บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

บัญชีทรัพย์สิน! ‘ทักษิณ ชินวัตร’

ที่มา บางกอกทูเดย์

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรมีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นมาอย่างไร...เคยมีใครตรวจสอบแล้วหรือไม่?เรื่องอย่างนี้ ทุกคนกำ ลังสนใจเพราะระดับอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยคนหนึ่ง...ซึ่งมีทั้งคนที่รัก และไม่รักอย่างเนืองแน่นทักษิณ เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธซึ่งตัวคุณทักษิณเอง ต้องมีการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินไว้กับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งนี้ตามแบบฟอร์มที่ ป.ป.ช. กำหนดสมัยเป็นรองนายกฯ คุณทักษิณ มีการยื่นบัญชีไว้กับ ป.ป.ช.

รวม 3 ครั้ง คือครั้งที่ 1 กรณีเข้ารับตำแหน่ง ยื่นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2540ครั้งที่ 2 กรณีพ้นจากตำ แหน่งยื่นเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2540ครั้งที่ 3 กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ยื่นเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม2541การยื่นบัญชีทรัพย์สินแ ละหนี้สินของคุณทักษิณในสมัยเป็นรองนายกฯ นั้น ได้มีการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคู่สมรสและบุตรรวมอยู่ด้วยและในการยื่นบัญชีดังกล่าว...คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ได้มีการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินดังกล่าวแล้วต่อมา

เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงรวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งแล้วเสร็จคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ได้ทำรายงานผลการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับประกาศทั่วไป เล่มที่ 116ตอนพิเศษ 51 วันที่ 14 กรกฎาคม 2542ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญฯ 2540 มาตรา 294ส่วนกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี

นั้น ระหว่างตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริง รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินปรากฏว่า...เดือนกันยายน 2543สื่อมวลชนเสนอข่าว “การซุกหุ้น” ขึ้นมาคงจำ กันได้นะครับ...เมื่อมีการเสนอขา่ วกม็ ผี รู้อ้ งไปที่ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบว่า คุณทักษิณ กับคู่สมรส ซุกหุ้นหรือไม่?โดยสรุปเมื่อ ป.ป.ช.ตรวจสอบแล้วก็มีความเห็นว่า...คุณทักษิณซุกหุ้นส่วนที่เป็นของคู่สมรสไว้เมื่อ ป.ป.ช. มีความเห็นดังกล่าว ก็ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย

ว่า คุณทักษิณจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินในส่วนของคู่สมรสหรือไม่และจะต้องถูกเว้นวรรคทางการเมืองห้าปีหรือไม่?ในชั้นการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมีการกล่าวอ้างและยกเอกสารหลักฐานมาต่อสู้กันทั้งผู้ร้องคือ ป.ป.ช. และผู้ถูกร้องคือ พ.ต.ท.ทักษิณที่ในขณะนั้นได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาวินิจฉัยมีสองประเด็นดังนี้ประเด็นที่หนึ่ง คุณทักษิณมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ตามรัฐธรรมนูญฯ2540 มาตรา 291 และ

มาตรา 292 หรือไม่และการยื่นคำร้องของ ป.ป.ช. เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 295 หรือไม่ประเด็นที่สอง คุณทักษิณมีความผิดตามรัฐธรรมนูญฯ 2540 มาตรา 295หรือไม่สาระสำคัญที่ ป.ป.ช. ร้องคือ กล่าวหาว่า คุณทักษิณ ไม่แสดงรายการทรัพย์สินซึ่งเป็นหุ้นที่ใช้ชื่อผู้อื่นถือแทนครั้งที่ 1 กรณีเข้ารับตำแหน่ง 2,372ล้านบาท ครั้งที่ 2 กรณีพ้นจากตำแหน่ง1,523 ล้านบาท และครั้งที่ 3 กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี647 ล้านบาทซึ่ง ป.ป.ช. ถือว่า เป็น

การจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 295ประเด็นที่หนึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า...คุณทักษิณมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 และมาตรา 292 และการยื่นคำร้องของ ป.ป.ช.เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 295 แล้วในการพิจารณาประเด็นที่สองมีหุ้นของบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ฯหรือ “ชินคอรป์ ” รวมอยู้ด้วยซึ่งมีการระบุถึงการโอนหุ้นไปยังบุคคลต่างๆ

ไว้ด้วย เช่นวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2535 คุณทักษิณโอนหุ้นให้แก่นาวสาวดวงตาฯ นางสาวสุกัญญาฯ นางสาวบุญชูฯ นายวิชัยฯนายมานัสฯ นายพรทิพย์ฯ และนายชัยรัตน์ฯซึ่งบุคคลเหล่านี้ถือหุ้นจนถึงปี 2541ในการวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า...คุณทักษิณและคู่สมรสดำเนินธุรกิจและมีทรัพย์สินจำนวนมากโดยเฉพาะหุ้นในบริษัทต่างๆซึ่งวิธีการดำเนินธุรกิจ คุณทักษิณได้ยอมรับว่า บางบริษัทก็มีความจำเป็นต้องใช้ชื่อบุคคลอื่นถือหุ้นแทนสำหรับการจัดทำรายการ

ทรัพย์สินในบัญชีฯ ในส่วนของคู่สมรสนั้น เลขาฯของคู่สมรสยอมรับว่า มีหุ้นที่ใช้ชื่อบุคคลอื่นถือแทนคู่สมรสของคุณทักษิณจริงและที่ไม่ได้แจ้งทรัพย์สินนั้นเกิดจากความเข้าใจผิดของเลขาฯ คู่สมรสคู่สมรสของคุณทักษิณให้การเมื่อวันที่8 ธันวาคม 2543 ยอมรับว่า...ไม่ได้ตรวจรายการบัญชีทรัพย์สินที่ยื่น หากตรวจก็จะต้องนำหุ้นส่วนนั้นมาแจ้ง เพราะยังเป็นทรัพย์สินของตนอยู่แสดงให้เห็นว่า คู่สมรสของคุณทักษิณเองยังไม่ทราบว่าไม่ได้แจ้งรายการหุ้นดังกล่าวไว้

ในบัญชีที่ยื่นต่อป.ป.ช.ทั้ง 3 ครั้งครั้นทราบเรื่องก็ได้ดำ เนินการให้คุณทักษิณแจ้งต่อ ป.ป.ช. เพิ่มเติม ศาลจึงเห็นว่า...ข้อต่อสู้ของคุณทักษิณมีเหตุผลรับฟังได้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีพยานหลักฐานใดที่จะชี้ชัดได้ว่าคุณทักษิณรู้ว่ายังมีทรัพย์สินซึ่งเป็นหุ้นของคู่สมรสที่ให้ผู้อื่นถือแทนอยู่อีกคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีความเห็นแต่เพียงว่า...คุณทักษิณและคู่สมรสพักอยู่บ้านเดียวกันมีสำนักงานอยู่ในอาคารเดียวกันทรัพย์สินเป็นหุ้นมีมูลค่า

เป็นเงินจำนวนมาก มีการซื้อขายหุ้นเป็นประจำคุณทักษิณจึงต้องรู้หรือน่าจะรู้การกระทำของคู่สมรสรวมตลอดทั้งทรัพย์สินเป็นหุ้นที่คู่สมรสดำเนินการอยู่เสมอไปนั้นหาได้ไม่เพราะในความเป็นจริงบางกรณีอาจไม่รู้ก็ได้!ศาลจึงเชื่อว่า...คุณทักษิณน่าจะไม่รู้ว่าขณะยื่นบัญชีทั้ง 3 ครั้งมีหุ้นที่ให้ผู้่อื่นถือแทนและยังไม่ได้แสดงไว้ในบัญชีทรัพย์สินฯข้อต่อสู่ของคุณทักษิณจึงมีน้ำหนักรับฟังได้พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. อ้างอิงและนำสืบแล้วยัง

ไม่พอฟังว่า...คุณทักษิณจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินฯด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ จึงไม่มีความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 295ที่เขียนมาโดยย่อข้างต้น ผมเอามาจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 20/2544 ที่วินิจฉัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ซุกหุ้นหรือที่สื่อเรียกกันว่า บกพร่องโดยสุจริตนั้น...ทำให้เห็นได้อย่างหนึ่งว่า...พ.ต.ท.ทักษิณ มีหุ้นมาก่อนแล้ว...โดยเฉพาะหุ้นที่ชื่อว่า “ชิน คอร์ป”

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker