บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

หนทาง ‘สันติวิธี’ เพียงสถานเดียว อันนำไปสู่ชัยชนะ!

ที่มา บางกอกทูเดย์

“รัฐอำมาตยาธิปไตย” มีกลไกอำนาจรัฐที่แข็งแกร่งใหญ่โตครอบคลุมอยู่แทบจะทุกอาณาบริเวณของประเทศไทยอาทิ กองทัพ ตำรวจ อัยการ ศาลหนังสือพิมพ์รายวันไม่ตํ่ากว่าสิบฉบับรายสัปดาห์ไม่ตํ่ากว่าห้าฉบับ โทรทัศน์ฟรีทีวี 6 ช่อง ทีวีดาวเทียม เคเบิ้ลทีวีอีกไม่ตํ่ากว่าหลายสิบเจ้ากฎหมายจำนวนนับไม่ถ้วนที่พร้อมจะถูกตีความบังคับใช้ไปในทางที่เอื้อประโยชน์ต่อระบอบอำมาตย์หรือทำตามที่อำมาตย์สั่งการสถานศึกษาตั้งแต่ระดับอุดมศึกษาไปจนถึงอนุบาลศึกษาจำนวนหลายหมื่นแห่ง...กิจการธุรกิจขนาดยักษ์ไม่ตํ่ากว่าหลายสิบแห่งที่พร้อมจะสนับสนุนทางการเงินให้เหล่าอำมาตย์รวมทั้ง สองสภาหนึ่งสมาคมทางธุรกิจ

ซึ่งรับใช้อำมาตย์อย่างออกนอกหน้าปัญญาชนนักวิชาการจำนวนหลายร้อยคน องค์กรเอ็นจีโออีกหลายสิบองค์กร องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญอีกห้าองค์กรแม้แต่ตัวรัฐธรรมนูญ 2550 เอง...ก็เป็นรัฐธรรมนูญอำมาตยาธิปไตยอย่างล่อนจ้อน!ดังนั้น ฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งแทบจะกล่าวได้ว่า...เริ่มต้นจากสองมือเปล่าจากองค์กรไม่ถึงสิบองค์กร ค่อยๆเกิดเป็นรูปองค์กรมากขึ้นในที่สุดจึงก่อรูปเป็น นปก.(แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ)ซึ่งก็พัฒนาเป็น แนวร่วม

ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แล้วขยายตัวเติบใหญ่มาเป็น นปช.แดงทั้งแผ่นดินในทุกวันนี้หากมองย้อนหลังนับแต่รัฐประหาร19 กันยายน 49 เป็นต้นมา...ต้องนับว่าขบวนประชาธิปไตยเติบโตได้อย่างรวดเร็วมหัศจรรย์และมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นทุกวันซึ่งแทบจะไม่น่าเชื่อเลยว่า...ภายหลังจากการปราบปรามเข่นฆ่าอย่างบ้าเลือดของรัฐบาล “อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ” เมื่อสงกรานต์เลือด2552 แล้วขบวนการเสื้อแดง ไม่เพียงแต่จะยังคงดำรงอยู่ได้...แต่

กลับขยายตัวอย่างรวดเร็วไปจนเกิดปรากฏการณ์“แดงทั้งแผ่นดิน” อันครึกโครมแม้ในทุกวันนี้ก็ยังคงมีปรากฏการณ์ที่ประชาชนเสื้อแดงจัดให้มีการปราศรัยสาธารณะที่มีคนเสื้อแดงเข้าร่วมเป็นจำนวนตั้งแต่หลายพันไปจนถึง หลายแสนอยู่ทุกวันในแทบทุกภาคยกเว้นเพียงภาคใต้ของประเทศ!ในขณะเดียวกันก็มีการจัดตั้งโรงเรียนผู้ปฏิบัติงาน นปช.แดงทั้งแผ่นดินของ นปช.แดงทั้งแผ่นดินกว่าสิบโรงเรียนไปแล้ว (นี่ไม่นับโรงเรียนที่มวลชนผู้รักประชาธิปไตยจัดกันเอง)

ในขณะนี้ผลิตผู้ปฏิบัติงาน นปช.แดงทั้งแผ่นดินทั้งหมดไม่น่าจะตํ่ากว่าหมื่นคนซึ่งจะลงไปทำงานในพื้นที่ขยายมวลชนเสื้อแดงขึ้นมาอีกจำนวนมากมายขึ้นในเร็ววันทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้...ไม่เพียงเพราะ“หลักนโยบาย” ทิศทางการเมืองที่ถูกต้องของ นปช.แดงทั้งแผ่นดินเท่านั้นแต่ยังเป็นการยืนยันให้เห็น“อานุภาพ” อันลํ้าเลิศของการต่อสู้แบบ “สันติวิธี”เพราะท่านผู้อ่านลองคิดสักนิดก็จะเห็นได้ทันทีว่า...หากแกนนำ นปช.แดงทั้งแผ่นดินเลือกเดินเส้นทางต่อสู้ด้วยความ

