บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ทำอย่างไรจะไร้โกง?

ที่มา ไทยรัฐ

ทุกครั้งที่มีการจัดอันดับประเทศที่มีความโปร่งใสไร้คอรัปชัน... ประเทศฟินแลนด์ จะได้คะแนนอยู่ในอันดับต้นๆอยู่เสมอ

ดังเช่นเมื่อปี 2007 ฟินแลนด์ก็ได้คะแนนโปร่งใสถึง 9.4 จากคะแนนเต็ม 10 เป็นที่ 1 ของโลก

ความสำเร็จในการต่อต้านและปราบปรามคอรัปชันของฟินแลนด์ ทำให้มีนักสังเกตการณ์จำนวนไม่น้อยเดินทางไปศึกษาหาข้อมูลในรายละเอียด

สำนักงาน ป.ป.ป.ของประเทศไทยก็เคยส่งคนไปดูงานและกลับมาเขียนเผยแพร่ เมื่อ 2-3 ปีก่อน

ผมไม่ได้เก็บเอกสารไว้ทั้งหมด แต่จดหลักใหญ่ใจความเอาไว้ โดยเลือกเฉพาะข้อที่น่าสนใจบางข้อ ที่เหมาะสมกับบ้านเราหรือพอจะนำมาสานต่อได้ในบ้านเรา

ข้อแรกเลย เขาบอกว่าประเทศฟินแลนด์มีจุดแข็งมากในการสร้างค่านิยมของประชาชนให้อยู่บนพื้นฐานความพอประมาณ ซึ่งเขาใช้ศัพท์แสงว่า Moderation, การยับยั้งชั่งใจ (Personal Restraint) และการคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน

ผู้สังเกตการณ์จากประเทศไทยเรารายงานว่าคนฟินแลนด์ มีคุณสมบัติทั้ง 3 ข้อนี้ครบถ้วน และกล่าวได้ว่ามีมาเป็นเวลาช้านานแล้ว

ทั้งนี้เป็นผลจากการเน้นทางด้านการศึกษาที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อปลูกฝังลักษณนิสัยที่ถูกต้องดังกล่าวให้แก่ประชาชนของเขา

นอกจากนี้เขายังพัฒนาสื่อมวลชนและองค์กรภาคประชาชน ให้ทำหน้าที่ตรวจสอบและผลักดันภาครัฐอย่างแข็งขัน ส่งผลให้ภาครัฐไม่กล้าทำอะไรที่ผิดจริยธรรม

จุดแข็งอีกข้อหนึ่งของฟินแลนด์ที่ผมจดไว้ก็คือ "การมีบทบาทในการตัดสินใจทางการเมืองอย่างสูงของสุภาพสตรี"

โดยมีงานวิจัยของธนาคารโลกอยู่ชิ้นหนึ่งจากประสบการณ์ในหลายประเทศพบว่า ประเทศที่มีผู้หญิงเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเป็นข้าราชการระดับสูงมากๆนั้นมีส่วนสัมพันธ์กับการ "มีปัญหาคอรัปชันน้อย"

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ธนาคารโลกไปวิจัยพบว่าประเทศที่มีผู้หญิงเข้ามาบริหารและรับผิดชอบในกิจการบ้านเมือง หรือการเป็นข้าราชการระดับสูงมากๆ จะทำให้คอรัปชันน้อยลง

ฟินแลนด์นับเป็นประเทศที่สอดคล้องกับบทวิจัยบทนี้อย่างมาก เพราะเปิดโอกาสให้ผู้หญิงลงสมัครผู้แทนราษฎรได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2449 หรือ เมื่อกว่า 100 ปีมาแล้ว

ปัจจุบันนี้จึงมีผู้หญิงเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกสภาท้องถิ่นราว 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด และเป็นรัฐมนตรีราวครึ่งหนึ่งของคณะรัฐมนตรี

รวมทั้งยังกำหนดไว้ว่า จะต้องมีผู้หญิงในตำแหน่งข้าราชการทุกระดับ เพื่อช่วยให้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทในการบริหารประเทศมากขึ้น

จาก 2 ข้อหลักๆที่ผมจดไว้และนำมาถ่ายทอดต่อวันนี้ ผมเห็นด้วยอย่างมากสำหรับข้อแรก คือ การสร้างค่านิยม 3 ประการ

ประเทศใดที่ประชาชนรู้จักพอประมาณ รู้จักยับยั้งชั่งใจ และสำนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน ประเทศนั้นจะไม่มีวันอับจนแน่นอน...มีแต่จะเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ

ในกรณีการวิจัยของธนาคารโลกที่ว่าผู้หญิงโกงน้อยกว่าผู้ชายนั้น เท่าที่ผมเคยอ่านรายงานอื่นๆประกอบด้วยพบว่า ค่อนข้างจริงในหลายๆประเทศ

แม้แต่ที่บังกลาเทศ โครงการธนาคารคนจนหรือกรามีน แบงก์ อันมีชื่อเสียงของเขาก็เน้นว่า กรรมการของธนาคารระดับหมู่บ้านจะต้องเป็นหญิงมากกว่าชาย และลูกค้าที่มากู้เขาจะให้เงินกู้แก่แม่บ้านมากกว่าพ่อบ้าน เพราะเชื่อในความซื่อสัตย์ของผู้หญิงมากกว่า

แต่สำหรับบ้านเราคงต้องศึกษาอย่างละเอียดอีกสักพักในประเด็นนี้ ...เพราะถ้าจะว่าไป เราก็มี ส.ส.หญิงมานานพอสมควร มีรัฐมนตรีหญิงก็หลายคนในแต่ละรัฐบาลในช่วงหลังๆนี้

ทว่า อัตราคอรัปชันของเราก็ยังไม่ลดลง และสำรวจทุกครั้ง เราก็ยังอยู่ในอันดับที่ไม่น่าพอใจ

ผมยังเชื่อธนาคารโลก และเชื่อผลการวิจัยต่างๆว่าผู้บริหารหญิงคอรัปชันน้อยกว่าผู้บริหารชาย

แต่สำหรับประเทศไทยคงต้องขอเวลาพิสูจน์หน่อยนะครับ ธนาคารโลกครับ

เพราะเวลามีข่าวเรื่องคอรัปชันโชยมาทีไร...ดูเหมือนว่า รมต.หญิง ส.ส.หญิง และข้าราชการหญิงของเรา จะเข้าไปพัวพันไม่แพ้ฝ่ายชายซีน่ะ.

"ซูม"

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker