ เท่าที่ฟังยังเป็นความคิดกว้างๆ
รูปแบบโครงสร้างจะเป็นหน่วยงานประเภทไหน มีลำดับการบังคับบัญชาเหมือนกองทัพหรือไม่นั้น
มองว่าอาจมีโครงสร้างจัดองค์กรเหมือนทหารบก ทหารอากาศ หรือจะเป็นแบบกองทัพธรรม ที่ไม่จำเป็นต้องมีโครงสร้างกองทัพอะไรมาก
เป็นกองทัพประชาชนที่มีความคิดเห็นเหมือนกันมารวมตัวกันเท่านั้น
หากเกิดกองทัพนี้ขึ้นมาอาจจะเป็นปัญหาได้ เพราะการใช้อำนาจรัฐต้องเป็นหน่วยงานของรัฐ ถ้าไม่ใช่รัฐคงใช้อำนาจปกป้องคุ้มครองประชาชนไม่ได้
กองทัพนี้จะต่างกับกองทัพธรรมที่มุ่งเผยแผ่ศาสนา การตั้งกองทัพแค่เป็นการเปรียบเปรยเท่านั้น
จตุพร พรหมพันธุ์
ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช.
เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของพล.อ.พัลลภ และพล.ต.ขัตติยะ
แต่หากพูดถึงกลุ่มคนเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยขณะนี้ คือกลุ่ม นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ที่มีพวกผมเป็นแกนนำ และมีนายวีระ มุสิกพงศ์ เป็นประธาน
การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงไม่ว่าจะใช้รูปแบบใดจะมีการประชุมเพื่อขอมติ ทุกอย่างต้องเป็นมตินปช.
ขณะที่พล.อ.พัลลภและพล.ต.ขัตติยะไม่ใช่แกนนำนปช. ไม่เคยเข้าร่วมประชุม รวมถึงพ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่เคยสั่งการ นปช.ได้ หากมีการพูดจาก็เป็นเพียงเสียงหนึ่งที่เรารับฟังเท่านั้น แต่ไม่มีอำนาจสั่งการให้คนเสื้อแดงเคลื่อนไหวใดๆ ได้
คนเสื้อแดงมีจุดยืนในการเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยวิธีที่สันติ ไม่ใช้ความรุนแรง และไม่มีแนวคิดเคลื่อนไหวโดยกองทัพประชาชน
หากมีการเคลื่อนไหวอย่างไรเราจะแถลงจุดยืนที่ชัดเจน และเรื่องที่เกิดขึ้นพล.อ.ชวลิตแถลงจุดยืนชัดเจน พ.ต.ท.ทักษิณก็เขียนในทวิตเตอร์แล้วว่าเป็นการเตือนเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงเท่านั้น
จึงไม่มีประเด็นต้องกังวล
บุรณัชย์ สมุทรักษ์
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
ทีมวอร์รูมของพรรคประชาธิปัตย์มองว่าเป็นการสร้างรูปแบบความรุนแรง อันเป็นผลจากกลุ่มบุคคลที่ประกอบด้วยพล.อ.พัลลภ พล.ต.ขัตติยะ และแกนนำกลุ่มเสื้อแดงบินไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ดูไบ
เพื่อใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือต่อรองคดียึดทรัพย์ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือการแอบอ้างกระทำในนามกองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เป็นการใช้ยุทธศาสตร์ต่อรองสถาบัน หวังตั้งรัฐไทยใหม่ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเกินกว่าการเปลี่ยนแปลงเมื่อปี 2475 ทั้งที่เรามีกองทัพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่แล้ว
มั่นใจว่าการดำเนินการดังกล่าวจะไม่สัมฤทธิผลและถูกปฏิเสธจากประชาชน คงสร้างแนวร่วมไม่ได้
แนวทางดังกล่าวเป็นการใช้วิธีจรยุทธ์ที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี ก่อความรุนแรงลักษณะก่อการร้ายมากกว่าจะต่อสู้เพื่อปลดแอก ไม่สามารถนำสู่การเป็นประชาธิปไตยได้
การที่พล.อ.ชวลิตปฏิเสธไม่รับเป็นผู้นำกองทัพประชาชนดังกล่าว
หากย้อนไปดูเหตุการณ์ที่พล.อ.ชวลิตไปชุมนุมกับอดีตกลุ่มผู้ก่อการคอมมิวนิสต์ที่ จ.มุกดาหาร มีการใส่หมวกแดง
จะถือเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวในวันนี้หรือไ
จาตุรนต์ ฉายแสง / กิตติศักดิ์ ปรกติ |
เมื่อพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี และพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง อ้างถึงผลหารือร่วมกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่บ้านพักของพ.ต.ท.ทักษิณในเมืองดูไบ
ในการจัดตั้งกองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (กปช.) พร้อมเสนอแต่งตั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย นั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการสูงสุดของ กปช.
แม้ต่อมาจะมีการยืนยันว่ากองทัพประชาชนไม่ใช่กองกำลังติดอาวุธ แต่เป็นการรวมกลุ่มของคนเสื้อแดงนับล้านคนในช่วงปลายเดือนก.พ. ที่จำเป็นต้องตั้งคนที่มีบารมีมาคอยนำการเคลื่อนไหวก็ตาม
ขณะที่มีความเห็นจากบุคคลในแวดวงการเมือง นักวิชาการ รวมถึงแกนนำคนเสื้อแดง ต่อแนวคิดดังกล่าวดังนี้
จาตุรนต์ ฉายแสง
อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
ข้อเสนอแนวคิดการตั้งกองทัพประชาชนที่พล.อ.พัลลภระบุนั้น น่าจะเป็นเรื่องการใช้ภาษาหวือหวารุนแรงเกินไป
โดยเฉพาะคำว่า "กองทัพ" อาจทำให้คนนึกถึงกองกำลังติดอาวุธหรือการต่อสู้ที่ใช้กำลังความรุนแรงในช่วงที่จะมีการชุมนุมใหญ่เกิดขึ้น
ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เพราะไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริง และไม่เชื่อว่ากองทัพประชาชนจะต่อรองทางการเมืองได้
การเสนอตั้งกองทัพประชาชนถือเป็นความคิดของคนที่ไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
หากมีการเคลื่อนไหวโดยกองทัพดังกล่าวจริงๆ อาจเข้าทางฝ่ายรัฐ ตกเป็นเครื่องมือในการนำกำลังเข้ามาปราบ และสุดท้ายคนที่แพ้คือกองทัพประชาชนเอง
ฉะนั้นทางที่ดีองค์กรที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจริงๆ ควรออกมายืนยัน ว่าจะต่อสู้ด้วยสันติวิธี
ไม่ควรใช้คนที่ใช้ความรุนแรงหรือปล่อยให้คนที่นิยมต่อสู้ด้วยแนวทางรุนแรงมาชี้นำ เช่น กลุ่มนักรบเสื้อดำ รวมทั้งการไปยอมให้จัดตั้งกองทัพในลักษณะนี้ขึ้นมา
สมชาย ปรีชาศิลปกุล จตุพร พรหมพันธุ์ บุรณัชย์ สมุทรักษ์ |
แกนนำกลุ่ม นปช.ไม่ควรเกรงใจกันเอง ต้องออกมาคัดค้าน ยอมไม่เป็นเอกภาพเพื่อปกป้องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจริงๆ
หากข้อเสนอเป็นแนวคิดของคนแค่ 2 คน อย่าไปถือว่าเป็นกองทัพประชาชน
เพราะแนวทางนี้เป็นความคิดที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างมาก
กิตติศักดิ์ ปรกติ
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
การประกาศของพล.อ.พัลลภ ถึงการจัดตั้งกองทัพประชาชน คงไม่มีอะไรมาก
น่าจะเป็นเพียงความต้องการให้เกิดกระแส เป็นข่าว ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเพราะได้รับความสนใจจากสื่อและสังคม
เช่นเดียวกับกรณีมีมือดีนำอุจจาระไปปาใส่บ้านนายกฯ ที่ไม่ได้มีสาระแต่เป็นข่าวที่ได้รับความสนใจ
ในความเป็นจริงแล้วทำอะไรไม่ได้ เพราะการบอกว่าจะตั้งกองทัพประชาชน เพื่อต่อสู้นำความสงบสุขและประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับคืนมา
หากกองทัพหมายถึงการรวมตัวของมวลชนจำนวนมากคงไม่มีอะไร เพราะเป็นการแสดงความคิดเห็นตามสิทธิเสรีภาพทั่วไป
แต่หากหมายถึงกองทัพที่มีกองกำลังติดอาวุธ คงต้องมาดูว่ามีความมุ่งหวังเพื่ออะไร เข้าข่ายกบฏหรือไม่
ถ้ากองทัพหมายถึงกองกำลังติดอาวุธ มีเป้าหมายดำเนินการเพื่อเปลี่ยนแปลงบุคคลอื่นให้ได้ตามความต้องการ ถือเป็นความผิด ฐานก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ใช้กำลังประทุษร้าย
แต่หากกระทำด้วยความสงบ ไม่ใช้กำลัง แม้จะใช้ชื่อแปลกๆ ไปบ้างต้องยอมรับว่าทำได้ เพียงแต่ชื่อไม่เหมาะสม เพราะอาจทำให้เกิดการยั่วยุขึ้นได้
การกระทำครั้งนี้จะส่งผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน คงบอกไม่ได้ แต่การแสดงความเห็นทางการเมืองเป็นเรื่องที่ทำได้ และรัฐบาลมีหน้าที่รักษาความสงบ คอยดูแลและควบคุมผู้ที่ประสงค์ออกมาแสดงความเห็น หรือชุมนุมการเมืองใช้สิทธิหน้าที่ให้สอดคล้องกับกฎหมายและอยู่ในความเรียบร้อย
ส่วนที่ประกาศจะเคลื่อนไหวก่อนตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ต้องดูว่ามีเจตนาจะข่มขู่ศาลหรือไม่
หากเห็นได้ชัดว่าต้องการข่มขู่หรือใช้มติมหาชนเพื่อบีบบังคับศาล ต้องถือว่ามีความผิด
สมชาย ปรีชาศิลปกุล
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
แนวคิดกองทัพประชาชนของพล.อ.พัลลภ เท่าที่ฟังยังเป็นความคิดกว้างๆ
รูปแบบโครงสร้างจะเป็นหน่วยงานประเภทไหน มีลำดับการบังคับบัญชาเหมือนกองทัพหรือไม่นั้น
มองว่าอาจมีโครงสร้างจัดองค์กรเหมือนทหารบก ทหารอากาศ หรือจะเป็นแบบกองทัพธรรม ที่ไม่จำเป็นต้องมีโครงสร้างกองทัพอะไรมาก
เป็นกองทัพประชาชนที่มีความคิดเห็นเหมือนกันมารวมตัวกันเท่านั้น
หากเกิดกองทัพนี้ขึ้นมาอาจจะเป็นปัญหาได้ เพราะการใช้อำนาจรัฐต้องเป็นหน่วยงานของรัฐ ถ้าไม่ใช่รัฐคงใช้อำนาจปกป้องคุ้มครองประชาชนไม่ได้
กองทัพนี้จะต่างกับกองทัพธรรมที่มุ่งเผยแผ่ศาสนา การตั้งกองทัพแค่เป็นการเปรียบเปรยเท่านั้น
จตุพร พรหมพันธุ์
ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช.
เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของพล.อ.พัลลภ และพล.ต.ขัตติยะ
แต่หากพูดถึงกลุ่มคนเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยขณะนี้ คือกลุ่ม นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ที่มีพวกผมเป็นแกนนำ และมีนายวีระ มุสิกพงศ์ เป็นประธาน
การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงไม่ว่าจะใช้รูปแบบใดจะมีการประชุมเพื่อขอมติ ทุกอย่างต้องเป็นมตินปช.
ขณะที่พล.อ.พัลลภและพล.ต.ขัตติยะไม่ใช่แกนนำนปช. ไม่เคยเข้าร่วมประชุม รวมถึงพ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่เคยสั่งการ นปช.ได้ หากมีการพูดจาก็เป็นเพียงเสียงหนึ่งที่เรารับฟังเท่านั้น แต่ไม่มีอำนาจสั่งการให้คนเสื้อแดงเคลื่อนไหวใดๆ ได้
คนเสื้อแดงมีจุดยืนในการเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยวิธีที่สันติ ไม่ใช้ความรุนแรง และไม่มีแนวคิดเคลื่อนไหวโดยกองทัพประชาชน
หากมีการเคลื่อนไหวอย่างไรเราจะแถลงจุดยืนที่ชัดเจน และเรื่องที่เกิดขึ้นพล.อ.ชวลิตแถลงจุดยืนชัดเจน พ.ต.ท.ทักษิณก็เขียนในทวิตเตอร์แล้วว่าเป็นการเตือนเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงเท่านั้น
จึงไม่มีประเด็นต้องกังวล
บุรณัชย์ สมุทรักษ์
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
ทีมวอร์รูมของพรรคประชาธิปัตย์มองว่าเป็นการสร้างรูปแบบความรุนแรง อันเป็นผลจากกลุ่มบุคคลที่ประกอบด้วยพล.อ.พัลลภ พล.ต.ขัตติยะ และแกนนำกลุ่มเสื้อแดงบินไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ดูไบ
เพื่อใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือต่อรองคดียึดทรัพย์ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือการแอบอ้างกระทำในนามกองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เป็นการใช้ยุทธศาสตร์ต่อรองสถาบัน หวังตั้งรัฐไทยใหม่ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเกินกว่าการเปลี่ยนแปลงเมื่อปี 2475 ทั้งที่เรามีกองทัพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่แล้ว
มั่นใจว่าการดำเนินการดังกล่าวจะไม่สัมฤทธิผลและถูกปฏิเสธจากประชาชน คงสร้างแนวร่วมไม่ได้
แนวทางดังกล่าวเป็นการใช้วิธีจรยุทธ์ที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี ก่อความรุนแรงลักษณะก่อการร้ายมากกว่าจะต่อสู้เพื่อปลดแอก ไม่สามารถนำสู่การเป็นประชาธิปไตยได้
การที่พล.อ.ชวลิตปฏิเสธไม่รับเป็นผู้นำกองทัพประชาชนดังกล่าว
หากย้อนไปดูเหตุการณ์ที่พล.อ.ชวลิตไปชุมนุมกับอดีตกลุ่มผู้ก่อการคอมมิวนิสต์ที่ จ.มุกดาหาร มีการใส่หมวกแดง
จะถือเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวในวันนี้หรือไ