รุนแรง หรือใช้กำลังอาวุธขบวนแถวของ นปช.แดงทั้งแผ่นดินจะขยายตัวเติบใหญ่แข็งแกร่งได้จนเท่าทุกวันนี้หรือไม่?คำตอบก็คือ...หากใช้เส้นทางต่อสู้ด้วยความรุนแรง นปช.ไม่มีวันที่จะเติบใหญ่จนถึงทุกวันนี้ได้บทเรียนในประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางการเมืองของประเทศไทยทั้งในอดีตที่ผ่านมา 14 ตุลา 16...6 ตุลา 19 และ17 พ.ค. 35 ล้วนยืนยันเป็นอย่างดีว่า...มีแต่ต้องต่อสู้ด้วยสันติวิธีเท่านั้นจึงจะนำพาประชาชนไปสู่ชัยชนะใหญ่น้อยและเมื่อศัตรูของประชาชน

ประสบความสำเร็จในการใส่ร้ายป้ายสีฝ่ายประชาชนว่าใช้ความรุนแรงคนเหล่านั้นก็จะใช้อาวุธเข้าปราบปรามการต่อสู้ของประชาชนหรือทำลายดอกผลของการต่อสู้ทั้งหมดที่ได้มาของประชาชนลงไปอย่างสิ้นเชิงเมษาเลือด 52 ก็ยิ่งยืนยันใหญ่เพราะฝ่ายอำมาตย์นั่นเองที่นำเอารถแก๊สไปจอดที่สามเหลี่ยมดินแดง สร้างกับดักขึ้นที่กระทรวงมหาดไทยล่อเสื้อแดงรวมทั้งที่พัทยาให้เข้าไปฮุบเหยื่อซึ่งเสื้อแดงเองก็ขาดประสบการณ์รู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่ทันเกมของอำมาตย์ฮุบ

เหยื่อที่มหาดไทยและที่พัทยาเข้าเต็มเปาทำให้พวกอำมาตย์ครอบงำ“มติมหาชน” กล่าวหาเสื้อแดงว่า...รุนแรงและใช้กำลังทหารพร้อมอาวุธสงครามสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตเมื่อเป็นเช่นนี้...การต่อสู้กับฝ่ายอำมาตยาธิปไตยนั้นเสื้อแดงจึงต้องเคร่งครัดเข้มงวดในเรื่อง “สันติวิธี”ต้องไม่อนุญาตให้มีการกระทำนอกแถวนอกแนวลํ้าเส้นออกไป!ยิ่งในวันนี้มีการให้ร้ายหรือ“กุข่าว” ที่คนเสื้อแดงเข้าไปมีส่วนพัวพันหรือมีส่วนร่วมในเรื่องของการใช้

ความรุนแรง...ใช้อาวุธเข้าต่อสู้กับระบอบอำมาตย์...ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของการป้องกันตัวเองหรืออย่างไรก็ตามจึงเป็นเรื่องที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการก้าวไปข้างหน้าของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งคนเสื้อแดงทั้งหลายต้องปฏิเสธทิศทางการก้าวเดินดังกล่าวอย่างสิ้นเชิงดังนั้น...ประชาชนที่รักประชาธิปไตยทั้งที่ใส่เสื้อแดง และไม่ได้ใส่เสื้อแดงทั้งหลายจึงต้องเข้มงวดอย่างยิ่งในการที่จะไม่สร้างเงื่อนไขหรือก่อให้เกิด“จุดอ่อน” ในเรื่องที่ฝ่ายอำมาตย์ใช้ในการทำลายการต่อสู้

ของฝ่ายประชาธิปไตยมิเช่นนั้น...ไม่เพียงแต่ไม่อาจจะก้าวไปข้างหน้าสู่ชัยชนะที่มากยิ่งขึ้นแต่อาจจะกลับเพลี่ยงพลํ้าและถูกปราบปรามเข่นฆ่าอย่างอำมหิตดังเช่น...ประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นในประเทศพม่า ในประเทศอินโดนีเซีย หรือกระทั่งในกรณีของเทียนอันเหมินของจีนก็เป็นได้“สันติวิธี” เพียงสถานเดียวเท่านั้น...ที่ทำให้“ประชาธิปไตย” เติบโต...และนำผู้คนไปสู่ชัยชนะ! 

น.พ.เหวง โตจิราการ

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker